px

เรื่อง : ราชันสามภพ (นิยายแปล)
ตอนที่ 31 จุดเริ่มต้นของการทดสอบพื้นฐาน


ตอนที่ 31 จุดเริ่มต้นของการทดสอบพื้นฐาน

 

-------------------------

เช่นเดียวกับที่ทั้งคู่ได้เผชิญหน้ากันอีกครั้ง หยานยี่หมิงได้ถูกทำให้ได้รับความอับอายและความพ่ายแพ้อย่างสมบูรณ์อีกครั้งหนึ่ง...

 

เป็นอีกครั้งที่เจี้ยงเฉินได้เป็นผู้ชนะ และก็เป็นอีกครั้งหนึ่งที่เจี้ยงเฉินใช้ดัชนีราชันย์บูรพาในการเอาชนะอีกเช่นกัน

 

มีเพียงอย่างเดียวที่แตกต่างจากเดิม นั่นคือการที่หยานยี่หมิงในครั้งนี้นั้นได้ใช้มรดกทักษะของตระกูล และในครั้งนี้เขาไม่ได้มีความคิดที่จะประมาทคู่ต่อสู้ และได้ต่อสู้อย่างเต็มที่

 

แต่กระนั้น หยานยี่หมิงก็ยังเป็นคนที่ได้รับความพ่ายแพ้เช่นเดิม...

 

อีกทั้ง มันยังเป็นเรื่องที่อยู่ในข้อตกลงของสามกระบวนท่าอีกด้วย

 

นั่นสามารถกล่าวได้ว่า หยานยี่หมิงไม่สามารถรับมือกับสามกระบวนท่าของเจี้ยงเฉินได้ แม้เขาจะใช้พลังอย่างเต็มที่แล้วก็ตาม

 

แน่นอนที่ครั้งนี้หยานยี่หมิงไม่ได้โชคดีเท่าไรนัก ครั้งที่แล้วเจี้ยงเฉินยังคงไว้หน้าเขาอยู่บ้าง เจี้ยงเฉินไม่ได้ใช้พลังปราณโกรธของเขาในการเอาชนะหยานยี่หมิง

 

แต่เวลานี้ หยานยี่หมิงได้ยั่วยุเจี้ยงเฉินครั้งแล้วครั้งเล่าเขาได้ข้ามเส้นที่เจี้ยงเฉินได้ขีดไว้..ดังนั้นหยานยี่หมิงจึงได้ลิ้มรสพลังอย่างน้อยเจ็ดส่วนในสิบส่วนของพลังความแข็งแกร่งของเจี้ยงเฉิน

 

หลังจากการพ่ายแพ้ในครั้งนี้ เกรงว่าหยานยี่หมิงอาจลุกจากเตียงไม่ได้ไปราว ๆ 3-5 เดือน

 

"เจ้ารู้จักคำพูดนี้มั้ย? น้ำเต็มถังย่อมตั้งมั่น น้ำครึ่งถังมักโอนเอน ผู้แข็งแกร่งมักไม่พูด แต่ผู้ที่โง่งมในรักมักอวดอ้าง นี่อาจจะเป็นความหมายสำหรับคนเช่นเจ้า เจ้าว่าจริงมั้ย?"

 

เจี้ยงเฉินไม่ได้สนใจว่าหยานยี่หมิงจะอยู่หรือตาย การต่อสู้กันระหว่างทายาทเป็นเรื่องปกติในเมืองหลวง ต้องกล่าวว่าการทดสอบมังกรซ่อนนั้นก็มีมาเพื่อการแข่งขันกันระหว่างทายาทขุนนางอยู่แล้ว

 

ทายาทขุนนางที่ไม่ได้เป็นมิตรกับเจี้ยงเฉิน ทุกคนก้าวถอยหลังโดยสัญชาตญาณ เมื่อพวกเขาเห็นหยานยี่หมิงนอนราบอยู่กับพื้น

 

พวกเขาล้วนเหมือนเป็นศพเมื่อพวกเขาได้เห็นสายตาของเจี้ยงเฉิน พวกเขาไม่ต้องคิดเลยว่าหยานยี่หมิงจะสามารถกลับมาสู้ได้อีกหลังจากนี้

 

โดยจุดนี้ ไม่มีใครเชื่ออีกแล้วว่าเจี้ยงเฉินอยู่เพียงปราณแท้จริงระดับสาม

 

มีเพียงคนโง่เท่านั้นที่จะเชื่อว่าเจี้ยงเฉินอยู่เพียงระดับเริ่มต้นหลังจากได้เห็นดัชนีนั่น

 

จะมีใครที่อยู่ในระดับเริ่มต้นปราณแท้จริง ที่สามารถคุกคามหยานยี่หมิงได้?

