หลังจากวิ่งไปได้ครึ่งชั่วโมงหยวนและเสี่ยวฮัวก็สามารถมองเห้นกำแพงเมืองได้แล้ว
<คุณได้ค้นพบเมืองวิญญาน>
“สถานที่แห่งนี้ดูเหมือนว่าจะชื่อเมืองวิญญานสินะ”
หยวนพูดออกมาหลังจากอ่านการแจ้งเตือนของระบบ
“เมืองวิญญาน เป็นหนึ่งในสี่เมืองใหญ่ในทวีปตะวันออกและเป็นอันดับสามในด้านอิทธิพลของทวีปนี้”
เสี่ยวฮัวรีบอธิบายให้กับหยวนฟัง
“แล้วพวกเราจะรออะไรกันละ รีบเข้าไปกันเถอะ!”
หยวนและเสี่ยวฮัวเดินเข้ามาที่ประตูเมือง
“พวกเขากำลังทำอะไรกันอยู่หรอ?”
ขณะที่หยวนและเสี่ยวฮัวเดินเข้าไปใกล้ๆ หยวนก็สังเกตเห็นลูกแก้วที่อยู่ในมือของทหารยามที่เฝ้าประตูอยู่คนหนึ่ง
“มันมีไว้เพื่อตรวจตราผู้ที่มาจากต่างแดน พี่หยวนไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้ เว้นแต่ว่าพี่หยวนจะเป็นอาชญากรที่เมืองวิญญานต้องการตัว”
หยวนพยักหน้าเข้าใจในสิ่งที่เสี่ยวฮัวอธิบาย
ไม่กี่นาทีต่อมาพวกเขาก็มาถึงทหารยามที่เฝ้าหน้าประตูอยู่
“ค่าเข้าคนละ 1 เหรียญเงิน”
ทหารยามที่เฝ้าหน้าประตูพูดกับหยวนและเสี่ยวฮัวที่เดินเข้ามาถึงแล้ว
“เอ่อ...เสี่ยวฮัวเธอมีเงินไหม?”
หยวนที่ไม่มีเงินเลยแม้แต่เหรียญเดียว มองไปที่เสี่ยวฮัวด้วยสีหน้าอึดอัดและรู้สึกลำบากใจเล็กน้อยที่เขาจะต้องมาขอเงินเด็กผู้หญิงคนนี้
แต่ก็เช่นเดียวกัน เสี่ยวฮัวก็ส่ายหัวเล็กน้อย เพราะเสี่ยวฮัวก็ไม่มีเงินเหมือนกัน
“พวกเจ้าเป็นบ้าอะไรกัน พวกเจ้าอยากเข้าไปในเมืองทั้งๆที่ไม่มีเงินเนี่ยนะ พวกเจ้าเป็นขอทานมาจากที่ไหนกันเนี่ย?”
ทหารยามเยาะเย้ยทันทีเมื่อรู้ว่าพวกเขากำลังคุยอยู่กับพวกขอทาน
“ถ้าพวกเจ้าไม่มีเงิน พวกข้าก็ไม่สามารถให้พวกเจ้าเข้าไปข้างในได้”
ผู้คุมอีกคนนึงพูดขึ้นมา
“ออกไปให้พ้น! คนข้างหลังกำลังรออยู่! เกะกะ!”
หยวนถอนหายใจและเตรียมตัวที่จะจากไป
แต่ก่อนที่หยวนกำลังจะก้าวออกไป คนที่อยู่ข้างหลังของหยวนก็พูดขึ้นมาว่า
“ถ้าเจ้าต้องการ ข้าสามารถจ่ายค่าเข้าให้กับเจ้าได้”
หยวนหันไปมองคนที่เพิ่งพูดกับเขา เธอเป็นหญิงสาวที่หน้าตาน่ารักและสวมเสื้อคลุมด้วยผ้าชั้นดี
“ถ้าท่านไม่รังเกียจ...”
