px

เรื่อง :
เล่มที่ 1 บทที่ 9 - เพลงหมัดพยัคฆ์ศักดิ์สิทธิ์


เล่มที่ 1 บทที่ 9 - เพลงหมัดพยัคฆ์ศักดิ์สิทธิ์

 

"เมื่อข้าอายุได้ 7 ขวบ ข้าต้องเข้าฝึกซ้อมในค่ายนรกไซบีเรีย ในตอนนั้นร่างกายข้ายังเจริญเติบโตไม่เต็มที่ ดังนั้นภายใต้แรงกดดันจากการฝึกฝนมันทำให้ข้าได้รับผลกระทบอย่างมาก ต่อมาข้าได้รับโอกาสฝึกฝนกับปรมจารย์ด้านกำลังภายใน เมื่อตอนข้ายังวัยเยาว์ ข้าไม่เคยรับรู้ถึงศักยภาพในตัวและยังรู้สึกว่าข้ายังคงห่างไกลจากมันมากนัก ถึงแม้ว่าข้าจะสามารถเรียนรู้กำลังภายในขั้นสูงสุดได้ แต่เมื่อต้องเปรียบเทียบกับโดลกรอฟโกรฟ ขีดจำกัดและสมรรถภาพของร่างกายข้าดูเหมือนจะยังอ่อนด้อยกว่าเขาเสียอีก"

 

แม้จะไม่สำเร็จดินแดนขั้นสูง ถ้าหากร่างกายพัฒนาถึงขีดสุด มันก็จะไม่สามารถพัฒนาก้าวข้ามไปได้อีก

 

จึงทำให้การฝึกฝนถูกแบ่งออกเป็นระดับที่แตกต่างกัน

 

เช่นเดียวกับนักกีฬา บางคนก็ได้ผลลัพธ์ที่ดี พวกเขาฝึกฝนอย่างหนักเพื่อช่วงชิงเหรียญทอง ในตอนเด็กคนเหล่านี้มักจะได้รับความสำเร็จมากมาย แต่เมื่อพวกเขาอายุเยอะร่างกายของพวกเขาก็ย่อมต้องพังทลายไปตามกาลเวลา

 

แน่นอนว่าระดับการฝึกฝนของนักกีฬาย่อมต้องไม่ใช่เรื่องเกินจริง

 

ตัวอย่างเช่น การฝึกฝนมวยไทยซึ่งเป็นเรื่องที่บ้ามาก ฝึกฝนราวกับเครื่องยนต์ เมื่อตอนที่พวกเขาอายุ 20 ปี พวกเขาเรียกได้ว่าเป็นเครื่องจักรสังหารเดินดิน แต่ก็มีหลายคนที่ไม่อาจมีชีวิตอยู่ได้หลังจากอายุ 40 ปี และมีบางคนแม้ว่าจะมีชีวิตที่ยาวนานแต่ก็ต้องพึ่งพาไม้เท้า เนื่องจากศักยภาพของพวกเขาถูกบีบอัดแน่นมากเกินไป จนทำให้ความมีชีวิตชีวาหมดลง

 

ดังนั้นกำลังภายในจึงถูกสร้างขึ้นมาหลายรูปแบบ

 

กำลังภายในของชาวจีนเป็นดังเรื่องมหัศจรรย์เนื่องจากจุดประสงค์แรกที่ศิลปะเหล่านี้ถูกสร้างขึ้นมาก็เพื่อการรักษาสุขภาพไม่ใช่เพื่อทำสงครามหรือฆาตกรรม

 

และหลังถูกฝึกฝนเพื่อสุขภาพ หลังจากนั้นก็ใช้มันเพื่อสังหาร

 

แต่ระดับปรมจารย์มวยไทยจะสามารถมีอายุยืนยาวได้มากกว่า 40 ปี หากคิดตามหลักปรมจารย์กำลังภายใน ช่วงอายุ 40 ปีของพวกเขาคือจุดสูงสุด แม้ว่าพวกเขาจะมีอายุ 80-90 ปี เขาก็ยังคงศักยภาพที่ดุดันสามารถกดขี่ศัตรูให้หวาดกลัว ถ้าหากปรมจารย์เหล่านี้ไม่ถูกสังหารพวกการต่อสู้ พวกเขาก็จะมีอายุได้มากกว่า 100 ปี

 

