px

เรื่อง : อัจฉริยะข้ามยุทธภพออนไลน์ (Cultivation Online)
ตอนที่ 15 ศิลาหิน


“ตึกตรงนั้นคือโรงอาหารสำหรับศิษย์ชั้นนอกอย่างพวกฉัน ส่วนศิษย์ชั้นในกินที่ตึกอีกตึกนึง”

 

โม่โจวอธิบายขณะที่นำทางหยวนไปรอบๆ นิกาย

 

“อืม อืม”

 

หยวนพยักหน้าด้วยความตื่นเต้น

 

“นายเห็นพื้นที่ว่างตรงนั้นไหม นั่นคือที่ที่เหล่าศิษย์ไปฟังการบรรยายจากผู้อาวุโส อาทิตย์ละครั้ง”

 

“ตึกสูงนั่นคือที่ที่เอาไว้ฝึกฝนเพื่อลับฝีมือดาบให้เก่งขึ้น”

 

โม่โจวกล่าวขณะที่ชี้ไปที่หอคอยที่อยู่ในระยะไกล

 

“อาคารนั่นรูปทรงไม่เหมือนใครเลย”

 

หยวนชื่นชมหอคอยอันสง่างามอย่างเงียบๆ

 

“นายคิดว่าฉันสามารถเข้าไปข้างในเพื่อดูใกล้ๆ ได้มั้ย?”

 

หยวนถามโม่โจวเพราะต้องการเข้าไปดูใกล้ๆหอคอยนั้น ซึ่งโม่โจวก็ส่ายหัวอย่างรวดเร็วด้วยท่าทางขอโทษ

 

“ฉันขอโทษด้วย แต่หอยคอยนี้ไม่อนุญาตให้ผู้เยี่ยมชมเข้าไปด้านในได้”

 

“ช่างเป็นสถานที่ที่ดีจริงๆ แต่จะดึงดูดสายตาศิษย์ใหม่ได้ยังไง ถ้าปิดกั้นทุกสิ่งทุกอย่างแบบนี้”

 

หยวนส่ายหัว

 

“เอ่อ..”

 

โม่โจวไม่รู้จะตอบยังไง เขาทำได้แค่ยิ้มอย่างช้าๆ เพราะปกติแล้วไม่มีใครได้เยี่ยมชมก่อนที่จะตัดสินใจว่าจะเข้าร่วมหรือไม่

 

“ช่างมันเถอะ”

 

หยวนพูดขึ้น

 

“ไปต่อกันเถอะ”

 

โม่โจวถอนหายใจอย่างโล่งอก

 

“เอาล่ะ ฉันจะแสดงให้นายเห็นว่าศิษย์ของนิกายดาบบินคนไหน ที่สำคัญที่สุด”

 

“อ๋า?”

 

เมื่อได้ยินคำพูดของโม่โจว หยวนก็เริ่มสงสัยทันที

 

หลังจากเดินไปได้ไม่กี่นาทีพวกเขาก็หยุดอยู่ตรงหน้าศิลาหินสูงทั้งสามแผ่น ซึ่งตั้งอยู่ข้างๆกัน

 

ศิลาหินทั้งสามนี้เป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า และมีชื่อหลายสิบชื่อสลักอยู่ คล้ายอนุสรณ์คนตาย แต่ ศิลาหินอันกลางกลับมีชื่ออยู่เพียงไม่กี่ชื่อเท่านั้น และมีขนาดใหญ่กว่าอันอื่นมาก

 

“นี่หินอะไรหรอ หินที่ระลึกสำหรับคนตายงั้นหรอ?”

 

หยวนถามโม่โจวด้วยความสงสัย

 

“หือ”

 

โม่โจวมองหยวนด้วยท่าทางหวาดกลัวจากคำพูดของเขา จากนั้นก็มองไปรอบๆ ว่ามีใครได้ยินคำพูดของหยวนหรือไม่ เมื่อไม่เห็นใครโม่โจวก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก

 

“หยวน แม้ว่าฉันจะรู้ว่านายไม่รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับนิกายเลย แต่สิ่งที่นายพูดไปนั้นมันทำให้ฉันไม่พอใจมากเลยนะ รวมถึงศิษย์ทุกคนในนิกายนี้ด้วย”

 

“ทำไมหรอ?”