หยวนพูดด้วยใบหน้าที่เขินอายเล็กน้อย
“ท่านหญิง ท่านไม่ควรเข้าไปยุ่งกับขอทานสองคนนี้...”
ชายชราที่ยืนอยู่ข้างๆหญิงสาวก็พึมพำใส่ในหูของเธอ โดยที่ชายชราไม่รู้ว่าหยวนก็ได้ยินคำพูดของเขาเหมือนกัน นั่นแสดงให้เห็นว่าหยวนมีประสาทสัมผัสที่ดีขึ้นกว่าเดิมจริงๆ
“….”
ยังไงก็ตามหยวนก็ตัดสินใจที่จะไม่สนใจคำพูดของชายชราคนนั้น
“ในฐานะหญิงสาวของตระกูลซวน ข้าจะเพิกเฉยต่อผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือได้อย่างไร และนี่มันก็แค่เงินเพียงสองเหรียญเท่านั้น”
หญิงสาวส่ายหัวไปมาก และมองไปที่ชายชราที่อยู่ข้างๆด้วยความผิดหวัง
“ขอโทษที่ทำให้ท่านเสียเวลา นี่เป็นค่าเข้าของพวกเขาและของพวกข้าด้วย”
จากนั้นหญิงสาวก็ยื่นเหรียญเงินสี่เหรียญให้กับทหารยาม
หลังจากเหลือบมองเล็กน้อยทหารยามก็พยักหน้าและดึงลูกแก้วออกมา
“วางมือไว้บนนี้’
ยามเฝ้าประตูพูดออกมา
หยวนวางมือไว้บนลูกแก้ว
ไม่กี่วินาทีต่อมาลูกแก้วก็ส่องแสงสีเขียวออกมา
“พวกเจ้าผ่านไปได้”
ยามหันไปหาเสี่ยวฮัวที่เดินผ่านมาพร้อมกับแสงสีเขียว
ไม่กี่อึดใจต่อมาเมื่อพวกเขาผ่านการตรวจสอบและเข้ามาในเมืองได้แล้ว หยวนก็โค้งคำนับให้กับหญิงสาวที่น่ารักคนนั้น
“ขอบคุณแม่นางมาก แม้ว่ามันจะไม่มากนัก แต่โปรดรับสิ่งนี้ไว้เป็นคำขอบคุณจากข้า”
หยวนดึงแกนมอนเตอร์ออกมาและยื่นมันไปให้กับหญิงสาว
หญิงสาวเอามือปิดปากของเธอทันทีพร้อมกับความตกตะลึงในท่าทางของเธอ
“แกนของมอนเตอร์ลิงโลหิต นี่มันมากเกินไปสำหรับเงิน 2 เหรียญแล้ว! ข้ารับมันไม่ได้หรอก!”
หญิงสาวรีบปฏิเสธหยวนทันที
ลิงโลหิตส่วนใหญ่จะมีพลังเทียบเท่ากับผู้ฝึกวิญญานระดับแปด และโดยปกติแล้วแกนมอนเตอร์ของพวกมันจะสามารถเอาไปขายได้ถึง 100 เหรียญทองในตลาด! ถ้าเธอยอมรับแกนมอนเตอร์ตัวนี้ไป มันจะทำให้เธอรู้สึกผิดที่เธอเอาเปรียบหยวน
“ไม่ต้องกังวล ข้าไม่ได้ใช้แกนมอนเตอร์นี้อีกแล้ว และนี่ก็เป็นเพียงสิ่งที่ข้าเก็บมาระหว่างทางที่มาที่นี่เท่านั้น”
หยวนเข้าใจเหตุผลที่หญิงสาวเกิดความลังเล แต่ก็ยังบอกให้เธอรับมันไปอยู่ดี
หญิงสาวที่น่ารักคนนี้มองไปที่ใบหน้าที่ซื่อสัตย์ของหยวนและแกนมอนเตอร์มันวาวที่อยู่ในมือของเขา
เธอกลืนน้ำลายลงไปอึกใหญ่
“เนื่องจากเจ้ายืนยันที่จะให้ข้า ถ้าอย่างงั้น...”
