“ นายเป็นตัวอะไรกันแน่นี้?”
อเดเลียมองเฟรย์ด้วยสีหน้าเหนื่อยล้า แต่ถึงกระนั้นมือของเธอก็ยังคงเคลื่อนไหวอย่างวุ่นวาย
เฟรย์ไม่ตอบเธอและยังคงผสมยาอายุวัฒนะต่อไปเรือยๆ
“ นายเรียนรู้การเล่นแร่แปรธาตุมาจากที่ไหน? มันดูเชยไปหน่อยแต่ก็อยู่ในระดับของศาสตราจารย์อย่างแน่นอน”
“ ทั้งหมดนี้ผมเรียนมาจากหนังสือ”
"ช่ายย...ทั้งหมดอยู่ในหนังสือ นายคิดว่าฉันไม่รู้เหรอ? แต่มันแตกต่างอย่างสิ้นเชิงในทางปฏิบัตินะ”
อเดเลียหยุดชั่วครู่ก่อนจะพูดต่อ
"นายรู้อะไรไหม? นายอยากเป็นผู้ช่วยของฉันไหม?”
หากมีคนที่รู้จักเธออยู่ใกล้ๆ พวกเขาคงจะสงสัยว่ามีอะไรผิดปกติกับหูของพวกเขาอย่างแน่นอน
อเดเลีย
เธอเป็นผู้หญิงแบบไหนนะหรือ?
หากพูดเกี่ยวกับการเล่นแร่แปรธาตุเธอสามารถโอ้อวดได้ว่าเธอจะไม่ร้องขอความช่วยเหลือหรือคำแนะนำจากใครและเมื่อถูกขอความร่วมมือเธอมักจะขมวดคิ้วอย่างเปิดเผยทำให้คนๆ นั้นรู้สึกเขิลอาย
การเธอที่ยื่นข้อเสนอก่อนทั้งๆที่เธอเป็นคนที่มักจะบอกว่าพวกผู้ช่วยมักจะเป็นอุปสรรค?
“ ต้องขอโทษด้วยนะครับ”
“ …”
แน่นอนว่าเฟรย์ซึ่งไม่รู้ถึงความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในตัวเธอเพียงแต่ส่ายหัว
แต่แม้ว่าเฟรย์จะรู้เขาก็ยังคงปฏิเสธ
อเดเลียตัวแข็งไปชั่วขณะ
นี่อาจเป็นครั้งแรกที่เธอยอมก้มหัวให้คนอื่น
เนื่องจากเธอเป็นคนที่ถูกถามเสมอเธอจึงไม่รู้ว่าจะเล้าโลมอีกฝ่ายอย่างไรหรือจะพูดคำใดเพื่อสร้างความประทับใจที่ดี
“แต่ทำไมนายไม่ลองเก็บเรืองนี่ไปคิดอีกสักหน่อย ในฐานะผู้ช่วยของฉันอืม ... นายจะทำเงินได้มากมายเลยนะ! และและ ... เอ่อ ฉันจะสอนสูตรเฉพาะที่ฉันรู้ พวกตาแก่ที่อยู่ในหอคอยเวทย์มนตร์ฉันยังไม่สอนพวกเขาทั้งๆที่เขาขอร้อง นายคิดว่าไงละ?"