 

หยวนมองด้วยสีหน้างุนงง

 

“นี่ไม่ใช่หินที่ไว้ใช้ระลึกถึงคนตาย แต่เป็นการจัดอันดับภายในนิกายต่างหากละ ทุกชื่อในศิลาหินทั้งสามนี้แสดงถึงความอัจฉริยะภายในนิกาย พวกเขาทั้งหมดได้รับความเคารพจากศิษย์ทั้งหลายพันคนในนิกายแห่งนี้ หากผู้อื่นนอกจากฉันมาได้ยินคำพูดของนายละก็ พวกเขาก็พร้อมที่จะกระโดดใส่นายพร้อมกับยกดาบขึ้นมาฟันนายในทันที เพราะนั่นเป็นเหมือนกับการดูหมิ่นบุคคลที่หลั่งเหงื่อและเลือดเพียงเพื่อให้ได้อยู่ในอันดับพวกนั้น!”

 

“ฉันไม่รู้จริงๆ ต้องขอโทษด้วยกับคำพูดที่หยาบคายเช่นนั้น ขอโทษนะโม่โจว”

 

หยวนกล่าวด้วยน้ำเสียงขอโทษ

 

เมื่อเห็นคำขอโทษอย่างจริงใจของหยวน โม่โจวก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้มที่เห็นด้วย

 

“ไม่เป็นไร ฉันรู้ว่านายไม่ได้ตั้งใจจริงๆหรอก”

 

จากนั้นโม่โจวก็หันไปหาศิลาหินทั้งสามแผ่นอีกครั้ง และกล่าววว่า

 

“ศิลาหินทุกแผ่นยกเว้นแผ่นกลาง มีสี่สิบห้าชื่อ โดยที่แผ่นกลางมีเพียงสิบชื่อ รวมกันทั้งสามแผ่นเป็นหนึ่งร้อยชื่อ”

 

“ชื่อร้อยชื่อเหล่านี้เป็นชื่อศิษย์ที่แข็งแกร่งที่สุดในนิกายดาบบิน ไม่รวมถึงผู้อาวุโสของนิกาย และผู้นำนิกาย และทุกๆ หนึ่งในนั้นจะได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากนิกาย ทำให้พวกเขาเพลิดเพลินไปกับทรัพยากรที่มีให้โดยไม่จำกัด และทุกคนที่อยู่ในศิลาหินแผ่นกลางจะได้รับฉายาว่าเป็นศิษย์หลัก”

 

ดวงตาของโม่โจวเป็นประกายด้วยความชื่นชมขณะที่มองศิลาหินทั้งสาม โดยเฉพาะเมื่อเขามองไปที่หินแผ่นตรงกลางเหมือนกับว่าเขากำลังโดนสะกดจิตอย่างนั้นแหละ

 

“ศิษย์ทุกคนในนิกายนี้ รวมทั้งฉันด้วย ต่างก็ปรารถนาที่จะมีชื่อของตนเองสลักไว้บนแผ่นศิลาหินเช่นกัน”

 

ทันใดนั้นเมื่อโม่โจวพูดจบ ชื่อบนแผ่นศิลาหินทั้งสามก็หายไป และไม่กี่วินาทีต่อมาก็มีชื่ออื่นขึ้นมาที่จุดเดียวกันแทน

 

เมื่อโม่โจวเห็นดวงตาของเขาก็กระพริบด้วยความตื่นเต้น

 

“ดูสิมีคนมาแทนที่ชื่อคนที่ 100!”

 

“เอ๊ะ ชื่อบนแผ่นศิลาหินมันเปลี่ยนได้ยังไงหรอ?”

 

หยวนอยากรู้เกี่ยวกับปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้น

 

หลังจากจ้องมองไปที่แผ่นศิลาหินอยู่ครู่หนึ่ง ก็เห็นชื่อ ‘เหรินฟู่เฉิน’ เขาชี้ไปที่แผ่นศิลาแผ่นแรก และถามโม่โจวด้วยน้ำเสียงสงสัย

 

“เฮ้ เหรินฟู่เฉิน เขาคือคนที่นายไปทำให้ไม่พอใจรึเปล่า?”

