ความเร็วของกลุ่มล่วงหน้าเริ่มรวดเร็วอีกครั้ง และเส้นทางนี้ไม่ใช่เส้นทางที่ฉาวซวนรู้จักมาก่อน
พวกเขาเร่งความเร็วด้วยความเร็วเกือบสองถึงสามเท่าของกลุ่มล่าสัตว์อื่น ๆ มันเป็นการเดินทางที่ยาวนาน ในระหว่างทางพวกเขามีเวลาพักเพียงเล็กน้อยที่จะกินอะไรบางอย่าง หลังจากนั้น พวกเขาก็ยังคงเดินขบวนและใช้เวลาทั้งคืนในถ้ำเมื่ออาทิตย์อัสดง นอกจากนี้ยังเป็นสถานที่ที่ทาและคนอื่น ๆ เคยพักระหว่างการล่าสัตว์
จริงๆแล้วฉาวซวนไม่ได้ใช้การวิ่งในลักษณะนี้ในวันแรก แม้ว่าเขาจะดีกว่าคนอื่นๆที่ตื่นขึ้นมาจากพลังพร้อมเขาในเรื่องของความแข็งแกร่ง,ความอดกลั้นและความเร็ว แต่เขาก็เป็นเพียงนักรบที่เพิ่งตื่นขึ้นมาในปีนี้ ในกลุ่มนักรบล่วงหน้า นักรบที่อ่อนแอที่สุดคือใครบางคนที่ห่างเพียงก้าวเดียวจากการเป็นนักรบระดับกลาง ฉาวซวนไม่สามารถเทียบเคียงกับพวกเขาได้เลย
ดังนั้นในที่สุดเมื่อพวกเขามาถึงถ้ำเพื่อพักผ่อนในคืนแรก ฉาวซวนก็หมดแรงแล้ว เขานอนลงที่นั่น ไม่สามารถยกเท้าได้ กล้ามเนื้อทั้งหมดของเขาเจ็บขณะกระตุก และสมองของเขารู้สึกว่ามันกำลังบวม
นักรบคนอื่น ๆ ในกลุ่มล่วงหน้าก็เหนื่อยล้า แต่พวกเขาก็เคยชินกับมันแล้ว และความเจ็บปวดก็ไม่เหมือนกับที่ฉาวซวนกำลังประสบอยู่ เมื่อมองพฤติกรรมของฉาวซวน พวกเขาก็คาดเดาได้ว่าเด็กน้อยคนนี้อาจเห็นช่องว่างระหว่างเขากับคนอื่น ๆ ได้ กลุ่มล่วงหน้าไม่ใช่ว่าทุกคนจะสามารถเข้าร่วมได้ และผู้ที่มีความสามารถต่ำไม่สามารถติดตามกลุ่ม แม้ว่าเขาจะพยายามใช้ทุกวิถีทางในการเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มก็ตาม อย่างไรก็ตาม ฉาวซวนประทับใจมากพอแล้วกับการเดินทางติดตามในวันแรกของเขา
ดังนั้น นักรบบางคนในกลุ่มล่วงหน้ามีความประทับใจที่ดีขึ้นกับฉาวซวน ในสายตาของพวกเขา ฉาวซวนเป็นเพียงเด็ก และคนในชนเผ่ามีความอดทนค่อนข้างสูงสำหรับเด็ก ทาและคนอื่น ๆ ซึ่งเป็นอันดับหนึ่งในกลุ่มล่วงหน้าได้หารือเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงในวันพรุ่งนี้พร้อมกับการมีฉาวซวนเข้ามาในกลุ่ม แต่ดูเหมือนจะเป็นไปไม่ได้ที่ฉาวซวนจะวิ่งไปเองในวันพรุ่งนี้
อย่างไรก็ตาม ทุกคนก็ต้องประหลาดใจ ทุกคนพบว่าฉาวซวนมีสภาพแข็งแรงสดใสเหมือนใหม่เมื่อตื่นขึ้นมาวันใหม่ ในเช้าวันรุ่งขึ้น เมื่อคืนนี้ เขากำลังดิ้นรนที่จะยกปลายเท้าของเขา แต่ตอนนี้เขายังมีชีวิตอยู่และหวดลมเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น! เขาไม่จำเป็นต้องอาศัยความช่วยเหลือคนอื่นๆ และเริ่มพยายามรักษาพลังให้คงที
นักรบในกลุ่มล่วงหน้าได้แสดงออกทางสีหน้าเช่นเดียวกัน
โอ้บรรพบุรุษ นี่เป็นเด็กที่มาจากถ้ำเด็กกำพร้าที่นั่นใช่ไหม?
