px

เรื่อง : ราชันสามภพ (นิยายแปล)
ตอนที่ 32 : ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจ,ทำสถิติใหม่


ตอนที่ 32 : ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจ,ทำสถิติใหม่

 

-------------------------

อัจฉริยะทั้งหลายต่างก็ชอบที่จะใช้เวลาอยู่ที่การทดสอบพื้นฐานที่สอง

 

 

 

อัจฉริยะทุกคนต่างก็ใช้วิธีทรมานตัวเองเช่นนี้เพื่อกระตุ้นพลังของตัวเองให้เพิ่มขึ้น เจี้ยงเฉินเองก็เช่นกัน

 

 

 

ก่อนหน้านี้นั้น ไม่เคยมีอัจฉริยะจากอาณาจักรตะวันออกคนไหนที่ออกจากห้องปราณกระบี่หลังเวลาผ่านไปครึ่งชั่วยามเลยสักคน

 

 

 

ทุกคนต่างเก็บตัวอยู่ข้างในห้อง และปฏิเสธที่จะออกมาจนกว่าพวกเขาจะถึงขีดจำกัดของพวกเขาเอง

 

 

 

การทดสอบนี้นั้นได้กลายเป็นการต่อสู้กันแบบลับๆของเหล่าอัจฉริยะทั้งหลาย

 

 

 

พวกเขาแข่งกันว่าใครจะทนอยู่ได้นานที่สุด

 

 

 

แข่งกันว่าใครฆ่าแมลงได้เยอะที่สุด

 

 

 

แต่ความจริงแล้ว ไม่มีใครคิดที่จะสอยพวกแมลงให้ล่วงลงมาเลยสักคน พวกเขาต่างก็ยุ่งอยู่กับการหลบหลีกปราณกระบี่ที่ไร้ที่สิ้นสุดที่มันพร้อมที่จะคร่าชีวิตของผู้เข้าทดสอบไปเรื่อยๆ

 

 

 

เหล่าผู้สังเกตการณ์ทั้งหลายต่างก็เริ่มที่จะมารวมกันอยู่ที่ด้านนอกของห้องปราณกระบี่แล้ว

 

 

 

เจี้ยงเฉินได้เข้าไปอยู่ในห้องปราณกระบี่เป็นเวลา 2 ชั่วยามเต็มแล้ว พวกสอดรู้สอดเห็นทั้งหลายต่างพากันมาที่ห้องเมื่อข่าวได้แพร่กระจายออกไป

 

 

 

2 ชั่วยาม แล้วอย่างไรงั้นหรือ?

 

 

 

ในห้องปราณกระบี่นั้นปราณกระบี่จะโจมตีแรงขึ้นเป็นเท่าตัวทุกๆ ครึ่งชั่วยาม ผ่านไป 2 ชั่วยามนั้นหมายความว่าปราณกระบี่ในห้องนั้นได้เพิ่มพลังขึ้นถึงสิบหกเท่า!

 

ถ้าเกิดเขายังไม่ออกมาและเวลาผ่านไปอีกครึ่งชั่วยามแล้ว พลังปราณกระบี่ก็จะเพิ่มขึ้นเป็นสามสิบสองเท่า!

 

 

 

  เจ้าเจี้ยงเฉินนี่ นี่เขาได้ตายในห้องนั้นไปแล้วหรือยัง? 

 

 

 

  หยุดพ่นวาจาไร้สาระของเจ้าซะ ถ้าผู้เข้าทดสอบถูกปราณกระบี่ฆ่าแล้ว กลไกมันจะหยุดทำงานเมื่อมันไม่รู้สึกถึงสิ่งมีชีวิตและจะแจ้งให้ทราบด้วย 

 

 

 

  หึหึ ข้าสงสัยเสียจริง เจี้ยงเฉินนี่มันเก่งขนาดนี้เลยรึ? 

