px

เรื่อง : อัจฉริยะข้ามยุทธภพออนไลน์ (Cultivation Online)
ตอนที่ 9 กบหยก


<ยินดีด้วย!> ผู้เล่น จักรพรรดิสายฟ้า, ผู้เล่นดอกบัวขาว และผู้เล่นราชินีเพลิงได้กลายเป็นผู้เล่นกลุ่มแรกที่เคลียร์ สุสานกระดูกได้!>

 

การประกาศอย่างกะทันหันทำให้ผู้เล่นหลายๆคนตกใจ แต่ไม่ใช่เป็นเพราะพวกเขาเป็นคนกลุ่มแรกที่เคลียร์ดันเจี้ยนนี้ได้ แต่เป็นเพราะทั้งสามตระกูลที่อยู่ในอันดับมรดก ได้รวมกลุ่มอยู่ด้วยกัน หรือก็คือพวกเขาร่วมมือกันเพื่อเคลียร์ดันเจี้ยน ซึ่งปกติแล้วจะไม่มีตระกูลไหนร่วมมือกับตระกูลอื่นมาก่อน

 

“สามในสิบอันดับแรกของอันดับมรดก กำลังร่วมมือกันในการเคลียร์ดันเจี้ยนงั้นหรอ!?”

 

“บางทีพวกเขาอาจจะเป็นพันธมิตรกันเพื่อโค่นหยวนก็ได้นะ”

 

“อาจจะเป็นไปได้...”

 

ผู้เล่นหลายคนกำลังพูดเกี่ยวกับประกาศครั้งใหม่ภายในเกม ผู้เล่นที่ติดอันดับมรดกถึงกับร่วมมือกัน ปกติเรื่องนี้แทบจะเป็นไปไม่ได้ เพราะพวกเขาต้องต่อสู้และแย่งชิงทรัพยากรต่างๆกันเป็นอย่างมากกว่าจะได้อันดับมรดกนี้มาครอง

 

มีผู้เล่นเพียง 100 คนเท่านั้นที่จะอยู่ในอันดับมรดก การเป็น 1 ใน 100 ของอันดับมรกดนี้ ทำให้ได้กำไรมากมาย และแทบจะไม่มีผลเสียอะไรเลย ทำให้ได้ทั้งความมั่งคั่ง ชื่อเสียง และอำนาจ  ใครๆก็สามารถได้รับทุกสิ่งเพียงแค่อยู่ในการจัดอันดับมรดก นอกจากนี้พวกเขายังรวมตัวกันและหาผู้เล่นคนอื่นๆมาเพื่อช่วยในการไต่อันดับมรดกของพวกเขา ซึ่งคล้ายๆกับกิลด์หรือกลุ่มภายในเกมอื่นๆ

 

ผู้เล่นนับไม่ถ้วนต่อสู้กันในทัวร์นาเมนต์ทั่วโลก เพื่อให้ได้มาซึ่งอันดับมรดก นอกจากนี้จะมีเพียงเกมเกมเดียวเท่านั้นที่เลือกให้เป็นจุดสนใจในทุกๆ ทศวรรษ  การจัดอันดับจึงจะเปลี่ยนแปลงทุกๆ ทศวรรษ และเกม Cultivation Online นี้ถูกเลือกให้เป็นจุดสนใจหลักในทศวรรษนี้ และเป็น VRMMORPG ที่ร้อนแรงที่สุดในโลกจนถึงปัจจุบัน

 

หลังจากนั้นก็มีการประกาศอีกอันหนึ่งปรากฏขึ้นบนท้องฟ้าของทุกๆคน

 

<ยินดีด้วย! ผู้เล่นเสี่ยวลู่ได้รับอุปกรณ์ระดับวิญญาณ ชิ้นแรกของโลก!>

 

“ในที่สุดเขาก็ปรากฎตัวแล้วสินะ”

 

จักรพรรดิสายฟ้ามองชื่อในประกาศ

 

เสี่ยวลู่ จากสวรรค์ของพระเจ้า ยืนอยู่บนจุดสูงสุงของการจัดอันดับมรดก ในฐานะผู้เล่นอันดับหนึ่งในโลกนี้ เขาเป็นบุคคลสำคัญแม้แต่ในโลกของความเป็นจริง โดยเป็นเจ้าของบริษัทเกมที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่ง

 

“แม้แต่ผู้เล่นระดับเขาที่ไม่เคยมีใครเทียบได้ ยังได้รับอุปกรณ์ระดับต่ำสุดในเกมนี้หลังจากผ่านไปหลายชั่วโมง...แต่นี่หยวน...”