นี่จึงเป็นเรื่องง่ายที่จะทำให้ทุกคนสามารถเข้าใจได้ถึงผลกระทบทางด้านสุขภาพที่ได้รับจากการฝึกฝนกำลังภายใน

 

แน่นอนว่า ในโลกใบนี้ มีประวัติโยคะของอินเดียโบราณที่อยู่มาอย่างยาวนาน ซึ่งมันส่งผลลัพธ์ที่น่าอัศจรรย์ แม้ว่าโยคะจะไม่แข็งแกร่งเทียบเท่ากับกำลังภายใน เพราะกำลังภายในนั้นต้องใช้ความยากที่อยู่ในระดับสูง ส่วนโยคะจะใช้ความเข้าใจที่อยู่ในระดับต่ำกว่าจึงทำให้มีผู้เลือกที่จะฝึกฝนมากกว่า ดังนั้นจึงกล่าวอีกเป็นนัยหนึ่งได้ว่า หากผู้คนต้องการก้าวขึ้นสู่ระดับดินแดนขั้นสูง การฝึกฝนกำลังภายในจึงเป็นทางเลือกที่คนส่วนใหญ่เลือกที่จะใช้

 

"เมื่อก้าวข้ามดินแดนขั้นสูง ร่างกายก็จะสามารถก้าวข้ามขีดจำกัดของมนุษย์ได้"

 

เถิงชิงซานไม่อาจหยุดยิ้มได้

 

กำลังภายในนั่นหมายถึงความสามารถในการควบคุมทุกอณูกล้ามเนื้อได้อย่างสมบูรณ์แบบ

 

ดินแดนกำลังภายในขั้นสูงนั่นก็ต้องหมายถึงว่าการควบคุมและสามารถใช้พละกำลังในทุกอณูกล้ามเนื้อ เส้นเลือดและกระดูกได้อย่างสมบูรณ์ นั่นคือเหตุผลที่ทำให้ปรมาจารย์สามารถอัดใส่ศัตรูด้วยกำปั้นเพียงสัมพันธ์เดียวเพราะสามารถเทียบเท่ากับหมัดของผู้คนมากมาย

 

"แต่ละขั้นตอนในการฝึกฝน "การสามประสาน" "ทฤษฎี 5 ธาตุ 12 ลักษณ์ " ที่ทำในทุกๆวันจะเสริมสร้างความแข็งแกร่งของกระดูก และขยายหลอดเลือดให้หนาขึ้น ความแข็งแกร่งและความทรงพลังของกล้ามเนื้อจากนั้นค่อยพัฒนาขึ้นอย่างช้าๆ"เถิงชิงซานถอนหายใจเสียงดัง "โชคดีที่เขาสอนเคล็ดลับขั้นสุดยอดของทวงท่าสิงอี้เฉวียนที่มีชื่อว่า "เพลงหมัดพยัคฆ์ศักดิ์สิทธิ์""

 

วิทยายุทธในประเทศจีนนั้นมีมากมาย นอกเหนือจากสามวิทยายุทธ์ที่ยิ่งใหญ่ ก็ยังมี ปาจี๋มวยแปดสุดยอด ทงเป่ยเฉวียน มวยวูซู และเพลงมวยหย่งชุน และวิทยายุทธอีกมากมาย

 

แต่ทำไม มวยสิงอี้เฉวียน ฝ่ามือแปดทิศปากว้าจ่าง และไทเก๊ก(ไทชิ)ซึ่งถูกเรียกว่า สามวิทยายุทธ์ที่ยิ่งใหญ่ นั่นก็เพราะว่าวิทยายุทธอื่นๆอยู่ในระดับที่ต่ำกว่า

 

ทักษะอื่นๆล้วนแต่ไม่สามารถก้าวขึ้นสู่ระดับดินแดงขั้นสูงได้ หรือมันไม่มีอยู่จริง อีกทั้งนิกายอื่นๆยังได้สร้างเหล่าปรมาจารย์ขึ้นมาเพื่อถ่ายทอดวิทยายุทธให้กับลูกศิษย์อีกมากมาย

 

ซึ่งนี่แหละคือความแตกต่างที่แท้จริง มันจะถูกเทียบโดยปรมจารย์แต่ละวิทยายุทธ

 