 

 

 

  หมาป่าในคราบแกะ เขามันเป็นหมาป่าในคราบแกะ 

 

 

 

  เฮ้อ ผลของการประเมินตนผิดไปก็คือการตายที่ไร้ค่า! ข้าจำได้เลยว่าข้านั้นเคยอยากที่จะขึ้นมาแนวหน้าบ้างเมื่อตอนที่ข้าทดสอบการทดสอบพื้นฐานที่สองและพยายามอยู่ข้างในนั้นอีกสักครึ่งชั่วยาม แต่ว่าเจ้าปราณกระบี่นั่นมันเกือบจะจบชีวิตข้าไปซะแล้ว! 

 

 

 

  นี่เจ้ารู้หรือไม่ว่าสถิติที่นานที่สุดที่มีคนอยู่ข้างในห้องปราณกระบี่คือเท่าไหร่? 

 

 

 

  ข้าไม่คิดว่าจะมีใครอยู่ได้นานเกิน 3 ชั่วยามนะ 

 

 

 

  มันบอกเอาไว้ว่าหลงยู่ซือได้อยู่ข้างในห้องนั้นเกือบ 3 ชั่วยาม นางเกือบจะต้องเผชิญกับการโจมตีสามสิบสองเท่า! 

 

 

 

  เหอะ อย่านำเจ้าเจี้ยงเฉินไปเปรียบเทียบกับหลงยู่ซือเชียว เขาไม่คู่ควร! 

 

 

 

  ใช่แล้ว ถึงแม้ว่าเจี้ยงเฉินจะเป็นหมาป่าในคราบแกะ แต่เขาก็แค่แข็งแกร่งกว่าอัจฉริยะธรรมดาเล็กน้อย คุณหนูหลงยู่ซือนั้นเป็นอัจฉริยะแห่งยุค! นางเป็นอัจฉริยะเพียงน้อยนิดที่มีร่างฟินิกซ์สวรรค์และได้รับความสนใจจากนิกายลี้ลับที่ยอดเยี่ยม! พวกเขาอยู่กันคนละระดับจริงๆ 

 

 

 

  การนำเจี้ยงเฉินไปเปรียบเทียบกับแม่นางยู่ซือนั้นไม่ต่างอะไรกับการดูถูกแม่นางหลงยู่ซือเลย! 

 

 

 

เสียงของทางฝ่ายที่ชื่นชมหลงยู่ซือต่างพากันกล่าวเพื่อให้เจี้ยงเฉินนั้นดูด้อยกว่าเมื่อเทียบกับหลงยู่ซือ

 

 

 

เห็นได้ชัดว่าหลงยู่ซือนั้นเป็นที่หมายปองของบรรดาทายาทขุนนางทั้งหลาย ที่ต่างต้องยอมสยบให้แก่เธอ เสน่ห์ยั่วยวนตามธรรมชาติของเธอนั้นไม่ใช่น้อยๆเลยทีเดียว

 

 

 

  นี่พวกเจ้าน่ะพ่นวาจาไร้สาระอันใดออกมา? พี่เฉินก็คือพี่เฉิน ทำไมเขาต้องนำตัวของเขาเองไปเปรียบเทียบกับผู้อื่นด้วย?   เสียงนี้ดังสนั่นขึ้นราวกับแผ่นดินไหว

 

 

 

เจ้าอ้วนซวนได้มาถึงแล้ว ในฐานะของเพื่อนสนิทของเจี้ยงเฉิน การดูถูกเจี้ยงเฉินต่อหน้าเขานั้นมันยิ่งกว่าการที่มาดูถูกเขาเสียอีก

 

 

 

และหูปิงเย่วได้ยืนอยู่ถัดจากเจ้าอ้วนซวน

 

 

 

ทั้งสองคนนั้นคนหนึ่งอ้วนอีกคนร่างกายกำยำ - เปรียบเสมือนภูเขาสองลูกให้ความรู้สึกน่าเกรงขาม

 

 

 

มันเป็นเรื่องง่ายที่จะดูถูก แต่คนเหล่านี้นั้นไม่ได้มีความกล้าพอที่จะเผชิญหน้ากับเจี้ยงเฉินจริงๆ และทั้งสองคนที่มานี้ก็เป็นเพื่อนสนิทของเจี้ยงเฉิน ดูถูกพวกเขาก็เหมือนกับดูถูกเจี้ยงเฉิน

 

 

 

อีกครึ่งชั่วยามผ่านไป...

