px

เรื่อง :
เล่มที่ 1 บทที่ 17 - เลือดแลกด้วยเลือด


เล่มที่ 1 บทที่ 17 - เลือดแลกด้วยเลือด

 

เวลาประมาณ 2 ทุ่มจนเกือบ 3 ทุ่ม

 

ทะเลสาบถูกปกคลุมไปด้วยความมืดมิด เป็นสถานที่ที่ไร้ผู้คน ลงเรือเพียงแค่แสงไฟจากถนนที่แสนเบาบาง ภายใต้ความมืดมิด ยังมีชายหัวล้านที่มีฉายาว่า พระศิวะ กำลังแสดงท่าทางก้าวร้าว

 

"ฮาๆๆ….." เสียงหัวเราะของพระศิวะดังขึ้นขณะที่ขาทั้งสองข้างของเขาเคลื่อนที่ราวกับดาบยักษ์ที่กำลังตัดผ่าไปทางเถิงชิงซาน

 

เถิงชิงซานตอบโต้ปฏิกิริยานั้นอย่างทันท่วงทีโดยยกแขนขึ้นมาตั้งป้องกันบริเวณหน้าอก

 

"ปังงงงงง!!!" ขาขวาของชายฉายาพระศิวะตัดกระแทกออกไปอย่างรวดเร็ว

 

แขนของเถิงชิงซานต้องแบกรับการโจมตีที่รุนแรงจนทำให้หน้าอกของเขายุบลงเล็กน้อยก่อนคืนตัว

 

เขาใช้ขาทั้งสองข้างค้ำยันพื้นเอาไว้แต่ถึงกระนั้นเขาก็จำเป็นต้องถอยร่นอีกเล็กน้อย

 

"เจ้าหมาป่า ความแข็งแกร่งของเจ้าไม่ได้เลวร้ายนัก ดูเหมือนว่าเจ้าเองก็ก้าวขึ้นสู่ระดับดินแดนสวรรค์หรือถ้าหากกล่าวกันตามชาวจีนพวกคงเรียกว่าดินแดนขั้นสูง ถ้าหากเทียบกับอายุของเจ้าแล้ว เจ้าก็คงเพิ่งขึ้นมายังดินแดนแห่งนี้ไม่นานนัก ช่างน่าเสียดายจริงๆ ฮาๆๆๆ….."ชายหัวล้านฉายาพระศิวะกล่าวด้วยภาษาอังกฤษ

 

เถิงชิงซานรู้ดีว่าคำว่า "สวรรค์"คือดินแดนขั้นสูงสุดที่ชาวอินเดียโบราณใช้เรียกพลังของโยคะโบราณ ซึ่งมันมีความคล้ายคลึงกับดินแดนขั้นสูงคลองเคล็ดวิชากำลังภายใน

 

ถ้าหากเขาไม่เคยฝึกฝน "เพลงหมัดพยัคฆ์ศักดิ์สิทธิ์"ที่ช่วยให้พลังของเขาเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า บางทีในวันนี้เถิงชิงซานอาจจะถูกสังหารไปแล้วก็เป็นได้

 

ตลอดเวลาที่เกิดขึ้น เถิงชิงซานย้ำเตือนกับตัวเองว่าเขาเพิ่งเข้าสู่ระดับดินแดนขั้นสูงในช่วงสั้นๆ ดังนั้นเขาจึงยังคงไม่สามารถแสดงพลังที่แท้จริงของเขาออกมาได้

 

"จัดการให้เสร็จ อย่าเสียเวลาอีกเลย"ชายหนุ่มชุดขาวฉายาพระวิษณุ ยืนตะโกนอยู่จากด้านหลัง

 

"ได้เลยพี่ใหญ่"

 