 

เมื่อหยวนพูดถึงเหรินฟู่เฉิน ผิวหน้าของโม่โจวก็ซีดลงอย่างเห็นได้ชัด

 

จากนั้นเขาก็พยักหน้าด้วยท่าทางไม่พอใจ ทำให้หยวนอย่างรู้อยากเห็นเป็นอย่างมาก

 

“ชื่อของเขาอยู่ในอันดับที่ 14 เขาเป็นศิษย์ที่แข็งแกร่งที่สุดอันดับที่ 14 ในนิกายนี้ใช่ไหม?”

 

โม่โจวพยักหน้าอีกครั้ง คราวนี้ช้าลงกว่าเดิม

 

“แล้วผู้หญิงที่นายชอบละ เธออยู่ในอันดับด้วยไหม?”

 

เมื่อได้ยินคำถาม โม่โจวก็ชี้ไปที่นามสกุลที่สลักอยู่บนแผ่นศิลาตรงกลางอย่างเงียบๆ

 

“ซิงอวี่หนิง อันดับที่ 10”

 

จากนั้นหยวนก็หันไปมองโม่โจวด้วยสายตาประหลาดใจ

 

“นายชอบคนที่มีชื่อใน 10 อันดับแรกเลยงั้นหรอ นายนี่กล้าหาญจังเลยนะ นายมีความทะเยอทะยานแค่ไหนกันเนี่ย!”

 

“…”

 

โม่โจวทำได้เพียงยิ้มอย่างขมขื่นกับคำพูดของหยวนที่เต็มไปด้วยความชื่นชมและยกย่อง

 

“ยังไงก็ตาม อันดับพวกนี้ก็เป็นสิ่งที่น่าสนใจน้อยที่สุดสำหรับแขกอย่างนายละนะ”

 

โม่โจวกล่าว

 

“ตอนนี้ฉันต้องเอาแกนมอนสเตอร์กิ้งก่าเพลิงอันนี้ไปมอบให้กับรุ่นพี่เหริน”

 

โม่โจวถอนหายใจด้วยท่าทางหดหู่

 

“นายต้องให้เขาจริงๆหรอ นายไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย ไม่มีเหตุผลที่จะทำตามคำพูดไร้สาระของเขาเลยนะ”

 

หยวนกล่าวออกมาตามความจริงที่เขาคิด

 

โม่โจวส่ายหัวและกล่าวว่า

 

“นายไม่เข้าใจหรอกหยวน นี่คือโลกที่ผู้แข็งแกร่งตั้งกฎ และผู้อ่อนแอก็ต้องทำตาม แม้กฎจะไม่มีเหตุผล และเต็มไปด้วยเรื่องไร้สาระก็ตาม”

 

“ฉันกำลังจะบอกนายว่า มีแต่คนงี่เง่าเท่านั้นที่ทำตามกฎพวกนั้น”

 

หยวนยักไหล่

 

“งะ...งะ...งี่เง่าหรอ?”

 

โม่โจวมองไปที่หยวน เพราะสิ่งที่หยวนพูดขึ้นมาเขากำลังหมายถึงทุกคนในโลกนี้ เขากำลังว่าทุกคนเป็นคนงี่เง่ายังงั้นหรอ

 

“ฉันมากับนาย ก็เพื่อจะพบกับเหรินคนนี้นี่แหละ?”