 

 

 

เจ้าอ้วนซวนได้เช็คเวลาของนาฬิกาทราย - นี่มันเป็นนาฬิกาทรายชั่วยามที่สามแล้ว

 

 

 

นาฬิกาทรายหนึ่งเรือนแสดงถึงเวลาครึ่งชั่วยาม นี่หมายความว่า เจี้ยงเฉินได้อยู่ข้างในห้องปราณกระบี่เป็นเวลา 3 ชั่วยามแล้ว

 

 

 

ระดับของการโจมตีของปราณกระบี่ได้เพิ่มขึ้นเป็นสามสิบสองเท่าแล้ว

 

 

 

แม้ว่าเจ้าอ้วนซวนจะยังคงดูวางท่าจองหองอยู่แต่เขากลับแอบกัดนิ้วมือตัวเองอยู่ภายใต้เสื้อคลุมแสดงให้เห็นว่าเขายังคงวิตกกังวลอยู่ข้างใน

 

 

 

  เจ้าอ้วนซวน เจ้าคิดหรือไม่ว่าพี่เฉินอาจตกอยู่ในอันตราย?   หูปิงเย่วก็วิตกกังวลเหมือนกัน

 

 

 

  นี่เจ้าคิดว่าพี่เฉินเป็นคนที่ไม่รู้ขีดจำกัดของตัวเขาเองหรือ?   เจ้าอ้วนซวนถามตอบกลับไป แต่ถึงแม้ว่าเขาจะพูดออกไปอย่างนั้น แต่เขาก็ไม่ค่อยแน่ใจในคำพูดของตนเองเหมือนกัน เจี้ยงเฉินคนก่อนนั้นไม่เคยที่จะทำตัวสุดยอดหรือเปิดเผยศักยภาพของตนเองมาก่อนเลย

 

 

 

เขาได้ท้าทายในการที่อยู่ข้างในห้องเป็นเวลา 3 ชั่วยาม จากบรรดาทายาทขุนนางทั้งหมด มีเพียงหลงยู่ซือเท่านั้นที่ได้ท้าทายมาก่อน แต่สุดท้ายเธอก็ไปไม่ถึงที่สุด

 

 

 

ถ้าเกิดว่าเจี้ยงเฉินโผล่ออกมาหลังจากที่นาฬิกาทรายนี้หมดลง เขาก็จะเป็นคนที่ทำลายสถิติปีนี้!

 

 

 

อย่างไรก็ตาม หลงยู่ซือนั้นอยู่ขั้นปราณแท้จริงระดับแปดเรียบร้อยแล้ว และกำลังจะทะลายขึ้นไปเป็นระดับเก้าในการทดสอบพื้นฐานที่สองนี้

 

 

 

เธอใช้ห้องปราณกระบี่ให้เป็นการกระตุ้นพลังของตัวเธอเอง เพื่อที่จะทำให้เธอก้าวข้ามไปถึงขั้นปราณแท้จริงระดับที่เก้าได้!