 

ราชินีเพลิงถอนหายใจเสียงดัง

 

“เสี่ยวฮัว อุปกรณ์มีระดับอะไรบ้างหรอ?”

 

หยวนถามหลังจากเห็นประกาศ

 

“ก็มีระดับวิญญาณ, ระดับโลก, ระดับสวรรค์ แล้วก็ระดับเทพ แต่ละระดับแบ่งออกเป็นอีกสี่ระดับตามคุณภาพของมัน คือ ระดับต่ำ ระดับปานกลาง ระดับสูง และระดับสูงสุด มีระดับอื่นๆ ที่สูงกว่าเทพด้วยแต่ไม่ต้องกังวลไปพี่หยวน พวกเราจะพบได้ในดินแดนที่สูงขึ้นไป”

 

“ดินแดน...ที่เธอเคยพูดถึงก่อนหน้านี้ มันหมายความว่ายังไงที่จะพาพี่ไปที่ดินแดนต่อไปหน่ะ”

 

“อ๋อ ก็ตอนนี้พี่หยวนอยู่ดินแดนที่ต่ำที่สุด เรียกว่าสวรรค์ชั้นล่าง งานของเสี่ยวฮัวก็คือช่วยให้พี่หยวนขึ้นไปถึงดินแดนสูงสุด หรือก็คือสวรรค์ชั้นสูงสุดค่ะ”

 

“งานของเธอหรอ?”

 

หยวนถามเสี่ยวฮัว ใครให้งานนี้กับเธอกันนะ?

 

“เสี่ยวฮัวได้รับมรดกสวรรค์สูงสุด ก็เลยเป็นงานที่เสี่ยวฮัวต้องหาผู้สืบทอด”

 

“มันเป็นเกมที่ลึกล้ำมากๆ”

 

หยวนมองไปบนท้องฟ้า

 

“แล้วพวกเราจะไปดินแดนต่อไปยังไงกันล่ะ”

 

“ตอนนี้พี่หยวนอ่อนแอเกินไป ต้องแข็งแกร่งมากกว่านี้ก่อน ถึงจะไปได้”

 

“อ๋อ เกมดำเนินเนื้อเรื่องแบบนี้สินะ”

 

หยวนเริ่มเข้าใจเป้าหมายของเกมมากขึ้น

 

“มีรางวัลสำหรับการที่เราไปถึงที่นั่นมั้ย สวรรค์ชั้นสูงสุดหน่ะ”

 

หยวนถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น

 

“ทุกอย่าง”

 

เสี่ยวฮัวตอบ

 

“ผู้ชนะจะได้ทุกๆอย่างในโลกใบนี้ พูดง่ายๆก็คือถ้าใครเป็นผู้ชนะพวกเขาจะกลายเป็นพระเจ้าของโลกใบนี้ค่ะ”

 

“เอ๋?”

 

หยวนไม่ได้คาดหวังสิ่งตอบแทนที่มากมายขนาดนี้

 

“อนุญาตให้ผู้เล่นเป็นเพราะเจ้างั้นหรอ ผู้ดูแลระบบจะให้อำนาจแก่ผู้ที่ไปถึงจุดสูงสุดงั้นหรอเนี่ย”

 

‘แต่ฉันไม่ได้หวังจะใช้พลังเพื่อเหตุผลพวกนั้น เพราะฉะนั้น ฉันจะมีความสุขกับชีวิตของฉันอย่างเต็มที่ และให้คนอื่นต่อสู้เพื่อรางวัลนั้นไป’

 

หยวนคิดกับตัวเอง เขาพอใจที่เขาสามารถใช้สายตา แขน และขาของเขา ตามความต้องการที่เขาอยากจะใช้มันมาตลอดก็เท่านั้น

 

หลังจากเดินไปสักพักหยวนก็รู้สึกว่าพวกเขากำลังเดินไปอย่างไร้จุดหมายปลายทาง

 

“เสี่ยวฮัวพวกเราจะไปไหนกันดี แล้วพวกเราต้องทำอะไรต่อไปหรอ?”

 

หยวนถามเธอ

 

เสี่ยวฮัวมองเขาด้วยสีหน้าเรียบเฉย และพูดว่า

 

“ช่วยทำให้พี่หยวนแข็งแกร่งขึ้นนะสิ”

 

“แล้วจะทำยังไงล่ะ”

 

แม้หยวนจะไม่ต้องการความแข็งแกร่ง แต่ก็ไม่ใช่สิ่งที่เขาจะปฏิเสธเช่นกัน

 

“นั่นไง”

 

เสี่ยวฮัวชี้ไปที่ทุ่งโล่งกว้าง กลางทุ่งมีตัวอะไรสักอย่างที่สูงอย่างน้อย 5 เมตร

 

“นั่น...คือกบ...หรอ?”