“ ศาสตราจารย์ทางซ้ายไม่ใช่สารสกัดของต้นแมนเดรกแต่เป็นดอกโทรลล์บลอสซั่มนะ”
“ โอ - โอ๊ะ”
อเดเลียรีบเปลี่ยนขวดแก้วที่เธอถืออยู่
แต่ไม่ทันไรเธอก็มองเฟรย์ด้วยดวงตาที่เปล่งประกาย
'งานของฉันจะสบายและง่ายมากขึ้นถ้าหากเขาทำงานให้ฉัน'
โดยปกติแล้วอเดเลียจะรู้สึกว่าผู้ช่วยนั้นยุ่งยากและมีแต่จะเข้ามาขวางทาง แต่เฟรย์ถือเป็นข้อยกเว้น
เขาสังเกตเห็นสิ่งต่างๆอย่างรวดเร็ว
หากมีวัสดุที่เธอต้องการเขาจะนำมาให้เธอก่อนที่เธอจะอ้าปากด้วยซ้ำ
นี่เป็นข้อพิสูจน์แล้วว่าเขาไม่ได้หยุดให้ความสนใจกับการกระทำของอเดเลียแม้ว่ากำลังทำงานของตัวเองอยู่
นี่เป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้เว้นแต่คนๆนั้นจะสามารถประมวลความคิดหลายๆอย่างได้ในเวลาเดียวกันและในขณะเดียวกันก็ต้องมีมุมมองที่กว้างอีกด้วย
เธอไม่ได้ตั้งใจจะรับผู้ช่วยเป็นหลักเพราะพวกเขาไม่มีความเข้าใจในการเล่นแร่แปรธาตุสูงพอ
อย่างไรก็ตามเฟรย์รู้ดีถึงช่วงเวลาไหนที่ต้องช่วย ช่วงเวลาไหนที่เขาควรหยุดและช่วงเวลาที่เขาควรให้คำแนะนำ
ราวกับว่าเขาทำสิ่งที่คล้ายๆกันมาหลายร้อยหรือหลายพันครั้ง
ด้วยเหตุนี้อเดเลียจึงสามารถทำงานได้ในอัตราอย่างน้อยสามเท่าของประสิทธิภาพตามปกติของเธอ
ยิ่งไปกว่านั้นเฟรย์ไม่ได้ขาดความรู้ที่จำเป็นในการเล่นแร่แปรธาตุ ในความเป็นจริงมีบางจุดที่ที่เขาเก่งกว่าเธอด้วยซ้ำ
‘ฉันควรจะหลอกล่อผู้ชายคนนี้อย่างไรดีนะ?’
อเดเลียเหลือบมองเฟรย์เผยให้เห็นความโลภของเธอที่เธออยากจะครอบครองเฟรย์เป็นครั้งแรกในชีวิต
“ ศาสตราจารย์อเดเลีย”
"ฮะ? เดียวก่อน ทำไมนายถึงเรียกฉันว่าศาสตราจารย์? "
“ ก็ผมเรียนอยู่ที่สถาบันเวสต์โร้ด”
"ฮะ? จริงๆหรือ? แล้วทำไมฉันจำไม่ได้ว่าเคยเห็นนายมาก่อน "
“ ก็ผมไม่ได้ลงเรียนชั้นของศาสตราจารย์เลย”
"ฉันขอพูดตรงๆเลยนะ นายกำลังจะบอกว่าไม่มีอะไรให้เรียนในชั้นเรียนของฉันยังงั้นหรือ? ถ้าฉันอยากจะ…”
“ นั่นไม่สำคัญผมมีอะไรจะถาม”
"มีอะไร?"
เขาต้องอ้าปากค้างหลายครั้งกว่าจะเข้าประเด็นได้ในที่สุด
เฟรย์รู้สึกเหมือนอเดเลียไม่ใช่คู่สนทนาที่เหมาะสม
“ คุณมีทักษะในการสร้างโกเลมหรือเปล่า?”
“ ในระดับไหนละ? ฉันน่าจะเก่งกว่าไอ้พวกที่เรียกตัวเองว่าพวกสร้างหุ่น เป็นหนึ่งในความเชี่ยวชาญของฉัน”
อเดเลียเขย่าขวดในมือขณะที่เธอตอบ
"…ตัวอย่างเช่น"
เฟรย์เล่าเรื่องอนาสตาเซียให้เธอฟังอย่างละเอียด
“ ถ้าผมมีแกนพลังงาน 1 ล้าน ME คุณจะทำให้มันกลายเป็นโกเลมได้ไหม?”