 

 

 

และเธอทำสำเร็จในตอนท้ายสุด

 

 

 

ถึงแม้ว่าเธอจะไม่สามารถรับการโจมตีสามสิบสองเท่าได้ครบเวลาก็ตาม, แต่เธอก็เพิ่มระดับพลังของเธอขึ้นเป็นระดับเก้าและสร้างเสียงฮือฮาไปทั่วอาณาจักร

 

 

 

ในเวลานั้นหลงยู่ซือยังมีอายุไม่ถึงสิบห้าปีเลยเสียด้วยซ้ำ. แต่เธอก็ขึ้นมาถึงระดับที่เก้าในทีเดียวและกลายมาเป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่โด่งดังไปทั่วอาณาจักร

 

 

 

หนึ่งสิ่งที่ต้องรู้นั้นคือมีปรมาจารย์ปราณแท้จริงระดับเก้าน้อยมากและจะมีอายุยืนยาว

 

 

 

และปรมาจารย์ปราณแท้จริงทั้งหมดในอาณาจักรนั้น มีใครบ้างที่ไม่ได้ฝึกมาเป็นเวลาหลายสิบปี? แต่เธอก็สามารถที่จะออกมาเทียบเคียงกับเหล่าปรมาจารย์ปราณแท้จริงผู้มีฝีมือทั้งหลายทั้งที่ยังอายุไม่ถึงสิบห้าปี ด้วยพรสวรรค์ดังกล่าวนี้เองไม่น่าแปลกใจเลยที่เธอจะครอบครองร่างฟินิกซ์สวรรค์

 

 

 

หลงยู่ซือในตอนนี้นั้นอายุสิบหกปีแล้ว และมีข่าวลือออกมาว่าอีกเพียงแค่ก้าวเล็กๆก้าวเดียวเธอก็จะไปถึงขั้นปราณแท้จริงระดับสิบแล้ว เพียงแค่อีกนิดเดียวเท่านั้น

 

 

 

ทุกสายตาต่างจ้องมองไปที่นาฬิกาทราย

 

 

 

หลาย ๆ คนต่างรู้สึกแตกต่างกันออกไป พวกเขาหวังเอาไว้ว่าปาฏิหาริย์จะเกิดขึ้นและจะกลายเป็นเรื่องที่ทุกคนต่างพูดถึงเรื่องใหม่ภายในอาณาจักร พวกเขาต่างรู้สึกอิจฉานิดๆในเวลาเดียวกัน เจี้ยงเฉินคนนี้จะกลายมาเป็นคลื่นลูกใหม่หรือไม่?

 

 

 

เหล่าผู้ที่ชื่นชอบหลงยู่ซือต่างแอบสาปแช่งเขาอยู่ลับๆ หวังว่าเจี้ยงเฉินจะโดนการโจมตีของปราณกระบี่และได้รับบาดเจ็บ.

 

 

 

หลงยู่ซือเป็นดั่งเทพธิดาสำหรับพวกเขา และพวกเขาไม่ต้องการที่จะให้เกิดการทำลายสถิติที่เทพธิดาของพวกเขาเป็นคนทำเอาไว้

 

 

 

การปล่อยให้เจี้ยงเฉินทำลายสถิติของหลงยู่ซือนั้นถือเป็นการดูถูกเทพธิดา!

 

 

 

อย่างไรก็ตาม บางสิ่งบางอย่างไม่สามารถเปลี่ยนแปลงไปได้เพียงความคิดของใครบางคน ทรายในนาฬิกาทรายไหลลงไปเรื่อยๆ ทีละนิดทีละนิด

 

 

 

ในที่สุดทรายของนาฬิกาทรายก็ได้หมดลง

 

 

 

ตั้งแต่ที่ทรายเม็ดสุดท้ายไหลลงไป นาฬิกาทรายทั้งอันก็เหลือแต่ความว่างเปล่า!

 

 

 

หมายความว่าชั่วยามที่สามได้หมดลงไปแล้ว!