หญิงสาวยอมรับแกนมอนเตอร์ของลิงโลหิตด้วยมือที่สั่นเทา
เมื่อแกนมอนเตอร์หลุดออกจากมือของหยวน เขาก็พูดกับเสี่ยวฮัวว่า
“ไปกันเถอะ”
“ดะ...เดี่ยวก่อน! เจ้าชื่ออะไร ข้าชื่อซวนหวู่ฮั่น!”
“เรียกข้าว่าหยวนก็ได้”
หยวนตอบคำถามของหญิงสาวคนนั้น
“ขอบคุณมากหยวน หากเจ้าต้องการความช่วยเหลืออะไรละก็ เจ้าสามารถมาหาครอบครัวซวนของข้าได้ที่เมืองบ่อน้ำพุนะ”
จากนั้นซวนหวู่ฮั่นก็มอบเหรียญที่ทำจากโลหะให้กับหยวนและประทับตาคำว่า ‘ซวน’ ลงไป
หยวนยอมรับเหรียญที่ซวนหวู่ฮั่นให้กับเขาง่ายๆเพราะเขาไม่อยากคิดมากเกี่ยวกับเรื่องนี้
<‘ซวนหวู่ฮั่น’ ถูกเพิ่มเข้าไปในความสัมพันธ์ของคุณแล้ว>
<ระดับพันธมิตรของซวนหวู่ฮั่นเพิ่มขึ้นเป็นคนรู้จัก>
“ถ้าอย่างนั้นหวังว่าจะได้พบกับอีก”
หยวนพูดก่อนที่จะเดินจากไปพร้อมกับเสี่ยวฮัว
หลังจากที่หยวนเดินจากไป ชายชราข้างๆซวนหวู่ฮั่นก็พูดขึ้น
“ท่านหญิง ทำไมท่านถึงได้ให้เหรียญประจำตระกูลกับเขาเช่นนั้น สิ่งนั้นไม่ใช่สิ่งที่คนแปลกหน้าควรได้รับไป”
“ชายหนุ่มคนนั้น...แม้จะอายุยังน้อย แต่ก็มีออร่าที่น่ากลัวอยู่รอบๆตัวของเขา เขาน่าจะเป็นผู้ฝึกพลังอัจฉริยะจากตระกูลใหญ่ๆ ถ้าข้าสามารถเป็นเพื่อนเขาได้ มันจะเป็นประโยชน์ต่อตระกูลซวนของเรา ไม่ต้องพูดถึงนิสัยซื่อสัตย์ของเขาเลย ข้าชอบคนแบบเขา”
“ท่านแน่ใจเกี่ยวกับภูมิหลังของเขางั้นหรือ ถ้าเขาเป็นอย่างที่ท่านพูดทำไมเงินแค่ 2 เหรียญถึงไม่สามารถจ่ายออกไปได้กัน”
ชายชรายังคงสงสัยในสิ่งที่เกิดขึ้น
“เมื่อกี้เจ้าไม่ได้ดูอยู่หรอ เขาสามารถมอบแกนของมอนเตอร์ลิงโลหิตให้กับข้าได้ง่ายๆโดยที่หนังตาของเขายังไม่กระตุกเลยด้วยซ้ำ มันมีมูลค่าถึง 100 เหรียญทอง เพราะข้าช่วยจ่ายให้เขาแค่เพียง 2 เหรียญเงินแค่นั้น ถ้าเป็นข้า ข้าจะไม่ทำเช่นนี้แน่ เขาต้องกำลังทดสอบพวกเราอยู่แน่ๆ”
“ตะ...แต่ว่าทำไมเขาถึงต้องทำอะไรแบบนั้นด้วยละ? เขาต้องการที่จะทำอะไร ทำไมเขาถึงต้องทดสอบคนอื่นด้วย?”
