ตอนที่ 10 ตรอกเถ้าธุลีอยู่ในกำมือของฉัน
ณ ร้านค้า...
ชายหัวโล้นสวมเสื้อโค้ตทหารยืนอยู่บนบันไดกำลังจ้องมองไปยังชายรูปร่างกำยำที่ถูกจู้เหว่ยทำร้ายพร้อมเอ่ยถามเสียงแผ่ว “ใครปล่อยหมาบ้ามาทำลายร้านฉัน?!”
ฉินอวี่มองไปยังทางเข้าก็พบว่ามีฝูงชนบุกเข้ามาในร้านค้ามากกว่ายี่สิบคน
“พวกเรามาจากสำนักงานตำรวจนครบาลเขตพื้นทมิฬ” จู้เหว่ยตอบอย่างรวดเร็วพลันหยิบตราประจำตำแหน่งออกมาแสดง “ใครไม่เกี่ยวถอยไป! เรามาเพื่อตรวจสอบการลักลอบขายยาในตรอกเถ้าธุลี!”
ชายหัวโล้นเอ่ยถามอย่างเย็นชา “ใครลักลอบขายยา?”
จู้เหว่ยใช้ปืนชี้ไปยังเคาน์เตอร์และกล่าวว่า “เราเห็นกับตาว่าชายสามคนนั้นลักลอบขายยา!”
“นายเห็นงั้นเหรอ? ท่านผู้พิทักษ์กฎหมาย? ฮะฮ่า!” ชายหัวโล้นเย้ยหยันก่อนจะมองไปยังฝูงชนที่อยู่รอบประตูพร้อมกับตะโกนว่า “ถามพวกเขาสิว่ามีใครเห็นการลักลอบขายยาไหม!?”
กลุ่มคนอาวุธครบมือเหล่านั้นไม่ตอบกลับ ทว่าเดินตรงเข้าหาตำรวจเพื่อล้อมพวกเขาไว้
เมื่อได้ยินดังนั้น จู้เหว่ยจึงยืนนิ่งด้วยเกิดความรู้สึกหวาดกลัว คนเหล่านี้ดูแข็งแรงคงรับมือยากแน่นอน
ฉินอวี่ลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนก้าวขาออกไป…
“แม่งเอ๊ย!”
ในขณะเดียวกัน...ชายรูปร่างกำยำที่ถูกจู้เหว่ยจัดการก็ลุกขึ้นนั่งพร้อมกับจับหัวของตนก่อนจะด่าว่า “ไอ้สารเลวที่ไหนตีหัวฉันวะ?”
“อย่าขยับ!” ชายหนุ่มผู้หนึ่งยืนอยู่ข้างฉีหลินตะโกน
“อย่าขยับเหรอ? ไม่สนโว้ย!” ชายหนุ่มรูปร่างกำยำพุ่งใส่เขาทันทีก่อนจะชกเข้าที่หัวของจู้เหว่ย “แกคิดว่าแกเป็นใครถึงกล้าทำร้ายฉัน?!”
จู้เหว่ยเดินถอยหลังสามสี่ก้าว
“แกจะทำอะไร?!”
“นั่นเจ้าหน้าที่ตำรวจนะ!”
เมื่อเห็นจู้เหว่ยกำลังจะถูกทำร้าย พวกเขาก็รีบเข้ามาขัดขวางชายผู้นั้นทันที
“ฉันจะทำร้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจ แล้วพวกแกมีปัญหาอะไรวะ?!” ชายผู้นั้นรู้สึกโกรธแค้น เขาหยิบมีดบนเคาน์เตอร์และพุ่งใส่จู้เหว่ยทันทีก่อนจะตะโกนว่า “ตายซะไอ้ชั่ว! ต่อให้ไอ้อ้วนหลี่ส่งคนมาที่นี่อีกห้าร้อยคนก็ไม่มีใครรอดกลับไปได้อยู่ดี!”
