px

เรื่อง : The Great Mage Returns After 4000 Years
บทที่ 48 อัครสาวก (3)


 

เขาเป็นชายวัยกลางคน

เขาไม่มีลักษณะที่แตกต่างจากชายวัยกลางคนทั่วไป แต่เขาไม่ใส่เสื้อผ้าที่ครึ่งบนเผยให้เห็นรูปร่างที่ผอมบาง

ร่างกายของเขาไม่ได้รับการฝึกฝน

ด้วยความสัตย์จริงบุคคลนี้ดูไม่เหมือนกับรองหัวหน้าของหอคอยเวทมนตร์เลย

อย่างไรก็ตามเฟรย์และอีกสามคนเริ่มตึงเครียดในทันที

'มันเป็นเวลานานมากแล้ว ความรู้สึกที่สกปรกเช่นนี้ '

พลังศักดิ์สิทธิ์

เมื่อเห็นว่าชายที่อยู่ตรงหน้ามีกลิ่นอายของพลังซึ่งคล้ายกับเดมิก็อดเขาก็มั่นใจได้ว่าเหล่าอัครสาวกสามารถใช้พลังของเดมิก็อดได้เล็กน้อย

“ อ่า ออเนอลุคส์ ทำไมคุณถึงอยู่ที่นี่?"

เฟรย์ถอนหายใจเฮือกใหญ่

มิเคลนั้นไม่สามารถวิเคาะห์สถานการณ์ได้ดีพอหรือไม่เขาก็ยังไม่สามารถยอมรับความจริงได้

สถานการณ์นั้นชัดเจนพอสำหรับทุกคนที่พบเห็นสิ่งนี้อยู่แล้ว

ออเนอลุคส์เป็นหนึ่งในผู้ให้ข้อมูลของเดมิก็อด

เขาอาจจะเคยเป็นสมาชิกของเซอร์เคิลก็จริงในอดีต แต่ตอนนี้เขาไม่มีอะไรดีไปกว่าคนรับใช้ของเดมิก็อดเลย

มิเคลเป็นคนเดียวที่นี่ที่ไม่สามารถยอมรับได้

ลุคส์พูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่แยแส

“ มิเคลเพื่อนยาก ฉันไม่ได้บอกให้นายรอหรอ? ฉันนึกว่านายจะทำตามคำสั่งได้อย่างเดียวเสียอีก”

“ มะ - มีบางอย่างผิดปกติที่นี่ บะ - บอกผมหน่อยว่าไม่จริง! ผม…"

“ ฮู มันแย่จังเลยนะ นายคงจะยังมีชีวิตอยู่ถ้าหากนายไม่ได้อยากรู้อยากเห็นมากจนเกินไป”

ลุคส์ลูบเอวของเขา

“ อืม...แต่ฉันไม่คิดว่าฉันจำเป็นต้องตอบพ่อมดที่กำลังจะต้องตายหรอกนะ”

ไม่มีสัญญาณใดๆ

หลังจากพูดเสร็จลุคส์ก็มองไปที่มิเคล

แต่เฟรย์ซึ่งเคยต่อสู้กับพวกเดมิก็อดมาหลายครั้งก่อนหน้านี้สามารถตอบสนองได้ทันเวลา

แซ่บ!

“ ….!?”

มิเคลล้มลง

สิ่งที่เขารู้สึกได้ก็คือพลังสายฟ้าแผ่วเบาที่มาจากนิ้วของลุคส์

เขามองไปที่ลุคส์ด้วยสีหน้าหวาดกลัว

มิเคลรู้ดีว่าถ้าเขาโดนการโจมตีนั้นเขาจะต้องตายทันที

ลุคส์หันไปหาเฟรย์ด้วยสีหน้าประหลาดใจ

"ฮะ? นายสามารถป้องกันมันได้! นายเป็นตัวอะไรกันนี้?"

“ …”

“ อันที่จริง…ไม่ได้แค่มีสมาชิกของแบลคทูฟเท่านั้นที่มา นายมาจากเซอร์เคิลไหน?”

