px

เรื่อง : ราชันสามภพ (นิยายแปล)
ตอนที่ 40 ท่านพ่อถูกลอบสังหาร และการช่วงชิงได้เริ่มขึ้นอีกครั้ง


ตอนที่ 40 ท่านพ่อถูกลอบสังหาร และการช่วงชิงได้เริ่มขึ้นอีกครั้ง

 

-------------------------

สิ่งที่เจี้ยงเฉินและเจี้ยงหยิงไม่เคยนึกถึงคือ ข้อเท็จจริงที่ว่าอาการบาดเจ็บของอ๋องแห่งเจี้ยงหาน (เจี้ยงเฟิง) นั้นมันไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยเลย เขาไม่เพียงแต่ต้องทรมานกับบาดแผลเล็กๆ แต่ฝ่ายศัตรูยังใช้ใบมีดที่อาบยาพิษ และมันก็เป็นสารพิษที่รุนแรงและรวดเร็วมาก !

 

ในเวลาอันสั้นที่เจี้ยงหยิงออกไปคุ้มกันเจี้ยงเฉิน - น้อยกว่าครึ่งชั่วยาม - อาการบาดเจ็บของ เจี้ยงเฟิงก็ทรุดลงอย่างรวดเร็ว

 

เมื่อเจี้ยงเฉินได้กลับไปที่คฤหาสน์ อ๋องแห่งเจี้ยงหานก็อยู่ในอาการขั้นวิกฤตและใบหน้าของเขาดำคล้ำเหมือนเถ้าถ่าน

 

 นายน้อย ท่านหยิง พวกท่านกลับมาแล้ว ท่านอ๋อง ...   หัวหน้าพ่อบ้านของคฤหาสน์เจี้ยงฟู่รู้สึกกังวลมากจนน้ำตาไหลอาบลงที่ใบหน้าของเขา

 

เจี้ยงเฉินได้ก้าวไปอย่างรวดเร็วขณะที่เขารีบวิ่งไปหาเจี้ยงเฟิง  ท่านพ่อ!

 

จิตสำนึกของเจี้ยงเฟิงได้จมลงสู่ขั้นวิกฤตแล้ว เขาเพียงแค่คร่ำครวญเล็กน้อย แต่เปลือกตาของเขาก็ไม่ได้เปิด

 

ดวงตาที่ดุร้ายของเจี้ยงหยิงเต็มไปด้วยความเสียใจ ในฐานะหัวหน้าผู้พิทักษ์เหล็กของตระกูลเจี้ยง เขาทอดทิ้งหน้าที่ในการที่จะปกป้องท่านอ๋องอย่างไม่เหมาะสม

 

 ท่านอ๋อง ผู้ใต้บังคับบัญชาของท่านได้ทำให้ท่านผิดหวัง และสามารถชดใช้ท่านด้วยความตายแต่เพียงเท่านั้น  เจี้ยงหยิงดึงกริชที่เอวออกพร้อมกับเสียงดังกราวและตัดคอของตัวเอง

 

เจี้ยงเฉินกระแทกเขาเบา ๆ ด้วยข้อศอก เป็นการชนที่บังเอิญไปโดนพื้นที่ระหว่างเอวของเจี้ยงหยิงกับซี่โครงของเขา เจี้ยงหยิงรู้สึกว่าแขนของเขาชา ไม่สามารถจับกริชได้ในมือของเขาได้ กริชตกลงไปที่พื้นด้วยเสียงดังสนั่น

 

 เจี้ยงหยิง มันเป็นเรื่องง่ายสำหรับผู้ชายที่จะตาย การมีชีวิตที่ต้องเผชิญกับความยากลำบากเป็นเรื่องยาก ท่านคงไม่บอกข้าว่า หัวหน้าผู้พิทักษ์เหล็กของตระกูลเจี้ยงเป็นคนขี้ขลาด ท่านขี้ขลาดจริงรึเปล่า? 

 

เสียงของเจียงเฉินนั้นเย็นชาและรุนแรง และมันเจือปนด้วยการสั่งสอน

 

มันเหมือนกับว่าสายฟ้าได้ฟาดลงมายังเจี้ยงหยิง ฉากนี้มันน่าตลกขบขันสิ้นดี ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่อ๋องน้อยเริ่มสั่งสอนเช่นนี้ ? เมื่อไหร่กันที่หนุ่มสำรวยผู้โอ้อวดที่ทำให้เจี้ยงหยิงปวดหัวอยู่ตลอดมากลายเป็นคนที่มีทักษะเช่นนี้? ทำให้เขาไม่สามารถถือกริชคาดเอวอย่างมั่นคงด้วยการชนแบบไม่ได้ตั้งใจ?