ปรมจารย์ของสามวิทยายุทธ์ที่ยิ่งใหญ่นั้นมักจะแข็งแกร่งกว่าปรมจารย์ของวิทยายุทธอื่น กำลังภายในของวิทยายุทธอื่นจะต้องค้นหาตัวเองและปรับปรุงมันไปเรื่อยๆ ส่วนสามวิทยายุทธ ที่ยิ่งใหญ่เมื่อก้าวขึ้นสู่ระดับดินแดนขั้นสูงพวกเขาก็จะมีทักษะเร้นลับเกิดขึ้น ซึ่งมันทำให้พวกเขาสามารถฝึกฝนทักษะเร้นลับเหล่านี้ได้

 

ทักษะเร้นลับจะทำให้ความสามารถของปรมจารย์ซึ่งเป็นผู้ใช้พัฒนาอย่างรวดเร็ว และจะได้รับประสบการณ์ที่ก้าวข้ามขึ้นมาเพื่อให้อยู่ในระดับเดียวกับผู้ที่ผ่านดินแดนขั้นสูง

 

ตามที่ทุกคนเข้าใจทักษะเร้นลับของเพลงมวยสิงอี้เฮวียนนั่นก็คือ "เพลงหมัดพยัคฆ์ศักดิ์สิทธิ์" ส่วนทักษะเร้นลับของเพลงมวยไทเก็กคือ "เพลงมวยศิลาเต่าคะนอง" ส่วนทักษะเร้นลับของฝ่ามือแปดทิศปากว้าจ่างคือ มังกรมัจฉาแปรผัน

 

"เพลงหมัดพยัคฆ์ศักดิ์สิทธิ์"ทุกซ้อนโดยปรมอาจารย์สิงอี้เฉวียนนามว่า จี๋ จี๋เค้อซึ่งมีชีวิตอยู่ในช่วงปลายราชวงศ์หมิง ในตำนานของจี๋ จี๋เก้อกล่าวไว้ว่าเขาได้ใช้ชีวิตอยู่กับเสือ กินอยู่กับเสือ และนอนอยู่กับเสือ

 

หลังจากสังเกตเป็นเวลานาน เมื่อเขาอายุเข้าใกล้ 100 ปี เขาก็ได้สรรสร้างเคล็ดวิชาเฉพาะที่ถูกขนานนามว่า "เพลงหมัดพยัคฆ์ศักดิ์สิทธิ์"

 

เหตุผลที่ผู้คนนำกระดูกเสือมาทำสุราเพื่อดื่มกินก็มันจะทำให้ผู้ดื่มมีสุขภาพที่แข็งแรงและส่งผลที่ดีต่อตับ

 

ดังนั้นการฝึกฝน "เพลงหมัดพยัคฆ์ศักดิ์สิทธิ์"จึงเปรียบเสมือนการที่ผู้ฝึกฝนได้กลายเป็นเสือหรือได้ดื่มดำกับรสชาติสุรากระดูกเสือ ซึ่งจะทำให้ร่างกายและกระดูกแข็งแรงและยืดหยุ่น

 

การที่จะฝึก "เพลงหมัดพยัคฆ์ศักดิ์สิทธิ์" ผู้ฝึกฝนจะต้องบรรลุขอบแดนขั้นสูงของ "หมัดพยัคฆ์"ที่อยู่ใน"เพลงมวย 12 รูปลักษณ์ของรูปแบบพยัคฆ์"ซึ่งเคล็ดวิชาเหล่านี้จะถูกถ่ายทอดกันภายในเหล่าสาวกเท่านั้น

 

"นี่คือท่วงท่าแรก"

 

เถิงชิงซานก้มตัวลงและนอนราบราวกับเสือ แม้ว่าจะมีเพียงแค่มือและขาที่สัมผัสพื้น แต่กล้ามเนื้อทุกมัดกล้ามก็ไม่มีการขยับแม้ว่าเขาจะต้องควบคุมการเข้าออกของลมหายใจ รวมถึงกำลังภายในและส่วนอื่นๆก็ตาม

 

การโก้งโค้งเพียงเล็กน้อย กระดูกที่สันหลังก็เปลี่ยนรูปลักษณ์คล้ายมังกรที่พร้อมทะยานออกไปจากที่ซุ่มโจมตี

 