 

เจี้ยงเฉินไม่ได้คิดมากในการเอาชนะคนโง่เง่าเช่นหยานยี่หมิง ความแข็งแกร่งที่แท้จริงของเขานั้นอยู่ที่ปราณแท้จริงขั้นห้าแล้ว

 

ด้วยความสามารถอันโดดเด่นของเขา มันเป็นข้อสรุปมาก่อนแล้วว่าเขาจะสามารถเอาชนะ หยานยี่หมิงผู้ที่มีระดับปราณแท้จริงขั้นหกได้

 

ถ้าเขาพบว่ามันยากสำหรับการเอาชนะเพียงผู้ที่มีเพียงลมปราณแท้จริงขั้นหกแล้ว งั้นความสามารถของเขาเมื่อชีวิตที่แล้วก็คงเป็นเรื่องน่าขัน

 

สำหรับเจี้ยงเฉิง เขามีความอิ่มเอมในใจของเขา เขามีความพอใจสำหรับการที่ได้รับการปฏิบัติของคนรอบข้างครั้งสุดท้ายที่หอโอสถ และวันนี้ก็เป็นอีกครั้งหนึ่งที่เขาได้รับการมองด้วยความนอบน้อมจากคนรอบข้าง (เจี้ยงเฉิงนะครับไอ้คนรับใช้อ่ะ ผมก็งงตั้งนานไปอ่านผิด)

 

อะไรคือสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับคนใช้? นั่นคือการที่งานของเขาจะสามารถเป็นไปได้อย่างราบรื่น และจะได้เดินอย่างภาคภูมิไม่ว่าเขาได้ไปที่ไหน

 

และวันนี้เจี้ยงเฉิงก็ค่อนข้างดีใจมากทีเดียว

 

"เจ้าหน้าที่ นายน้อยของตระกูลเรามีความประสงค์ที่จะเข้าร่วมการทดสอบพื้นฐานที่สาม" เสียงของเจี้ยงเฉิงยังดังมากกว่าปกติ

 

ถ้าเป็นเมื่อก่อน เจี้ยงเฉิงคงจะรู้สึกว่าการลงทะเบียนสำหรับการทดสอบพื้นฐานนั้นเป็นเรื่องน่าอับอายและขายขี้หน้า

 

แต่มันได้แตกต่างอย่างเห็นได้ชัดหลังจากที่เจี้ยงเฉินสามารถเหยียบย่ำหยานยี่หมิงได้ มันจะเป็นไปได้อย่างไรเมื่อคนที่สามารถเหยียบย่ำหยานยี่หมิงได้ จะไม่สามารถผ่านการทดสอบพื้นฐาน?

 

ทำไมเข้าถึงไม่มาก่อนหน้านี้? นั่นเป็นเพราะว่านายน้อยของเรายุ่งเกินกว่าที่จะมาผ่านการทดสอบพื้นฐาน!

 

สำหรับคนอื่น ๆ นอกจากเจี้ยงเฉิน ไม่มีใครสักคนที่มาสอบตั้งแต่การทดสอบพื้นฐานที่ 1 ตอนเส้นตาย

 

อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครกล้าที่จะสร้างปัญหากับเจี้ยงเฉินสำหรับกระบวนการนี้

 

เขาก้าวเข้ามาในพื้นที่ของการทดสอบที่หนึ่ง

 

มีพื้นที่วงกลมขนาดใหญ่อยู่ตรงกลางของวงแหวน พื้นที่ถูกวางสลับกันไปมาด้วยหลุมทั้งสิบสองแต่ละหลุมถูกคั่นด้วยเสาที่ทำด้วยหยกขาวในช่วงกลางของพวกมัน

 

นี่เป็นเสาลมปราณแท้จริงที่ถูกนำมาใช้ในการทดสอบพลังปราณ

 

ไม่มีใครที่จะสามารถโกงการทดสอบนี้ได้ ผู้สมัครสามารถทำให้เสาเปล่งแสงได้ตามจำนวนระดับปราณแท้จริงที่พวกเขามี

 