 

เจี้ยงเฉินไม่ให้ความสนใจกับเจี้ยงหยิงมากนัก และถามเจี้ยงฟู่ว่า  มีใครเรียกหมอมาแล้วรึยัง

 

 ขอรับ. เราได้ส่งหมอสามหรือสี่คนและพวกเขาทั้งหมดก็พูดไม่ออกเมื่อเห็นสถานการณ์เช่นนี้ พวกเขากลัวมากจนใบหน้าของพวกเขาเปลี่ยนเป็นสีเขียว   เจี้ยงฟู่พูดด้วยเสียงที่เต็มไปด้วยน้ำตา

 

ยาพิษชนิดนี้ได้แพร่กระจายอย่างไม่น่าเชื่ออย่างรวดเร็ว ถ้าไม่ใช่เพราะข้อเท็จจริงที่ว่าเจียงเฟิงเป็นนักรบที่เข้มแข็งเขาได้บรรลุถึงเก้าเส้นชีพจรลมปราณฉี ตามความเป็นจริงถ้าเป็นคนธรรมดาจะต้องทนทุกข์ทรมานและตกตายไปนานแล้ว

 

แพทย์ธรรมดาผู้ซึ่งไม่เคยเห็นพิษชนิดนี้มาก่อนจะสามารถรักษาได้อย่างไร?

 

 ไม่มีนักเล่นแร่แปรธาตุวิญญาณคนไหนมาดูอาการเลยหรอ ?  เจี้ยงเฉินถาม

 

เจี้ยงฟู่รู้สึกลำบากใจ  ข้าเข้าไปในสวนโอสถหลวงแต่ได้พบกับกระแนะกระแหนเยาะเย้ย ข้าไม่มีความสัมพันธ์กับใครในอีกสองแห่ง 

 

สวนโอสถหลวงเป็นหุ้นส่วนกับตระกูลเจี้ยงมาก่อน เพราะฉะนั้นเจี้ยงฟู่จึงไม่คิดมากเกินไปเพื่อขอความช่วยเหลือจากนักเล่นแร่แปรธาตุวิญญาณ เขาเคยถูกเยาะเย้ยและหัวเราะเยาะ และทำให้เขาโกรธมากจนร่างกายของเขาสั่น

 

เจียงเฉินอึ้ง เจียงฟู่กำลังหันไปหาหมอที่เขาสามารถหาได้ในยามที่เขาต้องการ มันน่าจะเป็นสิ่งที่มหัศจรรย์แน่นอนถ้าคนของสวนโอสถหลวงยินดีที่จะมารักษาเจี้ยงเฟิงตอนนี้

 

ใครรู้ บางทีสวนโอสถหลวงอาจมีส่วนร่วมในการปรุงยาพิษนั้นขึ้นมา

 

หลังจากที่ทุกสถานการณ์ในขณะนี้ค่อนข้างชัดเจน สวนโอสถหลวงได้เลือกที่จะอยู่ข้างขุนนางแห่งมังกรทะยาน และยอมเป็นสุนัขรับใช้ที่ทำตามคำสั่งเขา

 

เจี้ยงเฉินไม่นั่งเฉย ๆ เขาวางนิ้วลงบนเส้นชีพจรของเจี้ยงเฟิงพลางขมวดคิ้ว

 

เจี้ยงเฉินยังเคยทำการวิจัยเกี่ยวกับเรื่องการใช้ยาพิษในชาติก่อน

 

เขานึกอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงลุกขึ้นยืนและเรียกเจี้ยงฟู่เพื่อเอาพู่กันและกระดาษมาเขียนรายการ

 

 เจี้ยงฟู่ เจ้าจงเดินทางไปหอโอสถศักดิ์สิทธิ์และให้รายการนี้แก่หัวหน้าหอโอสถลำดับสาม เซียวไป๋ชี่ นอกจากนี้ขอร้องให้เขาเดินทางมาพร้อมกับสิ่งที่อยู่ในรายการนี้ 

 

เจี้ยงเฉินล้วงมือลงไปในกระเป๋าของเขาและมอบเหรียญมังกรแกะสลักให้กับเจี้ยงหยิง  ท่านลุงหยิง ท่านเอาเหรียญนี้ไปพร้อมกับเจี้ยงฟู่

 