การเคลื่อนไหวของกระดูกสันหลัง กล้ามเนื้อมือ กล้ามเนื้อขา ลมหายใจ ลมปราณ และกำลังภายในผสานกันอย่างสมบูรณ์แบบ

 

ความแข็งแกร่งซึมซับจากนิ้วมือ เคลื่อนไปสู่แขนและส่งต่อไปทั่วทุกเอาอัยวะภายในร่างกาย หนึ่งลมหายใจปรับเปลี่ยนแปรผันอวัยวะทั้งหมด พลังที่แข็งแกร่งอัดแน่นร่วมกันก่อให้เกิดการสั่นสะเทือนไปทั่วกระดูก เถิงชิงซานยังคงตั้งใจปรับแต่งมันอย่างต่อเนื่อง เขาพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อเข้าถึงสถานะแห่ง "เพลงหมัดพยัคฆ์ศักดิ์สิทธิ์"

 

แม้ว่ามันจะดูเหมือนเรื่องง่ายๆ แต่ความจริงแล้วมันเต็มไปด้วยความซับซ้อน!!!

 

เมื่อเปรียบเทียบกับ " 12 รูปลักษณ์แห่งสิงอี้" มันช่างต่างกันมากมาย เพียงแค่กำหนดลมหายใจผิดพลาด ควบคุมกำลังภายในผิดที่ผิดทางนั่นก็หมายถึงความล้มเหลว

 

เขายังคงทำการทดลองและปรับเปลี่ยนมันอย่างซ้ำๆ

 

เขายังคงประสานงานในทุกอวัยวะทุกส่วนของร่างกายจนกระทั่งเขาสามารถบรรลุถึงความสมบูรณ์แบบ

 

"ฟวิ้ววว ฟวิ้วววว……"เถิงชิงซานหันไปมองรอบๆร่างกายของเขาและลุกขึ้นยืน เขารับรู้ได้ถึงพลังที่แผ่ซ่านออกมาจากร่างกาย ทันใดนั้นดวงตาของเขาก็เปล่งประกาย "ข้าไม่คิดเลยว่าการฝึกซ้อมในวันนี้ จะทำให้ข้าแข็งแกร่งขึ้น สมรรถภาพทั้งร่างกายของข้าพัฒนาขึ้นอีกอย่างน้อย 20%"

 

เถิงชิงซานสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจน

 

เขารู้ดีว่าโดยปกติแล้วในครั้งแรกที่ทำการฝึกฝนคนทั่วไปจะมองเห็นการเปลี่ยนแปลง แต่เมื่อนานวันเข้า การเปลี่ยนแปลงจะสังเกตเห็นได้ยาก

 

ยอดยุทธบรรพชนจี๋ผู้ซึ่งค้นพบเคล็ดลับวิชา "เพลงหมัดพยัคฆ์ศักดิ์สิทธิ์" ที่แสนน่าทึ่ง แม้จะดูง่ายแต่ซับซ้อน เคล็ดลับวิชาคือการกระทำเรียนแบบท่วงท่านอนของเสือ เมื่อเทียบกับเพลงหมัดพยัคฆ์ที่อยู่ในเคล็ด 12 รูปลักษณ์ ท่วงท่าซับซ้อนมากกว่า 10 หรือ 100 เท่าเลยทีเดียว

 

การเคลื่อนไหวร่างกายต้องประสานกับลมหายใจ ควบคุมกระดูกและกำลังภายในรวมถึงด้านอื่นๆอีกมากมาย จึงเป็นเรื่องที่ไม่อาจคาดคิดว่ายอดยุทธบรรพชนจี๋ใช้เวลาศึกษาและฝึกฝนมากเพียงใดกัน

 

เถิงชิงซานถอนหายใจด้วยอารมณ์ที่ซับซ้อน

 

แม้ว่าชื่อของผู้ก่อตั้งสิงอี้เฉวียนแต่ยังไม่สามารถยืนยันได้ก็ตาม แต่อย่างน้อยในประวัติศาสตร์ของเพลงมวยสิงอี้เฉวียน ผู้ที่ก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุดและถูกนับถือในฐานะยอดยุทธบรรพชนนั่นก็คือ จี๋ จี๋เค้อ และยังมีสาวกสิงอี้เฉวียนจำนวนมากนับถือเขาในฐานะ "ผู้ก่อตั้งสิงอี้เฉวียน"

 

………………………

 