เฟรย์ไม่ตอบและมองไปที่มิเคลที่ลุกขึ้นมาจากพื้นแทน

“ …ไร้สาระ ผู้บริหารของเซอร์เคิลได้กลายมาเป็นคนรับใช้ของเดมิก็อด แล้วไอเทมเวทย์ที่นายมีก็... ”

“ ฉันใช้งานมันไม่ได้ แน่นอนว่าฉันไม่สามารถใช้มานาได้อีกต่อไปแต่มันก็ไม่สำคัญอีกแล้ว ตอนนี้ฉันมีรูปแบบของพลังงานที่ทรงพลังกว่ามาก”

มีประกายแห่งความบ้าคลั่งในดวงตาของเขา

เฟรย์มองเขาด้วยสีหน้าไม่พอใจ

ความคลั่งไคล้

อาจจะไม่มีอัครสาวกในอดีตเมื่อ 4,000 ปีก่อน แต่ก็ยังมีคนจำนวนมากพอที่เลือกที่จะยกย่องเหล่าเดมิก็อด

เฟรย์เคยเจอพวกเขา ต่อสู้กับพวกเขา และเคยฆ่าพวกเขา

เฟรย์ตระหนัก

ชายที่อยู่ตรงหน้าพวกเขาไม่ได้ถูกควบคุมสมองหรือกำลังสับสน

เขาเป็นคนที่ได้ให้คำมั่นสัญญาว่าจะจงรักภักดีต่อเดมิก็อดด้วยตัวของเขาเอง

เฟรย์หันไปหามิเคลและพึมพำ

“ คุณต้องดึงสติตัวเองกลับมา เป็นที่ชัดเจนว่าเขาไม่ได้ตั้งใจที่จะไว้ชีวิตพวกเรา”

“ คุคุ…”

ดวงตาที่สั่นระริกของมิเคลชัดเจนและแน่วแน่

ไม่ว่าจะเป็นอย่างไรเขาก็เป็นหัวหน้าชั้นที่เคยเผชิญกับความยากลำบากเช่นเดียวกับการเป็นสมาชิกของเซอร์เคิล

ยิ่งพ่อมดนั้นแข็งแกร่งมากเท่าไหร่พวกเขาก็ยิ่งควบคุมจิตใจของตัวเองและสงบอารมณ์ได้ดีขึ้นเท่านั้น

มิเคลสามารถฟื้นสติโดยไม่ทำให้ตัวเองต้องอับอายอีกต่อไป

ลุคส์มองด้วยความสนใจ

"ฉันเข้าใจละ นายคือคนที่ทำลายอาร์เรย์และทำลายป่าเพราะนั่นไม่ใช่สิ่งที่มิเคลสามารถทำได้ นายอยู่ระดับ 7 ดาวแล้วสินะ ไม่ว่าฉันจะมองดูนายยังไงนายก็ไม่น่าจะมีอายุเกินสามสิบ หึหึช่างน่าประทับใจ”

“ ทำไมนายถึงทรยศต่อเซอร์เคิล?”

“ คุคุคุ”

ลุคส์ หัวเราะเบา ๆ

“ ฉันตระหนักดีว่าไม่ว่าพวกเราจะต่อสู้หนักแค่ไหนพวกเราก็ไม่สามารถเอาชนะพวกเขาได้…พวกเรามีค่าน้อยกว่าหนอนในสายตาของพวกเขาอีก เป็นแมลงที่ถูกขยีให้ตายได้ทุกเมื่อ”

เปลวไฟดูเหมือนจะกระพือภายในดวงตาของเฟรย์

เคยมีผู้ที่โต้แย้งเช่นเดียวกันกับเฟรย์มาก่อน

ความทรงจำที่ไม่พึงประสงค์ในช่วงเวลานั้นดูเหมือนจะกลับมาหาเขา

“ พวกเราไม่ใช่แมลง”

“ มนุษย์ไม่ใช่แมลง”

เฟรย์พูดแต่ละคำช้าๆราวกับว่าเขากำลังเคี้ยวมัน ความโกรธในดวงตาของเขานั้นชัดเจน

‘เฟรย์?’

เลียมสันสูดลมหายใจเงียบๆเมื่อเห็นภาพ

ในช่วงเวลาสั้นๆที่เลียมสันรู้จักเขา เลียมสันพึ่งเคยเฟรย์ทำหน้าตาเช่นนี่

เขาดูเหมือนเขาจะสามารถควบคุมอารมณ์ได้ตลอดเวลาและเขาก็ไม่ได้พูดออกมาง่ายๆ รอยยิ้มของเขาจางและเขาก็สงบแม้จะเล่าเรื่องตลก

เลียมสันแทบจะไม่สามารถจินตนาการได้ถึงสายตาของเฟรย์ที่แสดงความรู้สึกรุนแรงเช่นความโกรธหรือความเศร้า

แต่ตอนนี้เฟรย์กำลังแสดงความโกรธอย่างรุนแรงจนเขาได้เห็นมัน

“ แกมันขี้แพ้”

“ ฉันนี้นะขี้แพ้?”