ซวนหวู่ฮั่นส่ายหัวและพูดว่า
“เช่นเดียวกับท่านปู่ของข้า ยิ่งเป็นบุคคลที่มีความคิดลึกซึ้งและมีอำนาจมากเท่าไหร่ก็จะยิ่งมีความรู้สึกน้อยลงเท่านั้น นั่นไม่ใช่สิ่งที่พวกเราจะเข้าใจได้”
“ท่านกำลังบอกว่าชายหนุ่มคนนั้นในตอนนี้มีพลังพอๆกับบรรพบุรุษของพวกเรา ที่เป็นผู้ฝึกวิญญานยังงั้นหรือ”
“ข้ามั่นใจว่าเป็นเช่นนั้น”
ซวนหวู่ฮั่นกล่าวด้วยความมั่นใจ
“ยังไงก็เถอะ พวกเราไม่สามารถพลาดการประมูลครั้งนี้ไปได้ ไม่งั้นเราเจ้าได้โดนท่านพ่อตะโกนโกรธเกรี้ยวใส่ในภายหลังแน่ๆ”
ในขณะเดียวกันเสี่ยวฮัวและหยวนก็เดินไปรอบๆเมืองอย่างไร้จุดหมาย
“เสี่ยวฮัวพวกเราต้องหาเงินให้ได้ แล้วเราจะไปขายแกนมอนเตอร์พวกนี้ที่ไหนดี มันดูมีมูลค่ามากเลยทีเดียว”
หยวนพูดกับเสี่ยวฮัว เพราะจากท่าทางของซวนหวู่ฮั่นเขามั่นใจว่าแกนมอนเตอร์ต้องมีค่าอย่างมากแน่นอน
“อืม...แกนของมอนเตอร์ตัวเดียวน่าจะสามารถขายได้ในราคา 100 เหรียญทองแบบง่ายๆเลยทีเดียว”
“ปัญหาตอนนี้ของพวกเราคือ พวกเราจะไปขายแกนมอนเตอร์เหล่านี้ได้ที่ไหนกัน...”
“ถ้าพี่หยวนต้องการเงินมากที่สุดจากแกนของมอนเตอร์พวกนี้ พวกเราควรจะหาสถานที่ที่รับการประมูล แม้ว่ามันจะต้องใช้เวลาสักระยะหนึ่งกว่าจะได้เงินมา แต่เราก็จะได้ผลกำไรที่สูงกว่าการเอาไปขายในร้านค้าปกติที่ขายเกี่ยวกับแกนมอนเตอร์โดยเฉพาะ”
เสี่ยวฮัวอธิบายให้กับหยวนฟัง
“สถานที่ประมูลยังงั้นหรอ มันฟังดูน่าสนุกนะ พี่ไม่เคยไปมาก่อนเลย แล้วเราจะไปหามันได้ที่ไหนละ?”
“เมืองใหญ่ๆส่วนมากจะมีสถานที่สำหรับจัดการประมูล และการประมูลจะถูกจัดขึ้นทุกๆ สองถึงสามสัปดาห์ ไม่ต้องพูดถึงเมืองแห่งนี้ เมืองแห่งนี้ซึ่งเป็นหนึ่งในสี่เมืองที่ใหญ่ที่สุดในทวีป เราควรจะหามันได้ง่ายๆถ้าเราไปถามชาวเมืองรอบๆนี้”
หยวนพยักหน้าเห็นด้วย
“ถ้าพวกเราไปถึงแล้วการประมูลจะเริ่มในอีกไม่นาน ฉันก็จะประมูลแกนของมอนเตอร์พวกนี้ แต่ถ้าต้องรออีกสองถึงสามสัปดาห์ฉันก็แค่ขายมันให้ถูกกว่านี้”
หลังจากตัดสินใจและตัดสินแนวทางได้แล้ว หยวนก็เริ่มถามหาข้อมูลของสถานที่การจัดงานประมูลเพื่อขายแกนของมอนเตอร์ของพวกเขาทันที เพราะเขาไม่ต้องการสัมผัสกับความอัปยศอดสู้ในวันนี้อีกต่อไปในอนาคต