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว เถิงชิงซานในตอนนี้ดูเหมือนถูก "เพลงหมัดพยัคฆ์ศักดิ์สิทธิ์" ดึงดูดอย่างสมบูรณ์ สมรรถภาพทางร่างกายของเขาพัฒนาขึ้นด้วยความเร็วอันแน่เลยเชื่อ และการพัฒนาเช่นนี้ยิ่งทำให้เถิงชิงซานรู้สึกชื่นชมในความสามารถของจี๋ จี๋เค้อ

 

15 วันผ่านไป

 

เวลาครึ่งเดือนนับตั้งแต่เริ่มฝึกฝน "เพลงหมัดพยัคฆ์ศักดิ์สิทธิ์" สมรรถภาพทางร่างกายของเถิงชิงซานยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจนกระทั่งวันที่ 15 การเพิ่มขึ้นเริ่มจะมองไม่เห็นผล แต่อย่างน้อย 15 วันที่ผ่านมาก็ทำให้เขาพัฒนาขึ้นถึงเกือบ 2 เท่า

 

"ข้าเอาแต่หมกมุ่นกับการฝึกฝน "เพลงหมัดพยัคฆ์ศักดิ์สิทธิ์" จนทำให้ข้าลืมน้องชาย "ชิงเจียง"ของข้าไปเลย"เถิงชิงซานยิ้ม

 

ในตอนนั้นเขาจำเป็นต้องซ่อนตัวภายในประเทศแห่งนี้ เพราะเขากังวลเรื่องการถูกไล่ล่าโดย 'พลแม่นปืน' และ 'อากาศวินาศภัย' ดังนั้นเขาจึงร้อนรนจิตใจหมายที่จะได้พบน้องชาย "ชิงเจียง"ของเขาก่อนที่จะเริ่มการต่อสู้

 

แต่ในตอนนี้

 

หลังจากที่เขาได้ก้าวขึ้นสู่ดินแดนขั้นสูง เถิงชิงซานที่ได้ฝึกฝน "เพลงหมัดพยัคฆ์ศักดิ์สิทธิ์" มันก็สร้างความเป็นไปได้ที่ทำให้เขาขึ้นไปอยู่บนจุดสูงสุดของโลก ความแข็งแกร่งในปัจจุบันเพิ่มขึ้นกว่า 10 เท่า

 

มันจึงเป็นธรรมดาที่เถิงชิงซานจะรู้สึกไม่เร่งรีบออกมาแม้ว่าเขาจะเฝ้ารอเจอน้องชายของเขาอย่างจดจ่อ

 

"อันดับแรก ข้าควรจะตรวจสอบสถานการณ์ภายนอกเสียก่อน"เถิงชิงซานเข้ามาภายในห้องและเปิดคอมพิวเตอร์ เชื่อมต่อเครือข่ายเพื่อติดต่อกับ "เอเลน่า"

 

"เอเลน่า!!!"เถิงชิงซานเริ่มต้นพิมพ์แป้นพิมพ์

 

สักครู่ผ่านไปก็เริ่มมีข้อความตอบกลับ

 

"อ่า หมาป่า ในที่สุดเจ้าก็ติดต่อข้ามา นี่ก็เกือบเดือน ข้าคิดว่าเจ้าคงจะตายไปแล้ว"

 

สถานที่ที่ห่างไกลเมืองลอนดอนประเทศอังกฤษ เอเลน่านั่งเท้าเปล่าอยู่หน้าคอมพิวเตอร์พร้อมทั้งกวัดแกว่งเท้าสีขาวนวลของเธอขณะพิมพ์ด้วยความไม่พอใจ

 

"ข้าต้องรักษาบาดแผลของข้าน่ะ"เถิงชิงซานยิ้มขณะตอบ

 

"เออ ว่าแต่อาการบาดเจ็บเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?"เอเลน่าถามด้วยความกังวล

 

"ข้าไม่เป็นไรแล้ว ว่าแต่สถานการณ์ภายนอกเป็นอย่างไรบ้าง?"เถิงชิงซานถาม

 