“ ฉันรู้ว่าเดมิก็อดเป็นสิ่งมีชีวิตที่เหนือมนุษย์ ทุกคนในเซอร์เคิลต่างก็รู้ดี แต่ถึงกระนั้นพวกเราก็ไม่ลังเลที่จะเผชิญหน้ากับพวกเขา แกรู้ไหมว่าทำไม?”

เขาพูดวนไปวนมาแต่ที่จริงแล้วเฟรย์กำลังพูดถึงตัวเองและเพื่อนๆ

“ แกคิดว่าพวกเขาไม่กลัวเหรอ? แกคิดว่าเป็นเพราะพวกเขาไม่รู้ถึงพลังที่แท้จริงของเดมิก็อดหรือ? ไม่ใช่เลย พวกเขารู้ทุกอย่างแต่ยังมีความกล้าที่จะเผชิญหน้ากับมันและเอาชนะมันโดยไม่หนีไปไหน!”

“ ผู้คนในโลกมองดูพวกเขาและคิดว่าพวกเขานั้นโง่เขลา”

เฟรย์หัวเราะเยือกเย็น

“ ฉันยอมเป็นคนโง่ดีกว่าคนขี้ขลาด แกไม่สมควรที่จะพูดไม่ดีเกี่ยวกับพวกเขาเพราะแกมันก็แค่ขยะ”

“ หุหุหุ เป็นชายหนุ่มที่รู้จักใช้คำพูดจริงๆแล้วฉันควรจะทำยังไงดีละนี้?”

ควาจิก

สายฟ้าขนาดใหญ่ก่อตัวขึ้นในมือของลุคส์จนเป็นประกายไฟเล็กๆ

ดูเหมือนจะมีความตื่นเต้นในการจ้องมองของเขา

"ดูนี่สิ นี่คือพลังยังไงละ พลังแห่งสายฟ้า สายฟ้าบริสุทธิ์ที่ไม่สามารถสร้างขึ้นด้วยเวทมนตร์ได้ ... นายไม่จำเป็นต้องเรียนรู้วิธีใช้สูตรบ้าบอต่างๆหรือกังวลเกี่ยวกับวิธีการกระจายมานาของนายให้มีประสิทธิภาพ เพียงแค่ยอมรับอำนาจของพวกเขาพลังก็กลายเป็นของฉัน ฉันมีพลังมากกว่าพ่อมดระดับ 7 ดาวเสียอีก”

คุรรุ้ง!

เมฆมืดเริ่มก่อตัวขึ้นบนท้องฟ้า

พวกมันไม่ใช่เมฆธรรมดาๆ แต่เป็นพายุเมฆที่เต็มไปด้วยสายฟ้าที่สามารถทำให้มนุษย์กลายเป็นขี้เถ้าได้ในทันที

กวาง!

สายฟ้าฟาดลงบนพื้นแผดเผาเป็นสีดำ

พลังที่แท้จริงของธรรมชาติทำให้ใบหน้าของเลียมสันแข็งกระด้าง เขาตระหนักว่าถ้าหากเขาโดนมันแม้แต่ครั้งเดียวเขาก็จะกลายเป็นศพเหมือนคนในหมู่บ้านทันที

เฟรย์รีบประเมินความสามารถของทีมของเขาอย่างเร่งด่วน

เลียมสันเป็นนักรบแม้ว่าเขาจะมีพรสวรรค์ด้านเวทมนตร์สูง แต่เขาจะสามารถแสดงความแข็งแกร่งของเขาได้ 100% โดยใช้ร่างกายเท่านั้น

ในทางกลับกันมิเคลเป็นพ่อมดที่ผิดปกติ เลียมสันจะใช้เวลาเพียงสามขั้นตอนก่อนที่เขาจะสามารถเชือดคอของมิเคลได้โดยไม่ให้โอกาสเขาได้ร่ายมนตร์