อนึ่งผู้สมัครอาจเก็บงำความแข็งแกร่งของเขาไว้ได้ แต่จะไม่สามารถทำให้มันมีมากกว่าความแข็งแกร่งของเขาได้

 

นั่นหมายความว่า ถ้าเจ้ามีระดับพลังปราณแท้จริงขั้นสิบ เจ้าจะสามารถแสดงออกให้มันเป็นขั้นแปดหรือแม้กระทั่งขั้นสี่ได้

 

แต่ถ้าคุณมีเพียงระดับสี่ คุณจะไม่สามารถสร้างสิ่งที่คุณไม่มีได้

 

ดังนั้นนี่คือการทดสอบที่ไม่สามารถที่จะโกงมันได้

 

"ไม่น่าแปลกใจเลยที่เจี้ยงเฉินคนเก่าไม่สามารถที่จะผ่านการทดสอบนี้ มันจะเป็นไปได้อย่างไรที่ผู้ที่มีเพียงระดับเริ่มต้นของปราณแท้จริงที่จะผ่านการทดสอบไปได้?" เจี้ยงเฉินส่ายหัวของเขาเล็กน้อยและวางฝ่ามือลงไปบนแท่นและโคจรพลังปราณแท้จริงระดับสามของเขา

 

มีเสียงออกมาจากแท่นหิน

 

เสาหินหยกขาวเริ่มที่จะเปล่งแสงขึ้นมาหนึ่งเสา

 

หนึ่งเสา,สอง,สาม,สี่,ห้า...

 

บางคนในฝูงชนพากันถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อเห็นเสาหินที่ส่องสว่างทั้งห้า ในขณะที่บางคนกลับผิดหวังเล็กน้อย

 

มีหลายอารมณ์ที่คนอื่น ๆ แสดงออกมาในปัจจุบัน แต่เจี้ยงเฉินก็ไม่ได้ใส่ใจพวกเขา เขาไม่ได้สงวนความแข็งแกร่งของเขาในการทดสอบนี้

 

"เอ๊ะ? ดูนั่นแม้ว่าจะมีเพียงห้าเสาที่ส่องสว่างแต่แสงของมัน..."มีบางคนสังเกตเห็นบางอย่างได้หลังจากมีคนหนึ่งได้ชี้ไปยังเสา

 

"ดูนั่น ตามปกตินั้นพวกเราทำได้แค่เพียงทำให้เสาเปล่งสีฟ้าจาง ๆ เท่านั้น แต่กับของเจี้ยงเฉินนั้นกลับเป็นสีเขียว! และดูเหมือนว่ามันจะเป็นพลังที่บริสุทธิ์ มันมีพลังที่เท่าเทียมและความบริสุทธิ์เท่ากันทุกเสา...."

 

"นั่นมันพลังปราณที่สมบูรณ์แบบ ไม่น่าแปลกใจเลยที่เพียงระดับห้าปราณแท้จริงจะสามารถเอาชนะหยานยี่หมิงได้ง่ายดายถึงเพียงนั้น!"

 

"ดูเหมือนว่าเราจะประเมินเจี้ยงเฉินต่ำไป!"

 

"ดูความบริสุทธิ์นั่น! ด้วยปริมาณความบริสุทธิ์ขนาดนี้ข้าคิดว่าเขาสามารถท้าทายได้แม้แต่ระดับสูงของดินแดนปราณแท้จริง!"

 

การที่ได้รับการประเมินว่าอยู่ในระดับเดียวกับระดับสูงดินแดนปราณแท้จริงนั้นแน่นอนว่ามันเป็นคำสรรเสริญอย่างแน่นอน

 

แม้แต่ผู้ดูแลการทดสอบก็ยังปรับผลการทดสอบของเจี้ยงเฉินเล็กน้อย และดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความตื่นตะลึงเมื่อมองไปยังเจี้ยงเฉิน

 

เจี้ยงเฉินมองเห็นความชื่นชมและความสงสัยในสายตาของผู้ดูแลการทดสอบ เจี้ยงเฉินนั้นกระทั่งว่าระงับพลังบางส่วนของพลังปราณของเขาไว้

 

"เอาล่ะเจี้ยงเฉิน ระดับห้าปราณแท้จริง เจ้าผ่านการทดสอบพื้นฐานแรก!"