เจี้ยงเฉินสงบต่อหน้าความหวาดกลัวและออกคำสั่งเป็นระบบ

 

ด้วยเหตุผลบางประการ เจี้ยงหยิงรู้สึกมั่นใจอย่างลับ ๆ ขึ้นเล็กน้อยต่ออ๋องน้อย หลังจากที่เพิ่งได้รับการสั่งสอนจากเขาก่อนหน้านี้

 

 ข้าน้อมรับและพร้อมปฏิบัติตาม  เจี้ยงหยิงรู้ว่าการช่วยชีวิตเป็นงานเร่งด่วนเช่นเดียวกับการดับเพลิง และเขาคว้าตัวเจี้ยงฟู่ ลากเขาออกไปเหมือนกับว่าเขาบินผ่านประตู

 

ต้องยอมรับว่า เซียวไป๋ชี่ให้เกียรติเจี้ยงเฉินเป็นอย่างมาก เขามาถึงที่คฤหาสน์เจี้ยงพร้อมกับโอสถแห่งจิตวิญญาณในรายการภายในเวลาไม่ถึงครึ่งเค่อ

 

เซียวไป๋ชี่ตกใจมากที่ได้เห็นสภาพของเจี้ยงเฟิง

 

หลังจากช่วงเวลาแห่งการวินิจฉัยอาการของเขาก็ยิ่งรุนแรงขึ้น มีนัยสำคัญที่ไม่อาจเข้าใจได้ในการแสดงออกของเขา บางสิ่งบางอย่างที่ต้องครุ่นคิดและความรู้สึกหมดหนทางช่วยเหลือ

 

 นายน้อยเจี้ยง ท่านอ๋องถูกวางยาพิษ เรื่องนั้นไม่ต้องสงสัยเลย แต่ทฤษฎีที่อยู่เบื้องหลังพิษนี้เป็นเรื่องยากสำหรับข้าที่จะเข้าใจ ข้าเกรงว่าข้าด้วยระดับวรยุทธิ์อันน้อยนิดของข้าจะทำอะไรไม่ได้ ท่านผู้นำหอโอสถเป็นคนเจ้าปัญญามากและมีพลังที่อัศจรรย์ แต่โชคไม่ดีที่ได้ออกเดินทางไปเมื่อวานนี้ ... 

 

เสียงของ เซียวไป๋ชี่ แสดงออกถึงความเสียใจและคำขอโทษ เขามองไปที่เจี้ยงเฉิน และไม่รู้ว่าจะปลอบใจเขาอย่างไร

 

ตัวเขาเองก็ตกใจมาก ไม่คิดว่าสถานการณ์ภายในเมืองหลวงจะตกต่ำลงถึงขั้นนี้ ! ท่านอ๋องถูกซุ่มโจมตีที่หน้าคฤหาสน์ของตัวเอง!

 

 หัวหน้าหอโอสถลำดับสาม ในใจของท่านมีกี่คนภายในเมืองหลวงนี้ที่มีความสามารถในการใช้พิษชนิดนี้?

 

เซียวไป๋ชี่ ขมวดคิ้วขึ้นมองลึกและตอบกลับหลังจากนั้นไม่นาน  หอโอสถหลักทั้งสามในเมืองหลวงทั้งหมดไม่เชี่ยวชาญในเรื่องของการใช้ยาพิษ ข้าคิดว่านี่ไม่ใช่งานของผู้เชี่ยวชาญด้านพิษภายในเมืองหลวง

 

อ๋องน้อย ยาพิษในตัวของพ่อของเจ้าได้เข้าไปในเส้นเลือด เราต้องรีบดำเนินการ ทำไมไม่ทำตามวิธีปกติของการรักษาและฝังเข็มจุดชีพจรเพื่อที่จะให้เลือดที่เป็นพิษออกจากร่างกาย?

 

แม้ว่า เซียวไป๋ชี่ไม่สามารถเข้าใจการทำงานของสารพิษนี้ได้อย่างสมบูรณ์ แต่เขาก็รู้ว่าการรักษาพิษมักใช้ตามขั้นตอนนี้ อย่างน้อยขจัดเลือดที่มีพิษออกก่อนอาจชะลอความเร็วที่ยาพิษจะโจมตีหัวใจได้

 

อย่างไรก็ตามเจี้ยงเฉินส่ายหัว  ไม่ เราจะตกลงไปในกับดักของศัตรูถ้าเราใช้เข็มสีเงินฝังลงไป พิษนี้ไม่ได้ตกค้างในเลือด แต่มันไหลเวียนในเส้นประสาท ถ้าเราใช้เข็มสีเงินเพื่อกระตุ้นจุดชีพจร วิธีการนี้จะทำให้ยาพิษแพร่กระจายได้เร็วขึ้น 