คามิลล์เป็นคนเดียวที่มีความสามารถรอบด้าน เธอเป็นนักรบที่เก่งกว่าเลียมสันและเป็นพ่อมดที่เก่งกว่ามิเคล

บางทีเธออาจจะเป็นกุญแจสำคัญในการต่อสู้ครั้งนี้

เฟรย์คิดกลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพที่สุดให้กับกลุ่มนี้จากนั้นเขาก็เลือกกลยุทธ์ที่เหมาะสมที่สุดสำหรับสถานการณ์ปัจจุบัน

“ เลียมสันนายจะเป็นคนนำหน้า นายต้องใส่ใจการเคลื่อนไหวของผู้ชายคนนั้น ให้คิดว่าชีวิตของอีกสองคนอยู่ในกำมือของนาย”

“ เข้าใจแล้ว”

"มิเคลปิดกั้นพลังศักดิ์สิทธิ์ของชายคนนั้นโดยการรบกวนจากด้านหลัง แน่นอนว่าคุณไม่ควรเผชิญหน้าตรงๆกับเขา คุณต้องหยุดก่อนที่จะถึงขีดจำกัด "

พลังเวทย์มนตร์และพลังศักดิ์สิทธิ์เป็นพลังที่ต่อต้านกัน

หากพวกเขาเผชิญหน้ากันฝ่ายที่มีพลังมากกว่าก็จะครอบงำอีกฝ่ายหนึ่ง แต่ขึ้นอยู่กับความสามารถของพ่อมดด้วยมันอาจทำสร้างความรำคาญให้กับคู่ต่อสู้ได้

“ อ่า - เข้าใจแล้ว”

มิเคลสงสัยว่าเฟรย์ซึ่งได้เห็นอัครสาวกเป็นครั้งแรกกำลังจะตัดสินได้อย่างถูกต้องเช่นนี้ได้อย่างไร แต่ตอนนี้ก็ไม่ใช่เวลาเหมาะที่จะถาม

ในที่สุดเฟรย์ก็หันไปหาคามิลล์

“ คามิลล์คุณมีบทบาทสำคัญที่สุด ฉันต้องการให้คุณช่วยเติมเต็มช่องว่างในส่วนของเลียมสันและมิเคล คุณจะต้องมีมุมมองที่กว้างที่สุดในทีมและทำความเข้าใจสถานการณ์อยู่ตลอดเวลา นั้นเป็นสิ่งสำคัญที่สุดของคุณคุณทำได้มั้ย?”

"ฉันทำได้"

"ดี"

เลียมสันมองไปที่เฟรย์และถาม

"แล้วนายล่ะ?"

“ ฉันจะแยกกลุ่มกับพวกนาย ”

การใช้สองหน่วยรบจะมีประสิทธิภาพมากกว่าการรวมกันเพื่อโจมตี โดยแต่ละทีมจะต้องมีความลงตัวรอบด้าน

มีเพียงสามคนแต่พวกเขาจะโอเคตราบเท่าที่พวกเขาทำงานร่วมกัน

อีกทีมจะมีเฟรย์เพียงคนเดียว

คามิลล์ถามอย่างกังวล

“ …คุณจะโอเคไหม?”

“ นี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่คุณจะสามารถกังวลเกี่ยวกับคนอื่นได้ ฉันรับรองคุณเลย”

เมื่อเขาพูดจบเฟรย์ก็เริ่มพุ่งตรงไปหาลุคส์

เลียมสันคามิลล์และมิเคลเริ่มพุ่งไปในทิศทางตรงกันข้าม

"ฮะ…"

ลุคส์หัวเราะสั้นๆ

ในขณะนั้นสายฟ้าที่ไม่เลือกปฏิบัติได้เริ่มฟาดลงมาจากท้องฟ้า

คุงคุง!