 

ผู้ดูแลการทดสอบพูดอย่างสดใส "เจี้ยงเฉินขอแสดงความยินดีที่เจ้าผ่านการทดสอบ เราจะใช้มันในการจดบันทึกไว้ใช้เป็นข้อมูลในภายหน้า"

 

"รบกวนท่านแล้ว"เจี้ยงเฉินยิ้มอย่างแผ่วเบา เขาย่อมตอบรับอย่างเป็นมิตรกับคนที่เป็นมิตรกับเขา

 

เขาได้ผ่านการทดสอบแรกอย่างง่ายดาย มันเป็นอย่างที่เจี้ยงเฉินได้คาดการณ์ไว้

 

เขามาถึงพื้นที่การทดสอบพื้นฐานที่สองหลังจากเดินมาไม่กี่ก้าว

 

การทดสอบที่สองเต็มไปด้วยกลิ่นอายของกระบี่

 

"เจี้ยงเฉิน การทดสอบที่สองจะไม่เหมือนกับการทดสอบแรกและมันจะมีความอันตรายอยู่บ้าง หากเจ้าไม่ได้อยู่ในระดับสี่ปราณแท้จริงและมีระดับรัตนะม่วงบูรพาได้อยู่ในระดับ "สมบูรณ์แบบ" เจ้ามีโอกาสที่จะได้รับอันตรายจากห้องนี้" ผู้ดูแลคนที่สองของการทดสอบได้บอกกับเขา มันเป็นกฎ

 

เจี้ยงเฉินพยักหน้า "ขอบคุณสำหรับการตักเตือน ข้าพร้อมแล้ว"

 

"ถ้างั้น โปรดระวังตัวด้วย" ผู้ดูแลพยักหน้าไม่ได้กล่าวอะไรอีก เนื่องจากการที่ผู้เข้าร่วมการทดสอบมาถึงที่นี่แล้วมันไม่มีเหตุผลที่พวกเขาจะออกไปเพียงเพราะมันมีอันตราย

 

ห้องที่มีกลิ่นอายของกระบี่นี้เป็นห้องสี่เหลี่ยมขนาดสิบคูณสิบเมตร

 

กลไกนับไม่ถ้วนติดอยู่ทั่วห้องมันจะปล่อยกลิ่นอายกระบี่ที่รุนแรงออกมา

 

ผู้เข้าร่วมการทดสอบต้องอดทนรับกลิ่นอายกระบี่ในห้องแห่งนี้

 

นอกจากนี้ มันจะมีแมลงหนึ่งหรือสองตัวปล่อยออกมาทุก ๆ ชั่วระยะเวลาหนึ่งผู้เข้าร่วมการทดสอบต้องสังหารแมลงพวกนี้อย่างน้อยสิบตัวในหนึ่งชั่วโมงนี้

 

การทดสอบนี้ ในการเปรียบเทียบ มันนับว่าหนักกว่าการทดสอบครั้งแรกเล็กน้อย (ผู้แปล. การทดสอบแรกเอ็งทำอะไรด้วยเรอะ)

 

ผู้เข้าร่วมการทดสอบจะไม่สามารถสังหารพวกแมลงได้หากพวกเขายังไม่สามารถที่จะเข้าสู่ระดับสี่ขั้นปราณแท้จริงได้ ด้วยความเร็วและเกราะป้องกันของแมลงพวกนี้มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่ผู้เข้าทดสอบที่อยู่ในระดับเริ่มต้นของดินแดนปราณแท้จริงจะสามารถผ่านมันไปได้

 

"การทดสอบน่าสนใจนี่"

 

ในเวลาที่เขาคิดเช่นนั้น พลันมีกระแสกระบี่กดทับมายังเขา แต่ปราณกระบี่ที่เรียบง่ายเช่นนี้ไม่มีภัยคุกคามสำหรับเขา

 

ใบหน้าของดูหลู่ไห่เปลี่ยนแปลงไปอย่างน่ากลัวเมื่อเขาได้ฟังรายงานเกี่ยวกับการทดสอบของเจี้ยงเฉิน

 

"เจ้าเด็กสารเลวนั่นมันปกปิดพลังที่แท้จริงของมันไว้! ระดับ 5 ดินแดนปราณแท้จริงและความบริสุทธิ์ของพลังปราณมันยังมากกว่าทายาทขุนนางคนอื่น ๆ อีกด้วย!"