เอเลน่ารู้สึกหงุดหงิดก่อนจะคิดชั่วครู่หนึ่งแล้วตอบกลับไปว่า " เจ้าหมาป่า เจ้าทั้งทรงพลังและอันตราย เจ้าได้สังหารมากาซะวะและโดลกรอฟโกรฟไป ในตอนนี้เจ้าจึงถูกจัดให้เป็นอันดับ 1 ของเหล่านักฆ่าระดับS หรือที่รู้จักกันในนามนักฆ่าระดับ SS เป็นไงล่ะเจ้ารู้สึกภูมิใจหรือเปล่า? แต่ก็น่าเสียดายที่ข้าเองก็มีข่าวร้ายจะบอกเจ้า"

 

"มีเรื่องอะไร"เถิงชิงซานขมวดคิ้ว

 

"อาจเป็นเพราะเจ้าไปทำให้ตระกูลเรดเมย์นโกรธ หรืออาจเป็นเพราะความสามารถของเจ้าไปกระตุ้นความกังวลของตระกูลเรดเมย์น พวกเขาจึงทุ่มเทเงินจำนวนมากจ้างวานให้องค์กรระดับโลกอย่าง "องค์กรมหาราชาตรีมูรติ"มาทำภารกิจ ข้าคิดว่าในตอนนี้ 2 ใน 3 ยักษ์ใหญ่แห่ง "มหาราชาตรีมูรติ"คงจะอยู่ในประเทศจีนแล้ว ไม่ว่าจะเป็น "พระวิษณุ"หรือ "พระศิวะ" พวกเขากำลังตามหาตัวเจ้าอยู่"

 

เถิงชิงซานสีหน้าเปลี่ยนไป

 

" 2 ใน 3 ยักษ์ใหญ่แห่งมหาราชาตรีมูรติ" ถึงแม้ว่าเถิงชิงซานจะได้รับพลังที่เพิ่มขึ้น แต่เขาก็อดกังวลไม่ได้

 

ยักษ์ใหญ่ทั้งสามแห่งองค์กรมหาราชาตรีมูรติ ตั้งตนเมื่ออยู่ในสถานะเทพเจ้า!!! แน่นอนว่าคนเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นนักฆ่าระดับ SS ซึ่งก็แน่นอนว่าพวกเขาจะต้องฝึกฝนจนก้าวเข้าสู่ระดับดินแดนขั้นสูง และยิ่งไปกว่านั้นยักษ์ใหญ่ทั้งสามได้ก้าวข้ามขึ้นสู่สถานะนั้นเป็นเวลาหลายปีแล้ว และการเรียนรู้ต่างๆยิ่งทำให้พวกเขาเชี่ยวชาญ

 

แม้ว่าร่างกายของเถิงชิงซานจะได้รับการพัฒนาขึ้นหลังจากฝึกฝน "เพลงหมัดพยัคฆ์ศักดิ์สิทธิ์"แต่เขาก็เลือกต้องแลกทั้งชีวิตเพื่อที่จะได้รับมันมา

 

แต่….

 

ศัตรูของเขาคือ 2 ใน 3 ยักษ์ใหญ่ ผู้ซึ่งเปรียบดังปรมจารย์อยู่ยงคงกระพัน ในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ ไม่มีผู้ใดสามารถแตะต้องพวกเขาได้เลย

 

"ในครานี้ดูเหมือนว่าตระกูลเรดเมย์นจะเชิญพวกเขามา…...ถึงขนาดเชิญมาสองคนจากในสาม พวกเขาคงจะประเมินข้าสูงอย่างแน่นอน"เถิงชิงซานรู้สึกกดดัน แม้ว่าในความจริงแล้วเขาเองก็อยากจะเริ่มต้นสงครามนี้อย่างจริงจัง

 

เถิงชิงซานเพลงก็ไม่ทราบว่าทำไมถึงต้องส่งมหาราชาตรีมูรติถึง 2 คนมาที่ประเทศจีน บางทีอาจเป็นเพราะพวกเขาอาจจะกังวลว่าเถิงชิงซานจะได้รับความช่วยเหลือจากอาจารย์ ถ้าหากคนนึงได้ไปพบเจอกับปรมจารย์สิงอี้เฉวียนมันจะต้องเป็นเรื่องที่อันตรายแน่ ดังนั้นจึงต้องส่งไป 2 คนเพื่อที่จะรับมือ

 

ในทุกครั้งที่ "ราชาตรีมูรติ"รับภารกิจ จนกระทั่งถึงตอนนี้พวกเขายังไม่เคยล้มเหลวเลย!!!

 

รีวิวผู้อ่าน