“ นั่นบ้าไปแล้ว”
“ …”
อเดเลียพูดอย่างเย็นชา
ครั้งนี้การแสดงออกของเธอมีความมุ่งมั่นมากกว่าตอนที่เธอพูดถึงหัวใจของทอร์กุนทา
จากนั้นเธอก็เขย่าขวดอีกครั้งและยกขึ้นไปเหนือแสงเพื่อตรวจสอบก่อนที่จะพูด
“ก่อนอื่น นายบอกว่ามันเป็นแกนพลังงานที่มีพลังงาน 1 ล้าน ME ใช่ไหม? นายจะมีของอย่างนั้นได้อย่างไร? ไม่สิถ้าตามทฤษฎีแล้วมันเป็นไปได้ แต่อาจต้องใช่อาร์ชเมจที่คลั่งไคล้เกี่ยวกับโกเลมและใช้เวลาหลายทศวรรษในการสร้างมัน”
“ …”
เขาไม่สามารถปฏิเสธสิ่งนั้นได้
ในตอนแรกที่เขาวัดพลังงานมานาในแกนของอนาสตาเซีย เขาเองก็สงสัยในสิ่งที่เขาเห็น
จากนั้นความสงสัยของเขาก็กลายเป็นความประหลาดใจ
เฟรย์ตระหนักแล้วว่ามันเป็นสิ่งที่อยู่เหนือไปจากแกนโกเลมธรรมดาๆ
“ แม้ว่านายจะทำมันได้แต่ก็ยังมีปัญหาอยู่ เพื่อให้รองรับพลังงานมานามากขนาดนั้นร่างกายทั้งหมดจะต้องสร้างจากโอริคัลคุมและระบบประสาทจะต้องใช้มิธริล ไหนจะการเคลือบอีกล่ะ? ใช่มั้ย? สมมติว่านายได้รวบรวมวัสดุทั้งหมดแล้วก็จริง ในการสร้างโกเลมนั้นนายยังต้องมีผู้เชี่ยวชาญหลายสิบคนในสาขานี้เพื่อออกแบบและสร้างระบบร่างกายพร้อมกับฉีดคำสั่งลงไปและป้อนนิสัย”
กระดาษห่อของขวัญชิ้นสุดท้ายของชไวเซอร์ที่มอบให้เขานั้นใช้งานยากกว่าที่เฟรย์คาดการณ์เอาไว้มาก
ความสามารถของอเดเลียนั้นชัดเจน
เฟรย์ได้ตระหนักถึงความจริงดังกล่าวในขณะที่ช่วยเธอผลิตยาอายุวัฒนะ
เมื่อพูดถึงการเล่นแร่แปรธาตุเธอก็ไม่ได้อวดอ้างเปล่าๆที่จะบอกว่าเธอเก่งกว่ามาสเตอร์ของหอคอย
นั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้สถานการณ์ของเฟรย์ยิ่งทำอะไรไม่ถูก
“ แต่นายถามทำไม? นายคงไม่มีแกนพลังงานโกเลม 1 ล้าน ME หรอกใช่มั้ย?”
มันจะเป็นเรื่องที่น่าตกใจมากถ้าเขาจะเอาแกนโกเลมให้ดูหลังจากที่นำหัวใจของเดรก1000ปี มาให้เธอก่อนหน้านั่น
เฟรย์ส่ายหัว
“ …มันเป็นแค่ไร้สาระนะ ผมก็แค่อยากรู้”
* * *
เวลาผ่านไป
ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปมากนัก
แทนที่จะทำสมาธิในตอนเช้าฝึกร่างกายในช่วงบ่ายและอ่านหนังสือในตอนเย็นเฟรย์ใช้เวลาอยู่กับอเดเลียในการทำยาอายุวัฒนะ
อเดเลียมีบุคลิกที่แปลกประหลาด แต่ทักษะและความรู้ของเธอนั้นยอดเยี่ยม
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเธอกล้าที่จะพูดได้ว่ามีเพียงไม่กี่เรื่องเท่านั่นที่เธอไม่รู้หากพูดถึงการเล่นแร่แปรธาตุ
‘ถ้าชไวเซอร์ยังมีชีวิตอยู่เขาจะรับเธอเป็นศิษย์ของเขาโดยไม่คำนึงแต่อย่างใด ’
บางทีพวกเขาสองคนอาจมีความสัมพันธ์แบบศิษย์และอาจารย์ที่ดีจริงๆ
ขณะที่เขาคิดเช่นนี้เฟรย์ก็หยุดชั่วขณะและยิ้มอย่างขมขื่น
ความถี่ในการฉายภาพจากอดีตสู่ปัจจุบันเพิ่มขึ้น
นั่นหมายความว่าเขาเริ่มแก่แล้วหรือ?
‘…เป็นเวลา 4,000 ปีแล้ว’
เขาติดอยู่ในอเวจีเป็นเวลา 4,000 ปีแล้วจริงๆหรือ?