 

จู่ๆหยวนก็พูดขึ้น นั่นทำให้โม่โจวตกตะลึงเป็นอย่างมาก

 

“ไม่เป็นไรหรอก”

 

โม่โจวพูดด้วยรอยยิ้มที่ขมขื่น

 

“นี่เป็นปัญหาของฉัน ฉันไม่สามารถลากนายเข้ามาเกี่ยวข้องได้”

 

หยวนเงียบและมองด้วยสีหน้าเรียบเฉย

 

“อย่างนั้นหรอ”

 

ทันใดนั้น เสียงดังก้องมาแต่ไกล

 

“เฮ้ นั้นไม่ใช่เจ้าหนูที่พยายามจะจีบซิงหรอ”

 

ทั้งหยวนและโม่โจวหันไปตามเสียงที่พูดมาจากด้านหลังของพวกเขา ใบหน้าของโม่โจวซีดลงทันที่ที่เห็นพวกเขาทั้งสองคนในระยะไกลๆ

 

“พี่เหริน พี่เจิ้น”

 

เมื่อหยวนเห็นว่าขาของโม่โจวสั่นก็รู้ว่าเขากลัวสองคนนี้แค่ไหน

 

“โม่โจวแกเลวมากนัก แกกล้าดียังไงให้ฉันเดินตามหาแกตั้งนาน”

 

ชายหนุ่มทางด้านขวาเดินเข้ามาหาโม่โจวด้วยสีหน้าโกรธ มือของเขากำหมัดแน่น

 

“แกไปซ่อนตัวอยู่ที่ไหนมา ฉันไม่ได้บอกแกหรอว่าวันนี้เป็นวันสุดท้ายที่แกจะต้องนำแกนมอนสเตอร์กิ้งก่าเพลิงมาให้กับฉัน”

 

“ฉันได้มันมาแล้ว แกนมอนสเตอร์กิ้งก่าเพลิงอยู่กับฉันแล้วตอนนี้”

 

โม่โจวดึงคริสตัลสีแดงขนาดเล็กออกมาจากกระเป๋าเสื้อคลุมของเขา ให้เหรินฟู่เฉินดู

 

‘ไอ้เจ้าเด็กน้อยนี่มันหาแกนกิ้งก่าเพลิงมาได้จริงๆ!’

 

ดวงตาของเหรินฟู่เฉินเบิกกว้างเมื่อเห็นคริสตัลในมือของโม่โจว เขาไม่คิดว่าคนอ่อนแออย่างโม่โจวจะมีความสามารถในการสังหารมอนสเตอร์ที่ร้ายกาจและทรงพลังอย่างกิ้งก่าเพลิงได้ แต่เขามีแกนของมอนสเตอร์นั่นอยู่

 

“แกเอามาแกนของกิ่งก่าเพลิงมาได้ยังไง อย่าบอกนะว่าแกซื้อมันมา?”

 

“ไม่สำคัญว่าฉันจะได้มันมายังไง ฉันได้ทำสิ่งที่ศิษย์พี่บอกแล้ว ดังนั้นตั้งแต่นี้ไป ปล่อยฉันไปเถอะ!”

 

“ฮ่าๆๆๆ!”

 

เมื่อได้ยินคำพูดของโม่โจว เหรินฟู่เฉินก็หัวเราะออกมา

 

“แกนี่มันช่างงี่เง่าจริงๆ! แกคิดว่าฉันจะปล่อยแกไปจริงๆหรอ แค่เพียงเพราะแกนำแกนมอนสเตอร์กิ้งก่าเพลิงมาให้งั้นเนี่ยนะ นั่นเป็นเพียงข้ออ้างที่ฉันจะเอาชนะแกก็เท่านั้นแหละ”

 

“อะไรกัน!?”

 

ในตอนนี้หัวใจของโม่โจวก็เต็มไปด้วยความขมขื่น

 

“ศิษย์พี่สัญญาว่าจะลืมเรื่องที่ฉันไปบอกชอบซิงให้ หากฉันหาแกนมอนสเตอร์กิ้งก่าเพลิงมาให้ได้กับศิษย์พี่ได้นี่!”