ทันใดนั้น! ชายรูปร่างกำยำก็พุ่งเข้าใส่พี่น้องในสังกัดที่สามอย่างโกรธเกรี้ยว
“ปึก!” ฉินอวี่กลายเป็นเหยื่อรายแรกของมีดเล่มนั้น! เพราะทันทีที่จู้เหว่ยเห็นชายกำยำตั้งใจจะแทงมีดเข้ามา เขาก็เร่งหลบทันควัน แต่ทว่าโชคร้าย...คนที่ยืนอยู่ด้านหลังคือ ฉินอวี่!
“ฉิบหาย!” ฉีหลินอุทานพลันยื่นแขนไปข้างหน้าเพื่อรับแรงกระแทกของคมมีด
“ฉึก!”
ขณะที่ชายหนุ่มกำลังพุ่งเข้าใส่ฉีหลินหวังทำร้าย ฉินอวี่ก็รีบฝ่าฝูงชนเพื่อคว้าเอามีดในมือชายผู้นั้นทันที
เลือดของฉินอวี่พุ่งออกมาและกระเซ็นเต็มพื้น
ฉีหลินรู้สึกตกใจกับภาพที่เห็น เขาผงะพร้อมเดินถอยหลังและมองไปยังฉินอวี่ด้วยความหวาดกลัว...
ความเงียบกัดกินไปชั่วขณะก่อนที่ชายรูปร่างกำยำจะตะโกนใส่ฉินอวี่ “คว้ามีดด้วยมือเปล่า คิดว่าตัวเองเป็นวีรบุรุษเหรอ? งั้นทำไมไม่เอาตัวออกมารับมีดดูซ่ะล่ะ?!”
ชายผู้นั้นหดแขนกลับเพื่อแทงฉินอวี่อีกครั้ง
ทันใดนั้น! ฉินอวี่ก็คว้ามือของชายรูปร่างกำยำเพื่อหยุดเขา ก่อนจะหันไปมองชายหัวโล้นที่ยืนอยู่ตรงบันไดและพูดว่า “เราไม่ได้อยากยุ่งกับนาย...เราได้รับรายงานมาว่ามีการลักลอบขายยาจึงทำให้ต้องออกสืบสวนคดี แต่ทันทีที่เข้ามาที่นี่ ชายผู้นี้ก็เล็งปืนจ้องทำร้ายตำรวจก่อน จึงทำให้ฉันไม่มีทางเลือกนอกจากตอบโต้เพื่อควบคุมสถานการณ์!”
ชายหัวโล้นคนดังกล่าวพร้อมกับนั่งลงอย่างสบายใจและหยิบบุหรี่ไฟฟ้าออกมาดูดโดยไม่ได้สนใจฉินอวี่แม้แต่น้อย
ฉินอวี่ยังคงกำข้อมือของชายผู้นั้นไว้แน่น “ฉันเพิ่งมาถึงที่นี่ได้ไม่นานจึงไม่รู้ว่าสถานการณ์ที่ตรอกเถ้าธุลีเป็นยังไง? ถ้ามันเป็นแค่เรื่องเข้าใจผิด เราจะปล่อยตัวพวกนายและคืนของกลางทันที ตกลงไหม?”
“แต่ถ้าหากเราไม่ได้ลักลอบขายยาล่ะ เรื่องที่พวกแกทำร้ายลูกน้องฉันจะรับผิดชอบยังไง?!” ชายหัวโล้นถามด้วยแววตาขุ่นเคือง
ฉินอวี่เงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะตอบว่า “พวกเรายังต้องหาเลี้ยงชีพด้วยความสุจริต แต่พวกนายกลับทำให้ทุกคนในซ่งเจียงใช้ชีวิตได้อย่างยากลำบาก...ให้ความร่วมมือดีๆ เถอะ อย่าทำเรื่องง่ายให้เป็นเรื่องยากเลย”
“แล้วถ้าฉันยากทำให้มันเป็นเรื่องยากล่ะ แกจะทำไม?” ชายหนุ่มรูปร่างกำยำตะโกนด้วยแววตาโกรธเคือง
ในขณะเดียวกันชายหัวโล้นก็หันไปด้านข้างและถ่มเสมหะลงพื้นโดยไม่พูดอะไร
ฉินอวี่ครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ฉันรู้ดีว่าเราคงจับนายแบบคาหนังคาเขาที่นี่ไม่ได้ แต่ยังไงนายก็ลักลอบขายที่อื่นด้วยไม่ใช่เหรอ?”