หลังจากตอบกลับ พระศิวะก็ตะโกนเสียงดัง กล้ามเนื้อของทุกส่วนคลองเขาโป่งพอง กระดูกสันหลังพับไปมา ก่อนจะยืดตัวออกทำให้ร่างกายของเขายาวขึ้น ทุกส่วนของร่างกายไม่ว่าจะเป็นแขนขาท้องหรือคอขยายใหญ่เป็น 2 เท่า ในตอนนี้ชายฉายาพระศิวะกำลังแสดงพลังที่น่ากลัวราวกับปีศาจ

 

"ข้าจะแสดงความแข็งแกร่งทั้งหมดของข้าให้เจ้าดู เจ้าควรภูมิใจที่ได้ตายในน้ำมือข้า"หลังจากกล่าวจบพระศิวะก็เพิ่งไปหาเถิงชิงซานดุจหัวลูกศร

 

เถิงชิงซานหลบหนีทันทีเพื่อความกลัว

 

"เจ้าไม่มีวันหลบพ้น"ในเวลานี้ความเร็วของพระศิวะกำลังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจนไล่ตามเถิงชิงซานได้ทัน

 

เถิงชิงซานเร่งเสียงร้องพร้อมทั้งหันหลังกลับและปล่อยเพลงหมัดเยือกแข็ง

 

"ฮา ฮา….." พระศิวะปล่อยลูกเตะใส่มือขอเถิงชิงซานอย่างจังจนทำให้เถิงชิงซานถึงกับกระเด็นไปกระแทกต้นไม้ที่อยู่ด้านข้าง

 

"….."เลือดสดๆไหลรินออกมาจากปากของเถิงชิงซานเล็กน้อยหลังจากที่เขากระแทกและล้มลงบนพื้นดิน

 

"ฮ่าๆๆๆ…"พระศิวะแสดงท่าทางที่พึงพอใจออกมาพร้อมทั้งทะยานเข้าหาเถิงชิงซานอีกครั้ง

 

"มันถึงเวลาแล้ว"เถิงชิงซานกระซิบกับตัวเอง เลือดที่ไหลออกมานั้นคือสิ่งที่เขาสร้างขึ้นจากการกัดลิ้น ตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้ทุกอย่างมีจุดประสงค์เดียวคือการหลอกลวงสายตาของพระศิวะ พระวิษณุ ในตอนนี้เถิงชิงซานเรื่องต้องการแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งหลังจากที่เขาได้เข้าสู่ดินแดนขั้นสูง

 

ทุกอย่างสอดคล้องกัน ทั้งพระศิวะและพระวิษณุคาดการณ์ความแข็งแกร่งของเถิงชิงซาน ภูเขาจึงดูเหมือนจะไม่สงสัยใดๆ

 

"ตายซะ"พระศิวะกล่าวหมายปลิดชีวิตคู่ต่อสู้หลังจากเปล่งเสียง ขาตั้งมุมฉากกับท้องฟ้าพร้อมสับลงมาจากที่สูง มันก่อให้เกิดเสียงที่ตัดฉีกอากาศ พร้อมลงมากระแทกเถิงชิงซาน ซึ่งเถิงชิงซานเองก็รับรู้ได้ถึงแรงกดดันที่กำลังกดทับศีรษะของเขาอยู่

 

ในช่วงขณะ ร่างกายของเถิงชิงซานก็เคลื่อนไหวดุจมังกรสะเทินน้ำ ความแข็งแกร่งที่น่าประหลาดประทุขึ้น ช่วงเวลาก่อนที่เขาจะต้องปะทะกับขาของพระอิศวร มือขวาของเขาก็เริ่มรวบรวมพลัง

 

"ปังงงง"มือซ้ายของเถิงชิงซานสัมผัสกับขาขวาของพระศิวะ ซึ่งมันทำให้พลังของศัตรูสูญสลายไปครึ่งนึง ในขณะที่เถิงชิงซานเลือกที่จะพลิกตัวไปด้านขวา พร้อมทั้งใช้หมัดขวาที่รูปรวมพลังจู่โจมเข้าใส่หน้าอกของศัตรูราวกับดาวตก

 

"ฮาๆๆๆ……"พระศิวะหัวเราะอย่างดุดันและไม่ใส่ใจกับสิ่งที่เถิงชิงซานกำลังทำ เขายังคงเตะอัดทะลุการป้องกันหมายกระแทกเข้ากับเถิงชิงซาน

 

ส่วนมือขวาของเถิงชิงซานนั้นถูกใช้งานเพื่อโจมตีในช่วงเวลาสั้นๆ ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถเหวี่ยงมือขวาเพื่อไปเสริมการป้องกันที่มาจากศัตรูได้

 

"ปังงงงงง!!!!"