สายฟ้าแผดเผาพื้นจนเป็นสีดำและได้ส่งเศษชิ้นส่วนบนพื้นบินลอยออกไป

พลังทำลายล้างนี้ทำให้เฟรย์รู้สึกไม่สบายใจแต่อย่างใด

'พลังป้องกันจากต่างหูไต้ฝุ่นจะสามารถต้านการโจมตีได้เพียงสามครั้ง ... ไม่สิฉันควรคิดว่ามันใช้จะใช้ได้เพียงสองครั้งเท่านั้น'

เฟรย์ตัดสินใจว่ามันไม่ใช่เวลาที่จะซ่อนไพ่ใดๆ

อูววว

ไม้เท้าแห่งมหานักปราชญ์ซึ่งอยู่ในสร้อยข้อมือได้เปิดเผยรูปร่างที่แท้จริง

ด้วยเหตุนี้พลังเวทย์มนตร์ของเขาจึงเพิ่มขึ้นหลายเท่า

เขาไม่รู้พลังป้องกันของอัครสาวกแต่เขามั่นใจว่าอย่างน้อยเขาก็สามารถสร้างความเสียหายได้

ขั้นแรกเขาจะตรวจสอบปฏิกิริยาของศัตรู

“ เบิร์นนิ่งกาว ”

เวทย์มนต์ระดับ 7 ดาว!

10% ของมานาทั้งหมดของเขาหายไปในพริบตา

พลังมานาของเฟรย์นั้นสูงมากอย่างไม่น่าเชื่อแต่คาถาระดับ 7 ดาวเบิร์นนิ่งกาวนั้นต้องการมานามากกว่าคาถาอื่นๆในระดับเดียวกัน

เปลวไฟขนาดใหญ่ปกคลุมไปทั่วบริเวณขณะที่มีไฟหลายสิบจุดพวยพุ่งขึ้นในเวลาเดียวกัน ความร้อนของเปลวไฟเหล่านี้มาบรรจบกันที่ลุคส์

เนื่องจากการเสริมกำลังโดยไม้เท้า พลังเวทย์มนตร์ของคาถาจึงเทียบได้กับเปลวไฟของทอร์กุนทา

อย่างไรก็ตามลุคส์กลับไม่รู้สึกกังวลแต่อย่างใด เขากลับเยาะเย้ยอย่างนุ่มนวล

“ ฮึ!”

ชิ้ง

“ …!”

การโจมตีไปไม่ถึงตัวเขา เฟรย์ตระหนักได้แม้ว่าการมองเห็นของเขาจะพร่ามัวจากเปลวไฟ

เขาไม่รู้สึกว่าเวทย์ของเขาได้ผลนัก

จิก

เปลวไฟค่อยๆหายไปและร่างของลุคส์ก็เผยให้เห็นอีกครั้ง ร่างของเขาถูกห่อหุ้มด้วยสายฟ้าทรงกลม

‘ช่างเป็นพลังป้องกันที่ทรงพลังอะไรเช่นนี้’

เขาไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วน

“ ฮ่าฮ่าฮ่า! นายมีทักษะที่ใช้ได้พอสมควรสำหรับพ่อมดระดับ 7 ดาว แต่นายจะไม่สามารถทำลายเกราะสายฟ้าของฉันได้ด้วยทักษะระดับนั้นหรอกนะ”

เฟรย์ไม่สนใจคำพูดของเขาและเหวี่ยงไม้เท้าแห่งมหานักปราชญ์

คุกูกู

มีช่องเก็บเวทย์มนต์ถึง 5 ช่อง ในนั้นเขาเก็บคาถาการโจมตีไว้สามเวทย์หนึ่งเวทย์บลิ้งและหนึ่งเวทย์วาร์ป

เฟรย์ใช้สองเวทย์พร้อมๆกันในทันที

ลูกบอลเพลิงระดับ 5 ดาวหลายสิบลูกปรากฏตัวขึ้นตามด้วยคาถา 6 ดาวฟรอสสครีม

"ไม่มีประโยชน์!"

ตูม!

เสียงดังก็จริงแต่ก็ยังไม่ได้สร้างความเสียหายมากนัก

อย่างไรก็ตามเฟรย์เข้าใจเกี่ยวกับเกราะสายฟ้าแล้ว

‘ไม่ใช่ว่ามันไม่ได้สร้างความเสียหาย แต่มันฟื้นตัวได้เร็วกว่าความเสียหายที่เกิดขึ้นต่างหาก’

และสิ่งที่ให้พลังงานที่จำเป็นในการฟื้นตัวก็ไม่มีใครอื่นนอกจากเมฆฝนฟ้าคะนองบนท้องฟ้า

สถานที่ว่างของป่ามรณะที่เคยยืนอยู่ได้กลายเป็นสนามรบที่ทำลายล้างซึ่งจะไม่มีวันฟื้นคืนมาได้