เขากินอะไรตั้งแต่แรกเกิด?! เนื้อสัตว์ธรรมดา? เนื้อสัตว์ดุร้าย? หรือแม้กระทั่งเนื้อสัตว์ที่เป็นราชาของเหล่าสรรพสัตว์?
มันเป็นไปไม่ได้เลย! อาหารที่แจกจ่ายไปยังถ้ำเด็กกำพร้าคือเนื้อสัตว์และหัวพืชธรรมดาซึ่งไม่ใช่พลังงานชั้นดี เขาจะเติบโตขึ้นเป็นนักสู้ที่แข็งแกร่งได้อย่างไร?
พวกเขาประหลาดใจจริงๆ ไม่ว่าพวกเขาจะเกาหัวของพวกเขาอย่างไร
คิดอีกครั้งก็ยังคงไม่สามารถคิดออก
เว้นเสียแต่ว่าเขาจะได้รับพรจากบรรพบุรุษ?!
ดังนั้นในระหว่างวันที่สองของการเดินทาง ผู้คนจะมองไปที่ฉาวซวนอย่างต่อเนื่องในขณะที่เดินทางไปเรื่อยๆ
ดีมาก ตัดสินจากลักษณะที่มีพลังของเด็กคนนี้ ดูเหมือนว่าเขาไม่แกล้งทำ!
.......
ซึ่งไม่เหมือนกับกลุ่มล่าสัตว์อื่น ๆ ซึ่งจะทำการล่าก่อนที่จะเดินทางไปยังตำแหน่งต่อไป รูปแบบการล่าสัตว์ของกลุ่มล่วงหน้าจะต่างออกไป ทานำกลุ่มเพื่อมุ่งหน้าต่อไป หลังจากใช้เวลาคืนหนึ่งที่ถ้ำ พวกเขาต้องเดินหน้าต่อไป
บางครั้งพวกเขาต้องปีนข้ามภูเขา ขณะที่ยอดเขาปกคลุมด้วยหิมะตลอดปี บางครั้งพวกเขาต้องใช้เส้นทางอ้อมไปยังเทือกเขาอื่น ๆ บางแห่ง ในระหว่างทาง พวกเขาต้องผ่านพื้นที่อันตราย เช่นหนองน้ำและบ่อน้ำมันดิบ
ฉาวซวนได้เห็นสัตว์ร้ายที่ไร้ชื่อหลายชนิด เช่นสัตว์ร้ายที่น่าเกลียดน่ากลัวและงูพิษที่เต็มไปด้วยสีสัน หนึ่งในพวกเขาจะยกคิ้วขึ้นสูง หากพวกเขานำพวกมันกลับไปที่เส้นทางแห่งความรุ่งโรจน์ อย่างไรก็ตาม กลุ่มนักรบไม่หยุดแวะเลย แม้กระทั่งเมื่อพวกเขาฆ่าบางอย่าง มันจะเป็นอาหารและเสบียงในแต่ละวัน เสบียงจะถูกโยนออกไปเพื่อไม่ให้เป็นภาระของพวกเขา
เดินขบวน,ล่า และจากนั้นก็เดินขบวน และล่าอีกครั้ง!
พวกเขาทำสิ่งที่คล้ายกันทุกวัน การผลาญพลังงานทางกายอย่างมหาศาลนั้นก็หมายความว่าต้องใช้พลังงานเสริมมากขึ้น เนื้อจากสัตว์ระดับสูงเป็นอาหารเสริมที่ดีที่สุด
แต่เดิม นักรบคนอื่น ๆ ในกลุ่มล่วงหน้ากังวลว่าฉาวซวนอาจจะง่วงนอน หลังจากกินอาหารที่เป็นเนื้อของเหยื่อระดับสูง แต่ มันกลับกลายเป็นว่าพวกเขากำลังกังวลเรื่องอะไรรรรร
หลังจากที่ล้มหนามพายุทมิฬ ฉาวซวนก็เคยชินกับการกินเนื้อสัตว์ระดับสูงแล้ว เขาสามารถปรับตัวเข้ากับอาหารได้เป็นเวลานาน ความจริงก็คือ เขาสามารถดูดพลังงานจากอาหารระดับสูงได้
เป็นนักรบที่ตื่นขึ้นมาใหม่ ซึ่งถูกปลุกให้ตื่นขึ้นในปีนี้ เขากินไม่น้อยกว่าคนอื่น ๆ และมีความเร็วในการฟื้นตัวที่เร็วขึ้นมาก ตอนแรก นักรบจากกลุ่มล่วงหน้ารู้สึกประหลาดใจกับพฤติกรรมของฉาวซวน แต่ต่อมา พวกเขาก็ไม่ค่อยแปลกใจ และเช่นกันพวกเขาก็ไม่รู้สึกอะไรกับเรื่องนี้ และในท้ายที่สุด ไม่มีใครหัวเราะเยาะฉาวซวนอีกต่อไป