 

 

 

ประตูศิลาของห้องปราณกระบี่ได้เปิดออกอย่างช้าๆ มีร่องรอยของเหงื่อไหลอยู่บนหน้าผากของเขา สองชั่วยามครึ่งก่อนหน้านี้นั้นเขาแทบไม่ได้ทำอะไรจนกระทั่งครึ่งชั่วยามสุดท้าย

 

 

 

พลังของปราณกระบี่สามสิบสองเท่านั้นน่ากลัวเกินไป ถ้าเจี้ยงเฉินนั้นไม่อาศัยเวลาเพียงเสี้ยววินาทีคอยหลบพวกปราณกระบี่เหล่านั้น เขาก็คงไม่สามารถที่จะใช้มันเป็นการฝึกอย่างแท้จริง

 

 

 

หลังจากที่เห็นเจี้ยงเฉินเดินออกจากห้องมาอย่างช้าๆ ผู้ที่ได้กล่าวดูถูกเจี้ยงเฉินทุกคนต่างละอายใจและหลบซ่อนตนไว้อยู่ข้างหลัง

 

 

 

ราวกับว่าเจี้ยงเฉินสามารถเจาะทะลุผ่านจิตใจของพวกเขาได้เพียงกวาดสายตามอง

 

 

 

ในช่วงเวลานั้นพวกเขาไม่มีแม้แต่ความกล้าพอที่จะสบตากับเจี้ยงเฉิน

 

 

 

สำหรับเจี้ยงเฉินนั้น ตัวตนของเขาราวกับมีดที่เฉียบคม แสงสว่างของเขาเพิ่มขึ้นในแต่ละก้าวที่เขาก้าวเดิน ราวกับว่าไม่ใช่เจี้ยงเฉินที่เดินออกมาจากห้อง! ทุกคนต่างประทับใจราวกับพบเจอผู้ครองศาสตราเทพเจ้าเดินออกมาจากห้อง

 

 

 

หลังจากที่เขาเผชิญหน้ากับปราณกระบี่สามสิบสองเท่า เจี้ยงเฉินได้กลายเป็นหนึ่งเดียวกับประกายดาบที่ฟาดฟันมาในเวลานี้ ควรจะกล่าวว่าปราณกระบี่ได้ตัดผ่านเขาไปเลยด้วยซ้ำ

 

 

 

หรือจะให้พูดก็คือ เจี้ยงเฉินได้กลายเป็นหนึ่งเดียวกับปราณกระบี่และสาดส่องแสงไฟของเขาให้ส่องสว่าง!

 

 

 

  พี่เฉิน พี่เฉินเป็นที่หนึ่งของพวกอัจฉริยะทั้งหมด!   เจ้าอ้วนซวนกล่าวออกมาด้วยอารมณ์ที่ยินดี

 

 

 

  เจี้ยงเฉิน ยินดีด้วย เจ้าผ่านการทดสอบพื้นฐานที่สองได้อย่างยอดเยี่ยม!   ผู้คุมสอบในส่วนนี้เองก็ยังคงประหลาดใจเช่นกันและแสดงความชื่นชมความสามารถของเจี้ยงเฉินเช่นกัน

 

 

 

ความสามารถที่สุดยอดแบบนี้นั้นไม่ได้หาได้ง่ายๆ ผู้คุมสอบเองก็รู้สึกภาคภูมิใจที่ได้เป็นพยานความสำเร็จนี้ด้วยตาของเขาเอง

 

 

 

  อะไรนะ? สามชั่วยาม? นี่เจ้าแน่ใจใช่ไหมว่าห้องปราณกระบี่ไม่มีอะไรผิดปกติ?  ดูหลูไห่นั้นไม่อยากที่จะเชื่อดวงตาของเขาเมื่อเขาได้รับรายงานผลการทดสอบพื้นฐานที่สองของเจี้ยงเฉิน

 

 

 

แม้แต่สถิติของหลงยู่ซือก็เทียบไม่ได้กับสถิติใหม่อันนี้

 

 

 

  ห้องปราณกระบี่นั้นไม่มีสิ่งใดผิดปกติ เจ้าเด็กนั่นมันอยู่ข้างในนั้นเป็นเวลาสามชั่วยามเต็มและสอยพวกแมลงไปถึง 120 ตัว 

 

 

 

  เจี้ยงเฉิน!   ดูหลูไห่ตามืดครึ้มแลดูน่ากลัว   ดูเหมือนว่าข้าคงต้องขัดขวางเจ้านั่นถึงแม้ว่าจะไม่มีการสนับสนุนจากขุนนางหลง มิฉะนั้น ด้วยสิ่งที่ข้าได้ทำกับตระกูลเจี้ยงของเจ้านั่นไป ข้าจะเหลืออะไรถ้าตระกูลเจี้ยงมันแกร่งกล้าขึ้นกัน? 