 

 อะไรนะ  เซียวไป๋ชี่ รู้สึกประหลาดใจมาก นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ยินเรื่องแบบนี้

 

แม้แต่การแสดงออกของเจี้ยงหยิงและผู้ที่อยู่ข้าง ๆ ก็เปลี่ยนไปอย่างมากเมื่อได้ฟังคำพูดเหล่านี้

 

การรักษาพิษด้วยวิธีเดิม ๆ จะเพิ่มความเร็วของสารพิษ มันเป็นสิ่งที่ดีที่พวกเขาไม่เคยคิดว่าตัวเองฉลาดและใช้เข็มเงินในการรักษา มิฉะนั้น นี้จะเป็นการทำให้อาการของท่านอ๋องเลวร้ายยิ่งขึ้น

 

เซียวไป๋ชี่ ขมวดคิ้วเขาจำได้บางสิ่งบางอย่างได้  อ๋องน้อยเจี้ยง ท่านเขียนรายการให้ข้าและบอกให้ข้านำโอสถแห่งจิตวิญญาณมา ท่านมีวิธีการรักษาแล้วหรือยัง? 

 

เจี้ยงเฉินพยักหน้าเบา ๆ  ถ้าระดับการฝึกฝนของข้ามีความคล้ายคลึงกับท่านพ่อ ข้าจะสามารถรักษาพิษในตัวเขาได้ง่าย อย่างไรก็ตาม ระดับของท่านพ่อสูงกว่าข้ามากและดังนั้นจึงต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการรักษาเขา แต่ข้าก็พอมีวิธีการ

 

เจี้ยงฟู่ เจ้าไปเตรียมห้องลับ

 

เจี้ยงหยิงเปิดห้องลับระดับสูงสุดของคฤหาสน์!

 

  หัวหน้าหอโอสถลำดับสาม ขอบคุณท่านมากสำหรับการเดินทาง โปรดรออยู่ที่นี่ ข้าจะมาคุยกับท่านเมื่อข้าได้รักษาอาการพิษในร่างกายของท่านพ่อสำเร็จ 

 

เซียวไป๋ชี่พบว่ามันยากที่จะได้รับคำตอบที่เขาตะขิดตะขวงในใจเมื่อได้ยินคำพูดของเจี้ยงเฉิน เขาไม่เคยเห็นพิษชนิดนี้มาก่อนและต้องการที่จะสังเกตการณ์อยู่ข้าง ๆ แต่เขาก็รู้ว่าไม่มีเวลาที่จะทำให้ไขว้เขวระหว่างกระบวนการรักษาพิษ ซึ่งเขามีความอยากรู้อยากเห็นอย่างมาก

 

แต่เขาจะไม่เห็นด้วยหากมีผู้ใดบอกเขาให้กลับไปยังหอโอสถตอนนี้ เขาจะไม่ละทิ้งโอกาสสำคัญนี้เพื่อเปิดโลกทัศน์ของเขา

 

นอกจากนั้น เขายังต้องการใช้โอกาสนี้เพื่อให้เข้าใจทฤษฎีที่อยู่เบื้องหลังการถอนพิษนี้

 

ในฐานะนักเล่นแร่แปรธาตุจิตวิญญาณ เซียวไป๋ชี่ เป็นนักวิชาการตัวยง เขาจะพลาดโอกาสที่จะได้เรียนรู้และเพิ่มพูนทักษะได้อย่างไรกัน?

 

เขายินดีที่จะรอสิบวันสิบคืนโดยไม่มีแม้แต่รอยย่นเล็กน้อยบนคิ้วของเขา - ไม่ต้องกล่าวถึงในระยะเวลาสั้น ๆ

 

ยาพิษชนิดนี้ ถึงแม้จะไม่สามารถเข้าใจในส่วนผสมที่ถูกใช้ แต่ก็ยังไม่เพียงพอที่จะหยุดความรู้อันกว้างขวางของเจี้ยงเฉินได้ แม้ว่าจะมีวิธีการผิดปกติบางอย่างที่ใช้ในการปรุงยาพิษนี้ซึ่งทำให้เกิดความสับสนแม้กระทั่ง เซียวไป๋ชี่ หัวหน้าหอโอสถยังต้องชะงัก ใครก็ตามที่ปรุงยาพิษนี้นับว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญในการใช้พิษ