 

หยวนกระพริบตาถี่ๆ เมื่อเห็นกบตัวใหญ่ที่มีสีผิวเหมือนหยกนั่งอยู่ มันกำลังนั่งหลับอยู่ตรงกลางทุ่งนั้น

 

“นั่นกบหยก มันมีพลังเท่ากับผู้ฝึกวิญญาณระดับเก้า”

 

“ผู้ฝึกวิญญาณระดับเก้าเลยงั้นหรอ พี่เป็นผู้ฝึกวิญญานระดับเจ็ดเองนะ นี่มันไม่เท่ากับว่าพี่เข้าไปฆ่าตัวตายหรอไง”

 

หยวนแทบร้องไห้เมื่อได้ยินเสี่ยวฮัวพูดแบบนั้น

 

“แม้ว่ากบหยกจะมีฐานพลังสูงกว่าพี่ถึง 2 ระดับ แต่มันก็ไม่สำคัญ เพราะพี่หยวนได้ฝึกเทคนิคสวรรค์มาแล้ว ทำให้พี่แข็งแกร่งกว่าผู้ฝึกในระดับเดียวกัน”

 

“จริงหรือ”

 

หยวนถาม

 

“อื้ม”

 

เสี่ยวฮัวตอบ

 

“แต่พี่ก็ไม่รู้ว่าจะสู้ยังไง พี่ไม่รู้วิธีการต่อสู้ อ่า...มันเห็นพวกเราแล้ววววว”

 

หยวนชี้ไปทางกบหยกที่หันหน้ามามองทางนี้ พร้อมจิตสังหารที่มันปล่อยออกมาจากการมองของมัน

 

ทันใดนั้นกบหยกก็กระโดดและปรากฏตัวขึ้นบนท้องฟ้าหลายสิบเมตร ราวกับว่ามันสามารถจับก้อนเมฆได้เลยทีเดียว

 

“ระวัง!”

 

หยวนจับเอวเสี่ยวฮัวด้วยสัญชาตญาณ และกระโดดถอยหลังเพื่อหลบในวินาทีต่อมา กบหยกลงมาถึงจุดที่เขายืนอยู่เมื่อสักครู่ ทำให้เกิดรอยหลุมขึ้นที่พื้น

 

“เกือบไปแล้วไหมล่ะ”

 

หยวนปาดเหงื่อ เมื่อเห็นรอยหลุมบนพื้น

 

“พี่หยวนเก่งนะเนี่ย”

 

เสี่ยวฮัวยกนิ้วให้ แล้วเดินไปด้านข้าง

 

กบหยกไม่สนใจเสี่ยวฮัวเลย มันจ้องมาที่หยวนเพียงคนเดียว

 

“แล้วพี่จะสู้กับกบหยกตัวนี้ได้ยังไง พี่ไม่มีอาวุธเลยนะ?”

 

หยวนตะโกนออกมาเสียงดัง

 

“งั้นพี่หยวนใช้สิ่งนี้ก็ได้”

 

เสี่ยวฮัวดึงดาบเหล็กออกมาจากเสื้อคลุมของเธอ

 

เมื่อเธอดึงดาบออกมา ก็ทำให้กบหยกกระโดดเข้าหาเธอแทน เนื่องจากเสี่ยวฮัวมีอาวุธทำให้เป็นกบหยกคิดว่าเธอเป็นภัยคุกคามมากกว่าหยวนที่มีแค่มือเปล่า มันจึงไม่สนใจหยวนและไปสนใจเธอแทน

 

“เสี่ยวฮัวระวังงง!!”

 

หยวนตะโกนเตือนเธอ แต่เสี่ยวฮัวมองดูกบที่กระโดดเข้ามาหาเธอด้วยสีหน้าเฉยๆ

 

ตู้ม! พื้นสั่นเล็กน้อยเมื่อกบหยกกระโดดใส่ร่างเล็กๆของเสี่ยวฮัว

 

ดวงตาของหยวนเบิกกว้างด้วยความตกใจ เพราะเขาคิดว่าเสี่ยวฮัวนั้นแหลกละเอียดไปแล้ว แต่ทันใดนั้นก็มีหมอกสีม่วงซึมออกจากเท้าของกบหยก หยวนกลับมามีสติอีกครั้ง หมอกสีม่วงค่อยๆรวมตัวกันข้างๆหยวนและกลายเป็นร่างของเด็กหญิงตัวเล็กๆ

 

“เสี่ยวฮัว!!”