ตามที่คาดไว้ ไม่มีบุคคลธรรมดาได้เข้ารับการคัดเลือกจากผู้นำทีมในกลุ่มล่วงหน้า
หลังจากห้าวันของการเดินทางอย่างต่อเนื่อง ฉาวซวนตามคนอื่น ๆ ปีนขึ้นไปบนภูเขาและเข้าไปในถ้ำเพื่อพักผ่อน พวกเขามาถึงจุดหมายปลายทางแล้ว แต่ฉาวซวนไม่สามารถบอกความแตกต่างได้ ยกเว้นความรู้สึกแปลก ๆ เล็กน้อย
หลังจากพักผ่อนในคืนที่ผ่านมา ฉาวซวนตื่นขึ้นมาในตอนเช้า เขาเก็บอุปกรณ์ของเขาและตามทาออกไปด้านนอก
พวกเขายังคงปีนขึ้นไปและหยุดที่หน้าผาสูงชัน
อรุณเบิกฟ้าเริ่มฉายแสงเมื่อเวลาผ่านไป
ฉาวซวนยืนอยู่ที่ขอบหน้าผา หันหน้าไปทางพระอาทิตย์ขึ้น มันมีขนาดใหญ่ของสีเขียวไม่มีที่สิ้นสุดในมุมมองของเขา มีสีอื่น ๆ ผสมกัน แต่ร้อยละ99% เป็นสีเขียวในเฉดสีที่ต่างกัน
นี่คือจุดหมายปลายทางของการเดินทางของพวกเขา อาณาจักรของพืช บนขอบฟ้า ที่จุดเชื่อมต่อระหว่างท้องฟ้ากับอาณาจักรพืชกว้างไกลไม่มีที่สิ้นสุด พระอาทิตย์เริ่มออกทำงาน
อากาศเย็นเริ่มอุ่นขึ้น
ฉาวซวนเห็นได้ชัดว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่อาศัยอยู่บนแผ่นดินนี้กำลังตื่นขึ้นมา
ครืด,ครืด,ครืด!
ท่ามกลางอาณาจักรสีเขียวของพืชอันเขียวชอุ่ม อาคารไม้ทรงกลมสูงบางแห่งกำลังส่งเสียง ครืด,ครืดขึ้น เหมือนที่แผ่นไม้กำลังเสียดสีกระแทกกัน บางครั้งก็มีเสียงดังเอี๊ยดอาด ราวกับว่าเรือไม้ยักษ์กำลังแกว่งอยู่บนคลื่น
ร่วมกับเสียงเหล่านั้น ใบไม้ใบสุดท้ายของพืชแต่เดิมได้หลุดล่วงไป ใบไม้ใบใหม่ได้ยืดและขยายออก เช่นดอกไม้กำลังบาน
"หัว" ที่จมลงของต้นถั่วขนาดใหญ่เหมือนต้นกล้ายักษ์เริ่มงอกเงยขึ้นและเชิดหัวขึ้นเพื่อรับแสงจากดวงอาทิตย์ พวกมันเริ่มยื่นกลีบใบที่มีขนาดใหญ่ของมันออกไปเหมือนสยายปีก
ดวงอาทิตย์ขึ้นและแสงสว่างไปถึงอีกฟากหนึ่งของภูเขา เหมือนนาฬิกาปลุก มันเดินจากด้านหนึ่งของภูเขาไปทั่วโลกในอีกด้านหนึ่ง เพื่อที่จะปลุกสิ่งมีชีวิตที่นอนหลับไหล
ฉาวซวนหายใจเข้าลึก ๆ เขาก้าวไปข้างหน้าและมองลงไป
มันเป็นเพียงหน้าผา และใครก็ตามที่กระโดดลงไป จะถูกกระแทกเป็นชิ้นๆ
"เราจะลงไปที่นั่นได้อย่างไร?" ฉาวซวนถาม ถ้าพวกเขาต้องลงไปในที่สุด เช่นนั้นทำไมพวกเขาถึงไต่ขึ้น? หน้าผาที่ยืนอยู่เป็นพื้นที่ตั้งฉากกับพื้นดิน มันจะเป็นอันตรายมาก ถ้าพวกเขาปีนตรงลงไปลงเพียงลำพังไม่มีใครรู้ได้ว่าพวกมันจะถูกโจมตีจากสิ่งมีชีวิตอื่นหรือไม่ ขณะที่ปีนลงไป มันเป็นภารกิจที่เป็นไปไม่ได้
"ก็เพราะว่าเราจะไม่กระโดด!" บางคนหัวเราะ
"เฮ้!... มองไปที่ทะเลสาบตรงนั่นและเจ้าจะรู้ " ถัวชี้ไปที่ไหนสักแห่งในอีกทางหนึ่ง
ฉาวซวนมองไปทางที่ถัวชี้
ทะเลสาบอะไร? มีเพียงทะเลสาบแห่งความมืดเท่านั้น
ไม่เห็นมีอะไร
มันเป็นมากกว่านั้น!