 

กล้ามเนื้อมือขวาของเถิงชิงซานเคลื่อนไหวยังยืดหยุ่นก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นกำปั้นยักษ์ที่ดูดซับพลังจนแข็งแกร่งพร้อมทั้งปะทะเข้ากับหน้าอกของพระศิวะ พลังกำลังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยปกติแล้วปรมาจารย์ด้านกำลังภายในมักจะใช้กำปั้นที่ทรงพลังที่สุดเมื่อเข้าใกล้กับศัตรู และหมัดที่ส่งเข้าปะทะกับหน้าอกพระศิวะได้แปรเปลี่ยนเป็นหมัดที่ถ่ายทอดพลังสู่นิ้ว 1 นิ้ว'เพลงหมัดหย่งชุน' แม้ว่าการใช้นิ้วเดียวจะดูเหมือนสิ่งลึกลับแต่แท้จริงแล้วภายใต้ความซับซ้อนกลับเป็นความง่ายดาย

 

หลักการสำคัญของทักษะนี้คือการส่งต่อพลังผ่านข้อต่อ จากจุดสู่จุดเข้าสู่งกําปั้น ดังนั้นการเจาะทะลวงจึงถือเป็นพลังแข็งแกร่งที่สุดที่ถูกถ่ายทอดออกไป

 

เถิงชิงซานใช้ทักษะนี้ออกไปโดยไม่เผยร่องรอยแม้แต่นิดเดียวผนวกกับพระศิวะประมาท จึงส่งผลอย่างชัดเจน

 

"แกร็กกกกกก"

 

กระบวนท่าถูกปลดปล่อยใส่พระศิวะโดยตรง เสียงกระดูกที่แตกออกดังขึ้นอย่างชัดเจน

 

ความแข็งแกร่งที่แท้จริงของเถิงชิงซานถูกเปิดเผยอย่างสมบูรณ์

 

เขาได้ใช้กระบวนท่าที่แข็งแกร่งนั่นก็คือเพลงหมัด 5 ธาตุ - หมัดปืนใหญ่!!!!

 

"อร๊ากกกกก!!"ร่างกายที่แข่งแกร่งดุจปีศาจของพระศิวะถูกแรงโจมตีจนเลือดกระเซ็นออกจากปาก

 

" พหาทุระ!!!"ชายชุดขาวฉายาพระวิษณุที่เคยยืนมองดูอย่างเงียบสงบอารมณ์แปรผันพร้อมทั้งตะโกนออกมาอย่างตื่นตระหนก

 

จากการคาดคะเนของเถิงชิงซาน 'พหาทุระ'อาจเป็นชื่อที่แท้จริงของพระศิวะซึ่งเป็น 1 ใน 3 มหาราชาตรีมูรติ ความสามารถของพระศิวะนั้นค่อนข้างจะเหมือนกับเถิงชิงซาน เพียงแต่พระศิวะนั้นได้เข้าสู่ดินแดนแห่งสวรรค์มาเป็นเวลากว่า 15 ปีแล้ว ส่วนเถิงชิงซานแม้จะเข้าสู่ดินแดนขั้นสูงไม่นานนักแต่เขาก็ได้ฝึกฝน เพลงหมัดพยัคฆ์ศักดิ์สิทธิ์เช่นกัน

 

ในตอนต้นเถิงชิงซานถือเป็นรองอย่างยิ่ง ถ้าหากพวกเขาร่วมมือกันร่วมมือกัน ก็ยอมจัดการคนที่อ่อนแอกว่าได้โดยง่าย