 

หยวนรู้สึกงงกับสิ่งที่เขาเห็น ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?

 

“เป็นอะไรไปหรอพี่หยวน”

 

เธอถามด้วยน้ำเสียงปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

 

“เมื่อกี้เกิดอะไรขึ้น?”

 

“หมายถึงร่างหมอกสีม่วงของเสี่ยวฮัวหรอ?”

 

“นั่นก็ด้วย แต่พี่หมายถึงที่เธอยืนอยู่ตรงนั้นเพื่อรับการโจมตีของเจ้ากบนั่น เธอเกือบทำให้พี่หัวใจวายแล้วรู้ไหม!”

 

“ก็พี่หยวนบอกกว่าห้ามใช้พลังจนกว่าพี่หยวนจะอนุญาตนี่หน่า”

 

หยวนมองเธอด้วยความตกตะลึงอีกครั้ง พร้อมกับความงงงวยที่เสี่ยวฮัวใช้คำพูดของเขากับเหตุการณ์เมื่อกี้

 

“เธอนี่งี่เง่าจริงๆ”

 

หยวนตะโกนใส่เธอ

 

เสี่ยวฮัวตกใจว่าทำไมหยวนถึงว่าเธอ

 

“ถึงแม้ว่าพี่จะไม่ให้เธอใช้พลัง ก็ไม่ได้แปลว่าให้เธออยู่เฉยๆไม่หลบการโจมตีนี่!”

 

หยวนไม่พอใจกับเหตุการณ์เมื่อกี้มาก เขาเป็นห่วงเธอจริงๆ แต่ก็เพราะเขาบอกให้เธอไม่ใช้พลัง โดยที่ไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้เอง เขาจึงไม่ได้ว่าอะไรเสี่ยวฮัวอีก

 

เสี่ยวฮัวเป็นเพียง NPC ที่ถูกตั้งโปรแกรมให้แสดงและทำบางอย่าง ดังนั้นหากหยวนบอกให้นั่งเธอก็จะนั่ง แต่หยวนไม่ได้นึกถึงว่าเธอเป็น NPC และคิดว่าเป็นมนุษย์จริงๆ เขาจึงบอกให้เธอใช้พลังแค่ตอนที่เขาอนุญาต

 

“ขอโทษ...”

 

เสี่ยวฮัวขอโทษ

 

“เห้อออ...พี่สิควรขอโทษ ที่บอกให้เสี่ยวฮัวทำแบบนั้นโดยที่ไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้ให้ดีก่อน พี่ขอโทษนะ”

 

“???”

 

“ตอนที่บอกว่าห้ามใช้พลัง พี่ไม่ได้ตั้งใจจะปิดผนึกพลังของเธอ หากเธอรู้สึกอยู่ในอันตราย และจำเป็นต้องใช้พลังก็สามารถใช้มันได้ โอเคนะ”

 

“แล้วที่ต้องขออนุญาตพี่หยวนก่อนละ”

 

“ที่พี่พูดหมายถึงว่าจะให้เสี่ยวฮัวใช้พลังได้ตามวิจารณญาณของเธอ ไม่จำเป็นต้องทุบไข่ด้วยก้อนหินนี่ เธอต้องคิด และตัดสินใจให้ดีก่อนจะใช้พลังนะ”

 

“อ๋อ เสี่ยวฮัวเข้าใจแล้วค่ะพี่หยวน”

 

เสี่ยวฮัวตอบด้วยใบหน้ายิ้มๆ

 

“ดีมาก งั้นเอาดาบมาให้พี่เถอะ พี่ต้องจัดการกับเจ้ากบตัวนี้”

 

วินาทีที่คว้าดาบเหล็ก ข้อมูลของดาบก็ปรากฏขึ้นในหัวของเขา

 

<ดาบวิญญาณ>

<ระดับ: วิญญาณ>

<คุณภาพ: สูงสุด>

<ความแข็งแกร่งทางกายภาพที่ต้องการ: 900 หน่วย>

<ความแข็งแกร่งทางจิตใจที่ต้องการ: 1,500 หน่วย>

<ความคม: 1,000>

<คำอธิบาย: สามารถตัดโลหะได้เหมือนเนย>

 

“ดาบดีเลยนี่”

 

หยวนชอบดาบนี้ทันทีหลังจากเหวี่ยงในอากาศสองสามครั้ง

 

รีวิวผู้อ่าน