สายฟ้าที่ลุคส์ใช้และสายฟ้าที่ตกลงมาจากท้องฟ้าอย่างต่อเนื่องพร้อมแสงวาบรวมกับเสียงที่ดังนั้นสามารถทำให้จิตใจว้าวุ่นได้

แม้แต่พ่อมดที่ต้องเผชิญกับความยากลำบากมากมายอาจจะไม่สามารถร่ายมนตร์ได้เพราะถูกรบกวน

ในขณะที่เขาพยายามคิดแผนเฟรย์หลบการโจมตีตามอำเภอใจของลูคส์ด้วยการผสมผสานระหว่างเวทย์มนต์เฮสและบลิ้ง

ถึงกระนั้นเขาก็ไม่ลืมที่จะโต้กลับเป็นครั้งคราว

เฟรย์เชี่ยวชาญในการใช้คาถาธาตุไฟและน้ำเป็นส่วนใหญ่

แม้ว่าเขาจะไม่ได้ร่ายมนตร์ที่ใช้เวลานาน แต่เขาก็ยังสามารถนำเสนอเวทย์ที่น่ากลัวได้

อย่างไรก็ตามคุณลักษณะทั้งสองนี้ยังไม่เพียงพอ

แม้ว่าพวกเขาจะสามารถเข้าถึงเกราะสายฟ้าได้แต่พลังของพวกเขาก็จะลดลงไปครึ่งหนึ่ง

เวทย์ธาตุลม

เวทมนตร์แห่งลมซึ่งแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งในการทำลายภูมิประเทศและสิ่งกีดขวางเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดของเขาในการกำจัดพายุฝนฟ้าคะนอง

และแน่นอนว่าช่วงเวลาในการร่ายนั่นค่อนข้างนาน

อย่างไรก็ตามมันเป็นเรื่องยากสำหรับเฟรย์ที่จะทำด้วยตัวเอง ไม่เพียงเพราะมันจะขาดพลังเมื่อเทียบกับคุณสมบัติไฟและน้ำของเขาแต่เพราะเขามีเวลาไม่พอที่จะร่ายให้จบได้

"เป็นไปไม่ได้ที่จะลดระยะเวลาในการร่ายให้สั้นลงอย่างเห็นได้ชัดเหมือนกับเวทย์มนตร์ไฟหรือน้ำ"

เพื่อให้สามารถสะสมพลังได้เพียงพอที่จะพัดเมฆฟ้าคะนองออกไปเขาจำเป็นต้องชาร์จพลังเวทย์เป็นเวลาอย่างน้อย 1 นาที

" ลุคส์ไม่มีทางพลาดจังหว่ะนั้นแน่"

และตอนนี้สุคส์ก็ให้ความสนใจไปกับเฟรย์เกือบทั้งหมด

การร่ายเวทย์โดยการอยู่นิ่งๆเป็นเวลาหนึ่งนาทีในสถานการณ์แบบนี้ก็เทียบเท่ากับการฆ่าตัวตายชัดๆ

มันไม่จำเป็นต้องเป็นเวทมนตร์ระดับ 7 ดาว

เขาแสร้งทำเป็นไม่สังเกตเห็นจุดอ่อนของเกราะสายฟ้าและตั้งใจที่จะมอบภารกิจให้กับอีกกลุ่มแทน

เฟรย์โทรจิตติดต่อกับคามิลล์เมื่อเขามีพื้นที่ให้หายใจเล็กน้อย

[คามิลล์เราต้องกำจัดเมฆฝน คุณทำได้มั้ย?]

สิ่งที่สำคัญที่สุดอย่างหนึ่งในการร่ายเวทย์คือผู้ร่ายนั่นต้องสงบและมั่นคง

คาถาระดับ 7 ดาวที่ร่ายอย่างไม่คงที่จะแพ้ให้กับคาถาระดับ 6 ดาวที่คนสามคนร่ายผสานเข้าด้วยกันอย่างแน่นอน

[ฉันทำได้ถ้าหากมิเคลช่วยฉัน แต่…]

[มันจะดึงดูดความสนใจของลุคส์อย่างแน่นอน]

เฟรย์ยิ้มเล็กน้อยโดยไม่รู้ตัว

[ถ้าเป็นเรื่องนั้นปล่อยให้เป็นหน้าที่ของผมเอง!]

รีวิวผู้อ่าน