 

 

 

ในเวลานี้นั้น ดูหลูไห่ได้ตั้งใจที่จะขัดขวางเจี้ยงเฉินเป็นที่แน่ชัดแล้ว

 

 

 

ถ้าเกิดว่าเขาไม่ขัดขวางเจี้ยงเฉินล่ะก็เขา ดูหลูไห่ ก็จะไม่มีอนาคตอีกต่อไป

 

 

 

เจี้ยงเฉินในตอนนี้ได้กลายมาเป็นผู้นำของการทดสอบพื้นฐานทั้งสองรอบและได้รับการสนับสนุนจากหลายฝ่ายที่เป็นกลาง หลายๆคนต่างเริ่มคาดหวังกับเจี้ยงเฉิน

 

 

 

พรสวรรค์ธรรมดา ขุนนางอันดับกลางๆ ถึงแม้จะมีคำเหล่านี้อยู่กับเขาตั้งแต่ถือกำเนิด ความสามารถของเจี้ยงเฉินก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าเหล่าทายาทขุนนางชั้นนำเลย

 

 

 

พวกเขาต่างพยายามประจบประแจงเจี้ยงเฉิน

 

 

 

ดังนั้นเมื่อเจี้ยงเฉินปรากฎตัวที่พื้นที่ทดสอบของการทดสอบพื้นฐานที่สาม เขาก็ได้พบกับเหล่าฝูงชนที่โห่ร้องส่งเสียงเชียร์และปรบมือกันใหญ่

 

 

 

นอกเหนือจากเหล่าทายาทไม่กี่คนที่โดดเด่นนั้น มีเพียงเจี้ยงเฉินเท่านั้นที่รู้สึกมีความสุขกับเหตุการณ์ดังกล่าว

 

 

 

การทดสอบรอบที่สามนั้นง่ายที่สุดจากการทดสอบพื้นฐานทั้งสาม มันทดสอบเรื่องพื้นฐานและทดสอบเกี่ยวกับเรื่องความจำ

 

 

 

แน่นอนว่ามีหัวข้อคำถามที่เปิดให้ตอบได้หลากหลาย คนที่เข้ารับการทดสอบเหล่านี้นั้นถึงแม้จะปล่อยคำตอบของหัวข้อที่เปิดให้ตอบหลากหลายนี้ไว้ก็จะไม่ได้รับผลเสียใดๆ

 

 

 

ตราบใดที่สามารถจำคำตอบของคำถามทั้งหมดนี้ได้ ก็จะสามารถที่จะได้รับคะแนนมากเพียงพอที่จะผ่านการทดสอบทฤษฎีนี้ไปได้

 

 

 

ดังนั้น จึงมีคำกล่าวว่าขอเพียงแค่ผ่านการทดสอบพื้นฐานสองรอบแรกไปได้ รอบที่สามนี้ก็ง่ายยิ่งกว่าการปอกกล้วยเข้าปากเสียอีก

 

 

 

มีเพียงแค่ไอ้งั่งบางคนที่ไม่ได้ศึกษาจริง ๆ ที่จะตกรอบในการทดสอบรอบที่สามนี้

 

 

 

เจี้ยงเฉินเดินเข้าไปรับการทดสอบรอบที่สามท่ามกลางเสียงเชียร์ของเหล่าฝูงชน

 

 

 

สี่ม้วนกระดาษ สี่การทดสอบและสี่หัวข้อหลักมี   ศิลปะการต่อสู้     โอสถ     บทความเกี่ยวกับกฎหมายและการเมือง  และ   กลยุทธศาสตร์ 

รีวิวผู้อ่าน