 

สำหรับเจี้ยงเฉิน เทคนิคเหล่านี้ล้วนอยู่ในระดับเด็กอ่อนหัด

 

ต้องรู้ว่าเจี้ยงเฉินใช้เวลาหลายล้านปีในการศึกษาพลังการเล่นแร่แปรธาตุในชาติก่อน แล้วจะมีอะไรที่เขามองไม่เห็น นักเล่นแร่แปรธาตุอมตะหลายคนมักจะมาหาเจี้ยงเฉินพร้อมด้วยคำถามมากมาย

 

เจี้ยงเฉินในชาติก่อน เขาเป็นคนที่ไม่ค่อยมีความรู้ในด้านการฝึกศิลปะการต่อสู้ด้วยพลังเต๋า แต่ในสวรรค์เขาเป็นผู้ครองตำแหน่งนักเล่นแร่แปรธาตุที่มีระดับความสามารถสูงที่น่าภาคภูมิใจ

 

ในกระบวนการของเจี้ยงเฉินที่ใช้ป้องกันเจี้ยงหยิงจากการฆ่าตัวตาย, สั่งให้พวกเขานำตัว เซียวไป๋ชี่ มา, เขียนรายการโอสถและพูดคุยกับ เซียวไป๋ชี่ และตอนนี้เขาได้พิจารณาว่าจะรักษาพิษได้อย่างไร

 

ในที่สุด เขาก็ตกลงกับวิธีการที่น่าเชื่อถือที่สุดสำหรับการรักษา

 

หลังจากเดินเข้าไปในห้องลับ เจี้ยงเฉินได้บดโอสถแห่งจิตวิญญาณทั้งหมดและแจกจ่ายมันให้หมดไปโดยใช้คลื่นพลังลมปราณฉี โดยผสมผสานยาเข้ากับพลังลมปราณฉี และนำไปไว้ในร่างของเจี้ยงเฟิง

 

ทฤษฎีการใช้พลังลมปราณฉีในการทำยาดูเหมือนจะเป็นเรื่องง่ายในทางทฤษฎี แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่ทุกคนสามารถใช้รักษาพิษได้

 

ประการแรก พลังลมปราณฉีของคนสองคนต้องมีต้นกำเนิดร่วมกันและไม่สามารถขัดแย้งกันได้แม้เพียงเล็กน้อย มิฉะนั้น พลังลมปราณฉีจะต่อต้านกันเอง และความขัดแย้งเพียงน้อยที่สุดระหว่างพลังลมปราณฉีเพียงพอที่จะกระตุ้นพิษและส่งผลให้มีการแพร่กระจายของยาพิษในทุกทิศทาง

 

กระบวนการนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้หากมีการรบกวนแม้แต่เพียงนิดเดียว

 

สำหรับเจี้ยงเฉินปัญหาเดียวก็คือความแตกต่างระหว่างเขาซึ่งอยู่ในระดับหกเส้นชีพจรของลมปราณฉี ส่วนเจี้ยงเฟิงอยู่ในระดับเก้า เนื่องจากเป็นกรณีนี้ เขาจะต้องระมัดระวังไม่ให้ยาพิษย้อนกลับมาขณะที่เขากำลังอยู่ระหว่างการรักษาพ่อของเขา

 

เป็นสิ่งที่ดี เจี้ยงเฟิงอยู่ในอาการขั้นวิกฤตที่เป็นพิษ แม้ว่าจิตสำนึกของเขายังคงเดินผ่านการเคลื่อนไหวของพลังลมปราณฉีเนื่องด้วยนิสัยของเขา แต่ก็ไม่มีทางที่เขาจะสามารถเปิดใช้งานพลังสุดขีดจำกัดของลมปราณฉีของเขาได้

 

ยิ่งไปกว่านั้น เจี้ยงเฉินฝึกฝน  ความลับของเก้าสรวลมหรรณพ  ซึ่งเป็นวิธีการที่มีความซับซ้อนกว่าวิธีของเจี้ยงเฟิง  คลื่นพลังโหมกระหน่ำ  นับร้อย ๆ ครั้ง

 

ดังนั้นพลังคลื่นลมปราณฉีที่กว้างใหญ่ของเจี้ยงเฉินจึงได้รับประโยชน์อย่างแท้จริงและได้รับการปฏิบัติอย่างแน่นหนาในร่างกายเจี้ยงเฟิง ซึ่งมันได้แพร่กระจายยาแก้พิษไปทั่วร่างกายของเขา