ชายหัวโล้นมือเย็นเฉียบด้วยความตกใจอย่างเห็นได้ชัดก่อนจะหันมาพูดกับลูกน้องว่า “ปล่อยพวกเขาไป”
“จะปล่อยพวกเขาไปทั้งๆ ที่ผมถูกทำร้ายเจียนตายงั้นเหรอ?!” ชายรูปร่างกำยำอุทานด้วยความไม่พอใจพลันมองไปที่ฉินอวี่ด้วยดวงตาแค้นก่อนจะตะโกนว่า “ถ้าอยากออกไปจากที่นี่ก็ถอดเสื้อออกและกระโดดกบไป!”
“แกคงไม่โชคดีแบบนี้ตลอดไปแน่!” กวนฉีแห่งสังกัดที่สามกล่าวขณะจับปืนของเขาไว้แน่น
ฉินอวี่คว้าปืนในมือกวนฉีอย่างรวดเร็วและกล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “ไม่เป็นไร ฉันจัดการเอง”
กวนฉีตอบกลับอย่างขุ่นเคือง “หัวหน้าฉินจะกลัวอะไร?! หากพวกเราต่อสู้อาจจะชนะก็ได้...แม้พวกมันจะมีจำนวนเยอะกว่าก็เถอะ!”
“ฉันบอกให้ทำตามคำสั่ง!” ฉินอวี่ตะโกนขณะมองไปยังกวนฉี
กวนฉีกัดฟันแน่น
“ถอยไป...ฉันบอกว่าจะจัดการเอง!” ฉินอวี่หันมาสั่งลูกน้อง
ในขณะเดียวกันชายหัวโล้นก็ถามด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “มีอีกหลายแหล่งที่ทำการลักลอบขายยา ทำไมนายต้องมุ่งเป้าแค่ที่ตรอกเถ้าธุลีด้วยล่ะ?”
ฉินอวี่รู้สึกประหลาดใจกับคำพูดของชายผู้นั้นก่อนจะตอบกลับ “เราได้รับรายงานมาว่ามีการลักลอบขายยาที่นี่จึงเข้ามาตรวจสอบ ไม่แน่ใจเหมือนกันว่ารายละเอียดจริงๆ เป็นยังไง...”
ชายหัวโล้นค่อยๆ ลุกขึ้นก่อนจะหันหลังให้ฉินอวี่ “สถานการณ์ในตรอกเถ้าธุลีค่อนข้างวุ่นวายและป่าเถื่อน นายควรอยู่ให้ห่างจากเราเพราะหากถูกแทงหรือทำร้ายจนตาย...สำนักงานตำรวจก็คงหาตัวฆาตกรไม่เจอ”
หลังจากพูดจบชายหัวโล้นก็เดินขึ้นชั้นสองไป
…
ห้านาทีต่อมา
ฉินอวี่และตำรวจอีกเจ็ดคนเข้าแถวและกระโดดกบออกจากตรอกเถ้าธุลีไปพร้อมกับร่างกายท่อนบนที่เปลือยเปล่า
ชายร่างใหญ่หลายคนถืออาวุธปืนสงครามเฝ้าดูพวกเขาอย่างเงียบสนิท
ชาวบ้านเกือบทุกครัวเรือนที่อาศัยอยู่ในตรอกต่างเปิดหน้าต่างออกมาดูฉินอวี่และเหล่าตำรวจด้วยสายตาเย็นชา
บรรยากาศเงียบสงัดก่อนจะมีชายคนหนึ่งตะโกนว่า “ถ้าพวกแกกล้ากลับมาที่นี่อีก...ฉันเอาตายแน่!”