 

ในที่สุด 'พระศิวะ' ก็ได้บทเรียนที่สำคัญ บทเรียนแห่งความประมาท

 

เถิงชิงซานเองก็ถือว่าเป็นปรมาจารย์ที่เชี่ยวชาญกำลังภายใน เขาใช้ทักษะที่แข็งแกร่งที่สุดอย่างเพลงหมัดปืนใหญ่ โจมตีเข้าใส่ร่างกายที่ประมาทและคิดว่าสามารถรับการโจมตีได้ง่ายดายมันจึงส่งผลลัพธ์ได้อย่างรวดเร็ว ปากพระศิวะถมเลือดกองโตในขณะที่ชิ้นส่วนอวัยวะภายในเสียหาย

 

"พี่ใหญ่"พระศิวะล้มลงไปนอนกับพื้น เมื่อตกอยู่ในสถานการณ์อันตรายเช่นนี้เขาดิ้นรนกระวนกระวายเพื่อหนีเอาตัวรอด พระศิวะถือได้ว่าเป็นปรมาจารย์ชั้นยอดแห่งศาสตร์โยคะโบราณ ไม่ว่าจะเป็นกระดูกหรืออวัยวะต่างๆต่างได้รับการฝึกฝนมาอย่างเหลือเชื่อ ดังนั้นแม้ว่าอวัยวะของเขาจะได้รับบาดเจ็บหนัก แต่เขาก็ย่อมไม่ตายได้ง่ายๆแน่

 

"หนี?"

 

เถิงชิงซานก้มลงและใช้มือทั้งสองข้างค้ำลงกับพื้นคล้ายกับท่าทางเสือที่ดุร้าย ทันทีที่ได้ยินเสียงพื้นดินสั่นไหว เถิงชิงซานก็กระโดดขึ้นไปสูงนับ 10 เมตร และจ้องมองพระศิวะด้วยสายตาที่ดุร้ายราวกับเสือกระหายเนื้อที่กำลังมองศัตรูมาจากภูเขาและกล่าวคำสัตย์ปฏิญาณว่าจะต้องฉีดเนื้อศัตรูให้จงได้

 

" หวิ้วววววว"ชายชุดขาวนามว่าพระวิษณุมองดูพี่น้องของตัวเองได้รับบาดเจ็บก่อนจะพุ่งทะยานออกไปหาเถิงชิงซาน

 

ในขณะเดียวกัน

 

เราสมาชิกองค์กรหน่วยปฏิบัติการพิเศษก็ได้ออกจากสำนักงานใหญ่เพื่อตรงมายังเขตเมืองโบราณ ซึ่งพวกเขานั่งบนรถที่ขับด้วยความเร็วประมาณ 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ในที่สุดพวกเขาก็เดินทางมาถึงทะเลสาปจันทรา ด้วยความที่มีสัมผัสพิเศษ เถิงชิงซานและผู้นำของกลุ่มราชาตรีมูรติทั้งสองคนก็ยอมได้ยินเสียงเบรกรถและรอยเท้าคนจำนวนมากเช่นกัน

 

"ฮา ฮา ฮา ในที่สุดสมาชิกนิกายของข้าก็มาถึงสักที"เถิงชิงซานกล่าวพร้อมกับระเบิดเสียงหัวเราะออกมา

 

"ในวันนี้ พวกเจ้าทุกคนจะไม่สามารถหนีไปไหนได้อีก"

 

"นิกาย?"คำกล่าวนี้ทำให้พระวิษณุและพระศิวะถึงกับตื่นตระหนก

 