 

ดูหลู่ไห่มีสีหน้าที่มืดครึ้มยิ่งขึ้นเมื่อเขาได้ดูผลการทดสอบแรกของเจี้ยงเฉิน เขาได้รับการต่อว่าอย่างรุนแรงจากองค์หญิงโจวหยู่ที่จวนขุนนางมังกรทะยาน แม้ว่าเขาจะไม่ได้โดนลงโทษหลังจากนั้น แต่เขาก็ได้รับแรงกดดันเป็นอย่างมากจากผู้คน

 

ความน่าเชื่อถือและอำนาจของเขาในการทดสอบมังกรซ่อนเองก็ได้รับผลกระทบไปด้วยเช่นกัน

 

นี่เป็นสิ่งที่เขาไม่ปรารถนามากที่สุด ดูหลู่ไห่ เขาได้ไต่เต้ามาจากระดับล่างสุด สิ่งที่เขาปรารถนาคืออำนาจในทุก ๆ สิ่ง

 

และตอนนี้ขุนนางมังกรทะยานยื่นคำขาด หากเขาไม่สามารถที่จะหยุดเจี้ยงเฉินได้ เขาจะไม่ได้รับความไว้วางใจจากขุนนางมังกรทะยานอีก

 

การสูญเสียความไว้วางใจจากขุนนางมังกรทะยานหมายถึงการสูญเสียผู้หนุนหลังที่แข็งแกร่งที่สุดของเขา มันกล่าวได้ว่าหากไม่มีการสนับสนุนจากตระกูลมังกรทะยาน ทรัพย์สมบัติและพลังของเขาทั้งหมดจะกลายเป็นเรื่องตลก

 

ดังนั้นเขาจะต้องกำจัดเจี้ยงเฉิน เขาต้องใช้ทั้งหมดที่เขามีจัดการเจี้ยงเฉินให้ได้!

 

เขาต้องแบกรับความเสี่ยงแล้ว ขุนนางหลงไม่ใช่คนที่จะไปเล่นด้วยได้ บางทีหากขุนนางหลงไม่สบอารมณ์ อาจพบดูหลู่ไห่เป็นศพอยู่ที่ข้างถนนในคืนนี้

 

"เสี่ยวหม่า มานี่ ข้าต้องการให้เจ้า......" ดูหลู่ไห่ออกคำสั่งให้กับคนที่เขาไว้ใจมากที่สุด

 

เสี่ยวหม่าจงรักภักดีต่อดูหลู่ไห่ เขาทุบหน้าอกของเขาเมื่อได้ยินคำของดูหลู่ไห่และให้คำยืนยัน "ขอรับ นายท่าน ข้าจะจัดการให้เรียบร้อยและจะไม่ทิ้งเบาะแสไว้อย่างแน่นอน"

 

"อืม..ถ้าเจ้าทำงานนี้ได้อย่างราบรื่นข้าสัญญาว่าเจ้าจะได้ใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย"

 

ภายในห้องปราณกระบี่มีแมลงกว่าห้าสิบตัวตายเรียงรายอยู่บนพื้น กับเวลาที่ผ่านไปเพียงครึ่งชั่วยามกว่า ๆ

 

เจี้ยงเฉินไม่ได้ออกไปจากห้องปราณกระบี่เลย และเจี้ยงเฉินเองก็เริ่มตื่นเต้นมากขึ้นเรื่อย ๆ

 

"ไม่มีคู่ต่อสู้ที่เป็นมนุษย์ในห้องปราณกระบี่นี่เลยรึไง? ใครเป็นผู้คิดค้นกลไกในห้องนี้กัน? จะไม่มีใครที่สามารถเป็นคู่ต่อสู้กับข้าได้เลยรึไง?"

 

เจี้ยงเฉินเหมือนเสพติดห้องนี้ซะแล้ว

 

แม้ว่าปราณกระบี่จะรุนแรงขึ้นสองเท่าทุก ๆ ชั่วโมง แต่ทุกครั้งที่เขาต้องต่อสู้ความแข็งแกร่งของเขาก็จะเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ มันยิ่งทำให้เขามีความท้าทายมากขึ้น

 

นอกจากนี้มันยังกลายเป็นว่าเขามีความชำนาญมากขึ้นในการใช้พลังปราณทั้งห้าสายของเขา เมื่อเวลาได้ผ่านล่วงเลยไป การต่อสู้จริงและกลิ่นอายกระบี่ได้กระตุ้นจิตสำนึกและศักยภาพในการต่อสู้ของเขาให้เพิ่มมากขึ้น

รีวิวผู้อ่าน