เสียงตะโกนดังกึกก้องทั่วตรอก
หลังจากนั้น ชาวบ้านต่างขว้างขวดแก้วและข้าวของใส่พวกเขา
“วิ่ง!”
ฉินอวี่ออกคำสั่ง เหล่าลูกน้องปฏิบัติตามและวิ่งหายไปในความมืด
…
ณ ชั้นสองของร้านค้า
ชายหัวโล้นนั่งอยู่บนเก้าอี้โยกขณะมองไปยังชายหนุ่มรูปร่างกำยำที่โดนทำร้าย เขากำลังพันแผลที่ศีรษะพร้อมเอ่ยถาม “พี่น้องของเราไปกันหมดแล้วเหรอ?”
“อืม ไปกันหมดแล้ว” ชายหนุ่มรูปร่างกำยำหรือที่รู้จักกันในนามหม่าเหลาเอ๋อพยักหน้าตอบ
“ไปตามพวกเขาให้มารับยา” ชายหัวโล้นสั่ง “และเราจะหยุดปล่อยของสักสองสามวัน”
หม่าเหลาเอ๋อผงะ “ลุงสามกลัวเหรอครับ? คนพวกนั้นก็แค่ไอ้ลูกหมาที่ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังเล่นอยู่กับใคร! ทำไมเราต้องกลัวด้วยล่ะครับ? พวกมันขายยาแพงขนาดนั้นใครจะซื้อได้?! คนไข้ผู้น่าสงสารในตรอกเถ้าธุลีรอยาจากเราอยู่! ลุงก็เห็นว่าคนมากมายนับร้อยออกมาจากบ้านเพื่อโห่ร้องและยืนหยัดเพื่อเรา! ทำไมเราต้องใส่ใจตำรวจสวะแบบนั้นด้วย?!”
“แค่ทำตามที่บอกและหยุดพูดจาขัดใจสักที” ชายหัวโล้นตอบ “ไปตามพวกเขามา”
“ผะ...ผม...เฮ้อ! ลุงชักจะขี้ขลาดขึ้นทุกวัน!” หม่าเหลาเอ๋อพึมพำอย่างขุ่นเคืองพลันถอนหายใจ ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่สามารถโน้มน้าวลุงสามผู้ดื้อรั้นได้ จึงจำเป็นต้องปฏิบัติตามคำสั่ง
…
ภายนอกตรอกเถ้าธุลี
ฉินอวี่สวมเสื้อก่อนจะคว้าชุดปฐมพยาบาลในรถและนำผ้าพันแผลออกมาพันมือที่บาดเจ็บ
กวนฉีที่ยืนอยู่ข้างรถยังคงโวยวายด้วยความหงุดหงิดพร้อมเบิกตากว้าง “พ่ายแพ้ให้กับอาชญากรยังไม่เจ็บใจเท่าพวกมันสั่งให้เราถอดเสื้อและกระโดดกบออกมาหน้าตรอก...ช่างอัปยศ! ถ้าทุกคนที่หน่วยรู้พวกเราคงกลายเป็นตัวตลกแน่นอน!”
“เราไม่ควรยอมแพ้ด้วยซ้ำ! ต่อให้ไม่ทำตามพวกมันก็ทำอะไรเราไม่ได้?!” จู้เหว่ยรวบรวมความกล้าและบ่นพึมพำถึงการตัดสินใจของฉินอวี่ “นายเป็นคนขี้ขลาดขนาดนี้เลยเหรอ? เคยบอกไปแล้วว่าไม่มีใครกล้ายุ่งกับคดีค้ายา! นายเป็นเหมือนผู้นำที่ต้องรับผิดชอบคดีที่ไม่มีใครกล้ายุ่ง! นายต้องกล้าหาญมากกว่านี้!”