สิ่งที่ทำให้พวกเขาหวาดกลัวมากที่สุดนั่นคือเหล่านิกายที่ครอบครองเคล็ดวิชากำลังภายใน ไม่ว่าจะเป็นนิกายสิ้งอี้ นิกายบู๊ตึ๊ง นิกายปากว้าจ่าง(นิกายแปดทิศ) ทุกนิกายใหญ่เหล่านี้มีหรือที่จะไม่ต้องการตัวปรมาจารย์ หรือดำรงไว้ซึ่งความเป็นอยู่ของตัวเราปรมาจารย์เอง? การที่เขาออกมาตามล่า หมาป่า ใครจะคาดคิดว่าพวกเขาจะต้องมาเจอกับสถานการณ์ฉุกเฉินที่แม้แต่จะถอนตัวยังทำได้ยาก

 

ในก้นบึ้งของหัวใจ พวกเขาในตอนนี้ไม่สนใจหมาป่าแล้ว

 

ถึงแม้ว่าหมาป่าจะเป็นนักฆ่าระดับ S ที่พึ่งขึ้นสู่ดินแดนขั้นสูงในระยะสั้นๆ แต่ในตอนนี้ทุกอย่างมันไปไกลเกินกว่าที่เราคาดการณ์ไว้ทั้งหมด คำว่า'นิกาย' ทำให้พระวิษณุและพระศิวะเกิดความคิดที่เปลี่ยนแปลง

 

เมื่อใดที่เหล่าปรมอาจารย์เกิดความสับสนในจิตใจและอารมณ์แปรปรวน สิ่งเหล่านี้จะทำให้พลังที่สมดุลของพวกเขาลดลงถึง 20%

 

"ฟุบบบบบ"ชายฉายาพระศิวะสิ้นหวังที่จะหลบหนี แม้ว่าเขาจะรู้ว่าพี่ใหญ่พระวิษณุยืนอยู่ข้างหลัง แต่เขาก็ไม่กล้าแม้แต่จะหันมองไป จิตใจเต็มไปด้วยความลังเล อีกด้านหนึ่งก็คือเถิงชิงซาน ผู้ที่ยืนอยู่ไม่ห่างไกลจากเขานัก ชายคนนี้มีโอกาสสังหารเขาได้เสมอ

 

พระศิวะกระโดดออกจากโขดหินและวิ่งตรงออกไปฝั่งตรงข้ามถนนราวกับว่านกที่กำลังโบยบิน

 

"หยุดเดี๋ยวนี้"ชายชุดขาวนามว่าวิษณุเร่งความเร็วอย่างฉับพลัน แต่ถึงกระนั้น ความเร็วของเถิงชิงซานที่ไล่ตามออกไปก็ไปน้อยไปกว่ากันเลย

 

"ไม่ใช่ว่าก่อนหน้านี้ เจ้าต้องการที่จะสังหารข้างั้นหรือ?"ชายหัวล้านนามว่าพระศิวะกรี๊ดร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวด หลังจากโดนลูกเตะของเถิงชิงซานที่กระหน่ำอย่างรุนแรง จนเลือกทะลักออกปาก

 

จากความเชื่อก่อนหน้านี้ที่เถิงชิงซานมี เขาคิดว่าพระวิษณุจะต้องแข็งแกร่งกว่านี้มาก แต่ในความเป็นจริงแล้วเขากลับอ่อนแออย่างเหลือเชื่อ เขารวบรวมพลังโถมกระหน่ำและโจมตีศัตรูอย่างบ้าคลั่ง

 

เพลงหมัดเยือกแข็งนั้นเปรียบเหมือนลูกธนู ในช่วงขณะเถิงชิงซานได้รวบรวมพลังอีกครั้งหนึ่งและปลดปล่อยเพลงหมัดเยือกแข็งเข้าใส่หัวของพระวิษณุที่กำลังบาดเจ็บ จนทำให้หัวของมนุษย์ที่เคยมีอยู่แตกกระจายออกราวกับลูกแตงโม

 

ทุกอย่างดูเหมือนจะสายไป แม้แต่ความเร็วของชายชุดขาวฉายาพระวิษณุก็ไม่อาจหวนคืนกลับไปแก้ไขเรื่องราวที่เกิดขึ้นได้

 