 

ด้วยวิธีการนี้ทำให้ขั้นตอนการถอนพิษกลายเป็นเรื่องง่าย

 

เจี้ยงเฟิงตื่นนอนหลังจากผ่านไปหนึ่งชั่วโมง

 

 เฉินเอ๋อ เจ้าได้ทำการรักษาพิษให้แก่ข้าได้อย่างไร  เจี้ยงเฟิงตื่นตัวและรู้สึกประหลาดใจยิ่งขึ้น  คลื่นอันกว้างใหญ่และบริสุทธิ์ที่เต็มไปด้วยพลังลมปราณฉี....นี้เจ้า ... เฉินระดับของเจ้าคือ 'คลื่นพลังโหมกระหน่ำ''?

 

เจี้ยงเฟิงคิดว่าคลื่นที่อุดมสมบูรณ์และบริสุทธิ์ที่แท้จริงของพลังลมปราณฉีคือสิ่งที่เหลือเชื่อ

 

เจี้ยงเฉินหัวเราะ  ท่านพ่อ ข้าอยากจะพูดคุยกับท่านเกี่ยวกับเรื่องนี้ วิธีที่ข้าฝึกซ้อมไม่ใช่ 'คลื่นพลังโหมกระหน่ำ  แต่เป็น  ความลับของเก้าสรวลมหรรณพ   คลื่นพลังโหมกระหน่ำ  เป็นเพียงส่วนย่อยของมันและเป็นวิธีการที่ใช้ร่วมกันกำเนิดกับมัน.

 

 ความลับของเก้าสรวลมหรรณพรึ ?  เจี้ยงเฟิงนิ่งเหมือนกับว่าเขากลายเป็นหินอย่างสมบูรณ์

 

 ขอรับ ความลับของเก้าสรวลมหรรณพเป็นเหมือนบรรพบุรุษเก่าแก่ของ  คลื่นโหมกระหน่ำ  ท่านพ่อ ท่านหาความสงบภายในตัวท่าน และข้าจะบอกท่าน ท่านควรฝึกซ้อม  ความลับของเก้าสรวลมหรรณพ  ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปและข้าสัญญาว่าท่านจะก้าวผ่านเก้าเส้นชีพจรของพลังลมปราณฉีภายในหนึ่งเดือน และเข้าร่วมกลุ่มของผู้เชี่ยวชาญของพลังลมปราณฉี ! 

 

ในยุทธภพของพลังลมปราณฉีที่แท้จริง ผู้ที่อยู่ในระดับสิบถึงสิบสองเส้นชีพจรของพลังลมปราณฉีถูกเรียกว่า ผู้เชี่ยวชาญด้านพลังลมปราณฉี

 

การเป็นผู้เชี่ยวชาญแห่งฉีหมายถึงการเข้าสู่ระดับสูงสุดของยุทธภพ ผู้ฝึกฝนนั้นต้องกลายเป็นคนที่มีความสามารถสูงสุดของอาณาจักรบูรพา !

 

ราวกับว่าเจี้ยงเฟิงอยู่ในความฝันและการแสดงออกของเขายังไม่ฟื้นตัวเต็มที่

 

แต่คำตัดสินต่อไปของเจี้ยงเฉินยังคงทำให้เขาตกตะลึง

 

 ท่านพ่อ  ความลับของเก้าสรวลมหรรณพ  เป็นวิธีการขั้นสูง ท่านควรฝึกฝนวิธีนี้จะทำให้ท่านมีโอกาสเจ็ดส่วนในสิบส่วนในการต่อสู้โดยใช้เขตแดนจิตวิญญาณแห่งเต๋า ! 

 

 เขตแดนจิตวิญญาณแห่งเต๋า?  เจี้ยงเฟิงกล่าวอย่างประหลาดใจ

 

เขตแดนจิตวิญญาณแห่งเต๋าคือตำนานที่เกิดขึ้นต่อผู้ที่ดีที่สุดในการฝึกฝนในยุทธภพ ได้มีการกล่าวกันว่าในช่วงหลายร้อยปีของการดำรงอยู่ของยุทธภพบูรพามีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ได้ปรากฏตัว !

 

ขึ้นไปสู่จิตวิญญาณพลังเต๋าก็เหมือนกับการกลายร่างเป็นมังกรทองทะยานขึ้นไปสู่ชั้นฟ้าอย่างรุ่งโรจน์ ทำลายกฎของโลก และทะยานเหนือเมฆา !

รีวิวผู้อ่าน