ฉินอวี่มัดผ้าพันแผลก่อนจะหันไปหาเหล่าพี่น้องสังกัดสาม “มา...ฉันจะเล่าแผนต่อไปให้ฟัง”
“แผนอะไร?” กวนฉีถาม
“มานี่!” ฉินอวี่ตะโกนพลันขมวดคิ้ว
ทุกคนต่างมองหน้ากันอย่างขวัญเสีย ก่อนจะเดินไปหาฉินอวี่
“ตรวจสอบกระสุนของพวกนายให้ดี ใครที่ยังไม่ได้เสื้อเกราะก็รีบไปเอาซะ! จาบี น้องหก นายสองคนอยู่ดูแลรถต่อไป...” ฉินอวี่เริ่มออกคำสั่งอีกครั้ง
ทว่าทุกคนต่างมองมายังฉินอวี่ด้วยความงุนงง
…
สิบนาทีต่อมา ณ ร้านค้าแห่งเดิม
หม่าเหล่าเอ๋อสั่งชายสามคนว่า “รถจะมาถึงในไม่ช้า...ขนของใส่รถแล้วตรวจสอบให้ดีว่ายังมีอะไรหลงเหลืออยู่ในโกดังสามไหม!”
“เราจะขนของพวกนี้ไปไว้ที่ไหนครับ?” ชายคนหนึ่งถาม
“เอาไปเก็บที่คลังก่อน” หม่าเหล่าเอ๋อตอบก่อนจะบ่นอย่างไม่พอใจ “ลุงสามขี้ขลาดมาก...เขากลัวแม้กระทั่งตำรวจต๊อกต๋อย ถ้าฉันเป็นคนตัดสินใจล่ะก็พวกเราจะไม่หยุดขายยาแน่นอน!”
“ตึก ตึก!”
เมื่อพูดจบ จู่ๆ ก็มีเสียงฝีเท้าดังขึ้นจากประตูหลัง
หม่าเหล่าเอ๋อหันไปพบฉินอวี่สวมเสื้อเกราะกันกระสุนสีเขียวพร้อมด้วยโล่ปราบจลาจลสูงศูนย์จุดห้าเมตร
“ฉิบหาย!”
“ตุบ!”
ฉินอวี่ถีบหน้าอกหม่าเหล่าเอ๋ออย่างเต็มกำลัง
“ตุบ! “
“เคร๊ง! “
หม่าเหล่าเอ๋อกระเด็นไปราวครึ่งเมตรและชนเข้ากับลังยาก่อนจะทรุดในสภาพมึนงง
“อย่าขยับ! ฉันจะระเบิดหัวนายทันทีหากเคลื่อนไหวแม้แต่ก้าวเดียว!” กวนฉีกล่าวขณะกดปืนเข้ากับหัวหม่าเหล่าเอ๋อ
“ควับ!”
ฉินอวี่รีบวิ่งขึ้นชั้นสองทันที
เสียงชายคนหนึ่งกล่าวผ่านวิทยุสื่อสาร “ลุงสามครับ! พวกตำรวจกลับมาอีกแล้ว!”
ลุงสามตะลึงไปสักพักก่อนจะวิ่งไปหยิบปืนอย่างรวดเร็ว
“ควับ!”
ฉินอวี่ปลดไกปืนก่อนจะเข้าไปในห้อง “ตรอกเถ้าธุลีช่างซับซ้อน กระโดดกบมาตั้งนานแต่ก็ยังหาทางออกไม่เจอ! ดูเหมือนว่าเราต้องช่วยกันหาทางแล้วสิ!”
ลุงสามมองมายังฉินอวี่ “ไอ้เวร..!”
……………………………………………