"กร๊อกก…."เสียงฟันที่ขบกันของพระวิษณุที่กำลังโกรธดังขึ้นก่อนที่เขาจะปลดปล่อยเพลงหมัดที่น่ากลัวออกมา เพลงหมัดนี้เปรียบเสมือนจุดเริ่มต้นของโลก ที่ดึงพลังอันไร้สิ้นสุดถาโถมเข้าใส่เถิงชิงซาน

 

"............."แผ่นหลังเถิงชิงซานปรากฏเป็นพลังงานประหลาดที่พุ่งพ่านออกมา ในขณะที่ตัวเขานั้นยังไม่ได้สัมผัสกำปั้นของศัตรูแม้แต่น้อย

 

แขนขาของชายนามว่าพระวิษณุแปลเปลี่ยนเป็นกรงเล็บสิงโต ในขณะที่ร่างกายของเขาเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วไปอยู่ด้านหลังของเถิงชิงซาน กรงเล็บอันน่ากลัวฉีกกระชากแผ่นหลังในขณะที่เถิงชิงซานลงมือสังหารพระศิวะ

 

แผ่นหลังขนาดใหญ่ขอเถิงชิงซานได้รับบาดเจ็บสาหัส มันเป็นความเจ็บปวดที่ยากเกินกว่าจะจะจินตนาการได้

 

"เลือดย่อมต้องแลกมาด้วยเลือด"

 

ในชั่วพริบตากล้ามเนื้อแผ่นหลังของเถิงชิงซานก็เคลื่อนที่อย่างรวดเร็ว การขยับของกล้ามเนื้อทำให้เลือดที่ไหลออกมานั้นหยุดกระทันหัน เถิงชิงซานกำลังโคจรพลังเพื่อควบคุมแผลชั่วคราว

 

"ไม่ดีแน่ กล้ามเนื้อแผ่นหลังองค์ข้าได้รับบาดเจ็บ ในเมื่อมันส่งผลต่อไหล่ดูเหมือนว่าพลังบนมือทั้งสองข้างของข้าจะลดลงไป 20%"เถิงชิงซานไม่ได้ใส่ใจกับความเจ็บปวด แต่การสูญเสียความแข็งแกร่งคือสิ่งที่เขาอาลัยอาวรณ์ เพราะความแข็งแกร่งจากฝ่ามือนั้นมีความสัมพันธ์โดยตรงกับกล้ามเนื้อแผ่นหลัง

 

หากเป็นแผ่นหลังของคนทั่วไป การที่เนื้อถูกตัดออกไปนั้นคนธรรมดาย่อมไม่สามารถยกแขนขึ้นได้แม้แต่น้อยแล้วหรืออาจจะทนความเจ็บปวดไม่ได้ด้วยซ้ำไป

 

"อย่างไรซะมันก็คุ้มค่าที่จะแลกเปลี่ยน ข้ายอมบาดเจ็บแผลเล็กน้อยเพื่อแลกกับการได้สังหารพระศิวะ ถ้าหากเขาไม่ตาย ข้าก็ย่อมต้องกังวลตลอดเวลาที่ต้องต่อสู้กับพระวิษณุ"เถิงชิงซานมองดูซากศพของพระศิวะปรมาจารย์แห่งโยคะโบราณ แท้จริงแล้วถ้าหากปล่อยให้พระศิวะรอดต่อไป เขาคงใช้เวลาอีกเล็กน้อยเพื่อฟื้นตัวอาการบาดเจ็บอย่างน้อยก็สามารถฟื้นฟูพลังได้อีก 70% เมื่อถึงเวลานั้นรับประกันได้เลยว่าเถิงชิงซานจะต้องไม่รอดอย่างแน่นอน ดังนั้นเขาจึงไม่สนใจสิ่งใดนอกจากการสังหารพระศิวะลงในทันที

 

ชายในชุดขาว พระวิษณุ สูดลมหายใจเข้าอย่างรุนแรง ก่อนที่ร่างกายของเขาจะเริ่มพองโตอย่างฉับพลัน

 

รีวิวผู้อ่าน