ฉาวซวนมองเข้าไปใกล้ และพบว่ามีบางสิ่งบางอย่างกำลังเคลื่อนที่อยู่ในทะเลสาบดำ มันไกลเกินไปสำหรับผู้คนที่จะสังเกตเห็นได้ง่าย
แน่นอน ทะเลสาบสีดำไม่ได้สงบเหมือนก่อน และมันเริ่มกระจายตัวออกไป
จุดสีดำจำนวนมากบินไปมา ตอนแรกมีเพียงไม่กี่จุด แต่หลังจากหายใจหลายรอบ จุดสีดำหนาทึบก็เริ่มบินขึ้นในอากาศ
ทะเลสาบที่ปกคลุมด้วยจุดสีดำเหล่านี้ ในที่สุดก็ได้เปิดเผยตัวเองออกมาในสายตาของฉาวซวน
เป็นทะเลสาบที่เปิดโล่งและดูเหมือนจะมีพืชสีต่างๆกันอยู่ภายใน สีเหลือง, สีเขียว, สีน้ำตาล, สีแดง ... หลายสีผสมในแอ่งน้ำ และร่วมกับรูปทรงของแอ่งน้ำ มันก็เป็นเหมือนดวงตาจากแมลงบางชนิด
ภูเขาที่อยู่อีกฟากหนึ่งสูงกว่าที่ฉาวซวนกำลังยืนอยู่ และมันก็โผล่ขึ้นมาบนท้องฟ้า
จุดสีดำที่เพิ่มขึ้นเหล่านี้ไม่บินขึ้นสูง แต่บินมาทางพวกเขา ราวกับลูกบอลกำลังเต้นรำในหมู่เมฆราตรี
"เตรียมตัวให้พร้อม ทุกคน !!" ทาพูดกับลูกทีมและจากนั้นหันไปทางฉาวซวนแล้วพูดว่า "เจ้าตามข้ามา อาซวน!"
เมฆสีดำเข้ามาหาและเป็นธรรมดาที่ฉาวซวนจะได้ยินเสียงกระพือปีก และในที่สุดเขาก็เห็นว่าจุดสีดำเหล่านั้นเป็นตัวอะไร
แมลงปอ ?!
ก่อนหน้านี้ มันไกลเกินไปที่จะระบุรูปร่างลักษณะ แต่ตอนนี้ หัวใจของฉาวซวนเต้นกระหน่ำเหมือนอยู่ในนรก กำลังเห็นว่ามันเป็นฝูงของแมลงปอ
ฉาวซวนเคยเห็นแมลงปอมาก่อน แต่ต้องไม่ใช่ขนาดและปริมาณเช่นนี้!
มันเหมือนเรือเดินสมุทรขนาดใหญ่!
ตัวเล็ก ๆ มีปีกกว้างอย่างน้อยสามเมตร ส่วนขนาดใหญ่มีปีกกว้างห้าเมตร! บางตัวใหญ่มากขึ้น ในขณะที่แมลงปอยักษ์จำนวนมากบินตรงมาที่พวกเขาเป็นจำนวนมาก เห็นได้ชัดว่าฉาวซวนกำลังมองดูสิ่งที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน
พวกมันกำลังจะพาพวกเขาจากด้านหนึ่งของภูเขาไปยังอีกด้านหนึ่งที่มีอาณาจักรของพืชสีเขียวตั้งอยู่
เมื่อ "เรือเดินสมุทร" บินเหนือศีรษะของพวกเขา ฉาวซวนสามารถมองเห็นเส้นเลือดดำในปีกได้
พวกมันเหมือนเครื่องร่อน!
"ไปได้แล้ว!"
ด้วยภูมิประเทศที่เอื้ออำนวย นักรบในกลุ่มล่วงหน้าลุกขึ้นกระโดดลงจากหน้าผาและลงไปที่ด้านหลังของแมลงปอ
ก่อนที่ฉาวซวนจะมีโอกาสเคลื่อนไหว เขาถูกทาจับตัวยกขึ้นและลงบนหลังแมลงปอยักษ์
เป็นครั้งแรกในชีวิตของเขา ที่ฉาวซวนมีประสบการณ์การบินอยู่บนหลังแมลงปอยักษ์