เฟรย์พบว่าตัวเองกำลังตั้งคำถามกับความจริงข้อนี้มาก
เขารู้ว่าเวลาผ่านไปนาน
แต่เขาไม่รู้ว่ามันนานแค่ไหนเพราะเขาไม่ได้นับ
มันเป็นพื้นที่ที่มีเพียงสติสัมปชัญญะของเขาเท่านั้นที่ล่องลอยไปโดยไม่ส่งผลอะไรเลย
ไม่ใช่เรื่องไร้เหตุผลที่เขาจะจำผิดว่า 400 ปีนั้นคือ 4,000 ปี
‘แต่เหตุผลที่ฉันคิดว่า 4,000 ปีผ่านไปเพราะนั่นคือเวลาที่ผ่านไปในโลกภายนอก’
อย่างไรก็ตามเขาไม่สามารถยืนยันได้ว่าเวลาในอเวจีกับโลกภายนอกจะเท่ากันหรือไม่
เฟรย์เดาะลิ้นของเขา
'นี่เป็นปัญหาที่ยาก'
มันก็ไม่ใช่สิ่งที่จะได้รับคำตอบง่ายๆ
เฟรย์ตัดสินใจที่จะพิจารณาเรื่องนี้อีกครั้งในภายหลัง
ตูม
ตูมๆๆ กระหน่ำ....
“ …อ๊ะฉันแพ้แล้ว"
เลียมสันก้มศีรษะลงชั่วขณะพร้อมกับสีหน้าเศร้าโศกบนใบหน้าของเขา
เฟรย์ยิ้มและยื่นมือมาหาเขา
“ ตอนนี้ฉันชินกับการเคลื่อนไหวของนายแล้วละ”
“ ฮ่า นายเล่นทีเผลอนิ”
เขาพูดอย่างเกรี้ยวกราด แต่ก็ยังเอื้อมมือขึ้นและยอมรับมือของเฟรย์
อัตราการแพ้ชนะตอนนี้คือ 50:50
ถ้ามันเป็นการต่อสู้จริงมันอาจจะไม่มีคำว่าเสมอ แต่ผลลัพธ์นี้เป็นไปได้เพราะมันเป็นการแข่งขันที่เรียบง่าย
เฟรย์เหลือบมองเขา
ชนเผ่าแบลคทูฟ
มันเป็นหนึ่งในเซอร์เคิลของพวกเอลฟ์
เฟรย์พอใจกับความจริงที่ว่าเผ่าพันธุ์ที่แตกต่างกันมีความรู้เกี่ยวกับเดมิก็อดและพวกเขาทั้งหมดมีความตั้งใจที่จะกบฏไปด้วยกัน
สิ่งนี้แตกต่างอย่างสิ้นเชิงเมื่อ 4,000 ปีก่อน
ในเวลานั้นมีเพียงมนุษย์และมังกรเท่านั้นที่กล้าที่จะต่อกรกับพวกเดมิก็อด
“ …”
มังกร
คำๆนี้ทำให้เฟรย์นึกถึงใบหน้าของอาจารย์ของเฟรย์
‘ถ้าหากอาจารย์ยังมีชีวิตอยู่…’
เธอจะช่วยเขาได้มาก
ถ้าเป็นเช่นนั่นเขาไม่จำเป็นต้องได้รับการกำลังเสริมเพิ่มเติมเลย
แต่ในไม่ช้าเขาก็ส่ายหัว ความน่าจะเป็นของมันต่ำเกินไป
แม้ในอดีตการเอาตัวรอดของพวกมังกรก็ยากพอแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นมังกรจะไม่ร่วมมือกับมนุษย์ง่ายๆ
นี่เป็นเพราะพวกเขายืนกรานที่จะเป็นคนกลาง
ในแง่หนึง…
พวกเขาค่อนข้างคล้ายกับเดมิก็อดที่มีข้อจำกัดมากมายในการใช้พลังอันยอดเยี่ยมของพวกเขา
“ เฟรย์วันนี้ฉันมีคำถาม”
“ นายถามอะไรฉันก็ได้”
ขณะที่เฟรย์พยักหน้าดาร์กเอลฟ์คนอื่นๆเริ่มรวมตัวกัน
เขาไม่จำเป็นต้องหลอมพลังของโฟรเซินริฟเวอะอีกต่อไปดังนั้นเขาจึงมีเวลาว่างมากขึ้น
ในช่วงเวลานั้นเฟรย์ได้ช่วยดาร์คเอลฟ์เรียนรู้เวทมนตร์