 

“แน่นอน ฉันจะให้เกียรติคำพูดของฉัน และลืมการกระทำที่น่าอับอายของแกไป แต่ยังไงก็ตามหลังจากที่แกมอบแกนของกิ้งก่าเพลงให้ฉันแล้ว เราก็จะไม่เกี่ยวข้องกันอีกต่อไป แค่แกยอมแพ้ในการชอบซิงให้กับฉันก็พอแล้ว”

 

โม่โจวตัวสั่นอย่างควบคุมไม่ได้ เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้น ความรักของเขาที่มีต่อซิงมันสมควรที่จะโดนเหยียบย่ำงั้นหรอ? ความยุติธรรมอยู่ที่ไหนกัน? แต่เขาอ่อนแอนเกินไปและเหรินฟู่เฉินก็เป็นผู้ถูกเลือก สถานะของพวกเขาห่างกันเกินไป

 

“พูดอะไรของนาย!”

 

หยวนพูดเสียงดังทำให้ร่างกายของโม่โจวหยุดสั่นอย่างแปลกประหลาด

 

“นายต้องการเอาชนะคนๆนี้ เพียงเพราะเขารักคนๆเดียวกับนาย นายนี่มันช่างไร้สาระจริงๆ”

 

หยวนหัวเราะดังมากราวกับว่าเขากำลังดูหนังตลกอยู่

 

“แล้วแกเป็นใครกัน แกไม่ใช่ศิษย์ของนิกายนี้นี่ แล้วแกเข้ามาที่นี่ได้ยังไงกัน?”

 

ในที่สุดเหรินก็สังเกตเห็นหยวนและเสี่ยวฮัวที่ยืนอยู่ข้างๆ

 

“ฉันเป็นคนให้แกนมอนสเตอร์กิ้งก่าเพลิงนั้นกับเขาเอง”

 

หยวนพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย

 

“หยวน!!”

 

โม่โจวมองหยวนด้วยดวงตาที่ตกตะลึง

 

“หรอ แกเพียงคนเดียวงั้นหรอ”

 

เหรินฟู่เฉินมองหยวนด้วยสายตาที่หรี่ลงเล็กน้อย

 

“ทำไมแกถึงให้ของมีค่าแบบนี้กับเขา เขาให้อะไรกับแกเป็นการตอบแทนงั้นหรอ?”

 

“เขาไม่ได้ให้อะไรกับฉัน และฉันก็ไม่ได้ต้องการอะไรจากเขา ฉันให้เขาเพียงเพราะรู้สึกถูกใจในตัวเขาเฉยๆ”

 

หยวนตอบไปเหมือนกับว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องปกติ

 

“…”

 

แม้เหรินฟู่เฉินจะไม่รู้ว่าหยวนคือใคร แต่เหรินฟู่เฉินก็ระวังเขา เพราะจริงๆแล้วคนทั่วไปประเภทไหนกันที่จะมอบของมีค่าอย่างแกนมอนสเตอร์กิ้งก่าเพลิงให้ฟรีๆ โดยที่ไม่คิดค่าตอบแทนอะไร

 

“แกต้องการอะไร?”

 

“ฉันจะขอบคุณนายมาก ถ้าหากพวกนายหยุดกลั่นแกล้งเขาสักที”

 

หยวนกล่าวด้วยรอยยิ้ม

 

“แล้วถ้าฉันบอกว่าไม่ละ”

 

ในขณะที่เหรินฟู่เฉินไม่ต้องการเป็นศัตรูกับหยวนที่ดูลึกลับและไม่รู้ว่ามาจากที่ไหนก็ตาม แต่เขาก็ไม่ได้กลัว เขาไม่เพียงแต่ได้รับเลือก แต่พวกเขายังอยู่ในนิกายดาบบินซึ่งจะได้รับการปกป้องจากทุกทิศทาง

 

“แน่นอนถ้านายจะปฏิเสธ...”

 

หยวนหันไปมองโม่โจวและพูดว่า

 

“ฉันเคยช่วยชีวิตนายมาแล้วครั้งหนึ่ง มันก็ไม่แปลกถ้าฉันจะทำอีกครั้งใช่ไหม”

 

“แก...”

 

เหรินฟู่เฉินขมวดคิ้วทันทีกับคำพูดของหยวน

 

“หยวน!”

 

สำหรับโม่โจวเขามองไปที่หยวนด้วยน้ำตา ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความชื่นชม และหัวใจของเขาเต็มไปด้วยความขอบคุณ

 

รีวิวผู้อ่าน