แน่นอนว่ามันไม่ใช่แค่ความสัมพันธ์ด้านเดียว
"เมื่อวานเป็นอย่างไรบ้าง?" คามิลล์ถามซึ่งเฟรย์ตอบ
“ มันยังไม่มีการตอบสนอง”
“ อย่าใจร้อน โดยปกติแล้วจะใช้เวลาอย่างน้อยสามปีในการรับรู้ถึงวิญญาณ หากคุณยังคงฝึกฝนต่อไปหลังจากที่เราออกไปคุณอาจจะเซ็นสัญญาได้ในสักวัน”
เฟรย์เรียนรู้เวทย์มนตร์วิญญาณจากคามิลล์
นอกจากนี้ยังเป็นเวทมนตร์วิญญาณแห่งความมืดที่ดาร์คเอลฟ์เป็นคนคิดค้นขึ้นมา
สิ่งนี้ไม่สามารถพิจารณาได้อย่างแน่นอนว่าเป็นเวทมนตร์มาตรฐาน
เมื่อถึงระดับ 7 ดาวการฝึกธรรมดาจะมีผลแค่เพียงเล็กน้อยต่อพวกเขา
ดังนั้นจึงเหมาะสมกว่าที่จะเรียนรู้อย่างอื่นในเวลานั้น
"ฉันจะใช้ทุกอย่างที่ใช้ได้"
แต่มีปัญหาอย่างหนึ่ง
อย่างที่คามิลล์พูดเขาพยายามเรียกวิญญาณ แต่ไม่มีเสียงตอบรับ
“ มันไม่ใช่สิ่งที่พวกคุณเท่านั้นที่ใช้ได้หรือ?”
“ ฉันไม่คิดอย่างนั้น ฉันเคยสอนเพื่อนที่เปิดใจมาก่อนหน้านี้ถึงสองสามคน แม้ว่าพวกมันจะเป็นเพียงวิญญาณระดับต่ำ แต่พวกเขาก็ยังสามารถเซ็นสัญญาได้สำเร็จ”
“ …”
“ มันจะไม่ได้ผลถ้าหากคุณรีบดังนั่นค่อยๆทำไป”
เฟรย์ทำได้เพียงพยักหน้ารับคำพูดของคามิลล์
หลังจากแยกจากดาร์กเอลฟ์แล้วเฟรย์ก็มุ่งหน้าไปที่ห้องของเขาเพื่อรออเดเลีย
วันนี้เป็นวันสำคัญ
นี่เป็นเพราะเป็นวันที่ยาอายุวัฒนะจะเสร็จสมบูรณ์ในที่สุด
อเดเลียบอกว่าเธอต้องการทำขั้นตอนสุดท้ายเพียงลำพัง
และเธอย้ำว่าเขาไม่ควรมาจนกว่าพระอาทิตย์ตก
เฟรย์ฟังคำแนะนำของเธอ
เขาไม่ได้คิดถึงความเป็นไปได้ที่เธอจะหนีไป
แม้ว่าเธอจะหนีแต่เขาก็มีความมั่นใจที่จะตามจับเธอ
แน่นอนว่าอเดเลียไม่มีเหตุผลที่จะต้องทำตั้งแต่แรก
ถ้าเธอดื่มมันเข้าไปในระดับปัจจุบันของเธอ แทนที่มันจะย่อยร่างกายของเธอจะละลายกลายเป็นกองเลือด
ที่สำคัญที่สุดเฟรย์ก็ความเข้าใจในระดับหนึ่งเกี่ยวกับมนุษย์ประหลาดๆคนนี้ที่ชื่อว่าอเดเลีย
เธอเป็นคนมีเหตุมีผลและไม่ค่อยสนใจสิ่งอื่นใดนอกจากความพึงพอใจในการเรียนรู้และความปรารถนาที่จะเรียนรู้เพิ่มเติม
พระอาทิตย์ตก
เฟรย์กำลังจะลุกขึ้นแต่ในไม่ช้าเขาก็รู้สึกว่าใครบางคนยื่นอยู่นอกประตูของเขา
เมื่อรู้ว่าเป็นใครเขาก็เดินไปที่ประตูและเปิดมัน
เมื่อเขาก้าวออกจากห้องเขาก็เห็นอเดเลียยืนอยู่ที่นั่น อย่างไรก็ตามสีหน้าของเธอดูจริงจังเป็นอย่างมาก
"คุณจะทำเสร็จแล้วหรือ?"
“ …ฉันอยากจะถามอีกครั้ง นายจะดื่มสิ่งนี้จริงๆใช่ไหม?”
เฟรย์พยักหน้า
อเดเลียลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่เธอจะพูดอีกครั้ง
“ ฉันไม่คิดว่านายควรทำ”
“ คุณทำมันล้มเหลวหรือ?”
เขาลองมองในแง่ที่เลวร้ายที่สุดแต่อเดเลียกลับส่ายหัว
“ มันตรงกันข้ามเลยละ เราทำมันออกมาได้ดีมากต่างหาก”
จากนั้นเธอก็หยิบขวดเล็กๆ ออกมาจากกระเป๋า
“ พลังงานมานาเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าของจำนวนก่อนหน้านี้ คงเป็นเรื่องยากที่แม้แต่หนึ่งในหัวหน้าชั้นจะบริโภคสิ่งๆนี้ ฉันรู้ว่านายมีพลังมากเมื่อเทียบกับเพื่อนๆของนาย แต่นายก็ควรดูแลตัวเองด้วย”
"ทุกอย่างจะโอเค"
"ฮะ?"
เฟรย์เอื้อมไปหยิบยาอายุวัฒนะจากอเดเลียและยิ้มให้เธออย่างแท้จริง
“ผมโชคดีมากที่ได้พบกับศาสตราจารย์ ไม่มีใครสามารถทำยาอายุวัฒนะนี้ได้อย่างสมบูรณ์แบบเท่ากับศาสตราจารย์อีกแล้ว”
"แน่นอน ฉันเป็นอัจฉริยะนิ…แต่ไม่นั่นไม่ใช่ประเด็น นายไม่ได้ฟังฉันเหรอ? มันอันตรายมากนะ"
"ทุกอย่างจะเรียบร้อย ผมมีความมั่นใจที่จะรับมือมันได้”
อเดเลียดูเหมือนว่าเธออยากจะพูดมากกว่านี้ แต่สุดท้ายเธอก็ถอนหายใจและยอมแพ้
เมื่อเฟรย์เข้าใจเธอ เธอก็ทำเช่นเดียวกันกับเขา
เขาไม่ใช่คนโกหก
“ ดูแลตัวเองด้วยฉันจะไปแล้ว ถ้าหากนายต้องการอะไรอีกก็มาพบฉันได้ ฉันจะช่วยนายแน่ๆถ้าหากฉันว่าง”
"ขอบคุณมาก ผมจะตอบแทนความช่วยเหลือนี้อย่างแน่นอน และก็…"
เฟรย์หยิบสิ่งของออกมาจากกระเป๋าและมอบให้เธอ
“ ผมหวังว่าศาสตราจารย์จะชอบสิ่งนี้”
"ฮะ?"
สร้อยคอไอส
เป็นไอเทมที่สามารถในการเพิ่มสมาธิของผู้ใช้และช่วยทำให้คนๆนั้นวัดค่าพลังมานาของวัสดุได้อย่างแม่นยำ
มันทำได้เพียงแค่นั้นแต่ก็มีประโยชน์อย่างเหลือเชื่อสำหรับนักเล่นแร่แปรธาตุอย่างเธอเพราะมันทำให้เธอสามารถจัดการกับมานาได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
เหนือสิ่งอื่นใดมันถูกสร้างขึ้นด้วยทับทิมที่ดีที่สุดโดยช่างฝีมือชั้นหนึ่งดังนั้นมันจึงสวยงามพอที่จะทำให้ใครก็ตามที่ได้มองมันหลงใหล
แต่อเดเลียกำลังคิดอย่างอื่นซึ่งทำให้ใบหน้าของเธอเปลี่ยนเป็นสีแดง
“ นะะ...นายกำลังคิดอะไรอยู่…ไม่ - ไม่มีทาง.. นายยังเป็นนักเรียนและฉันเป็นศาสตราจารย์นะ”
"อะไรนะ?"
“ ไม่ - ไม่มีโอกาสแม้แต่จะคิด! ไม่คือไม่!”
อเดเลียหน้าแดงและวิ่งกลับเข้าไปในห้องของเธอ แต่เธอก็ยังไม่ลืมที่จะเอาสร้อยคอไปด้วย
“ …”
เฟรย์ยักไหล่แล้วมองลงไปที่ยาอายุวัฒนะในมือของเขา
ในที่สุดก็ถึงเวลาที่เขาจะกลายเป็นพ่อมดระดับ 7 ดาวได้อย่างสมบูรณ์แบบ