ผู้นำปราการผาพยัคฆ์ที่ว่านั้น กล่าวคือไม่มีสิทธิ์เหนือกว่าคนอื่นๆ ซึ่งจะต้องหารือกันในหลายๆเรื่อง ทั้งหมดมีความเสมอภาคเท่าเทียมกัน แต่ก็มีอยู่ครั้งหนึ่งที่ขัดแย้งกัน ซึ่งโดยปกติแล้วผู้นำนั้นจะได้รับเสบียงส่วนหนึ่ง ที่ได้มาจากผู้ล่าที่ได้เสบียงกลับมา เพื่อจัดแจงแบ่งสันปันส่วนต่างๆให้กับครอบครัวที่ยากไร้ในปราการผาพยัคฆ์
ผู้นำในปราการผาพยัคฆ์ จะมาจากอดีตนักล่าจากตระกูล หู่ กับตระกูล เก่อ ที่ได้รับการเสนอชื่อ ส่วนมากจะเป็นผู้อาวุโสที่มีชื่อเสียงเกียรติยศ หรืออาจจะเป็นผู้นำคนก่อนเสนอชื่อผู้นำคนใหม่ ซึ่งผู้นี้มีนามว่า หู่ คัง!! ซึ่งเป็นอดีตนักล่าที่เก่งกาดจัดเจน จากตระกูล หู่ กว่า ห้าสิบปีมาแล้ว!!
ซึ่งกาลเวลาของโลกก่อนหน้าที่ซินฟง ถือกำเนิดขึ้นนั้น ในหนึ่งวันจะมีกว่าสามสิบชั่วโมง และในหนึ่งปีจะไม่ได้มีเพียงสามร้อยหกสิบห้าวัน ซึ่งจะมีฤดูร้อนยาวนานเกือบสามร้อยวัน และฤดูหนาวสองร้อยกว่าวัน ดังนั้น แม้ว่าจะมีอายุเพียงสิบห้าปี แต่สภาพร่างกายก็เทียบเท่ากับคนอายุสิบแปดปีในโลกเดิม นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมคนที่มีอายุสิบห้าปีขึ้นไป จึงจะสามารถออกล่าได้
ซึ่งเมื่อทราบข่าว เก่อ ต้าถาน และ หู่ ต้า ที่ล่าเสบียงมาได้นั้น ทำให้เขาอดรนทนไม่ไหว ถึงกับต้องรีบไปยังบ้านของ ซินฟง ทันที
หู่ คัง ผู้ซึ่งเป็นผู้นำพร้อมกับคนอื่นๆนั้น มาถึงยังบ้านของซินฟงแล้ว และ หู่ คัง นั้นก็ดูแลครอบครัวของซินฟงมาด้วยเสมอเมื่อเวลาครอบครัวนี้ทุกข์ยาก ถึงแม้ว่าครอบครัวนี้จะเป็น ตระกูล เล่ย!!ซึ่งถือว่าเป็นตระกูลอื่น แต่เพราะการอยู่ภายใต้การปกครองของเขา เขาก็ถือว่าเป็นประชากรในปราการผาพยัคฆ์ เช่นกัน
ทุกๆคนแสดงความต้อนรับต่อ หู่ คัง ที่มาถึง ทันทีนั้นทุกๆคนก็สังเกตเห็น ก้อนเนื้อกระทิง จัดวางอยู่ ทำให้ทุกคนออกอาการตื่นเต้นยินดีอย่างยิ่ง
เก่อ ต้าถาน และ หู่ ต้า เป็นคนจัดแจงแบ่งเนื้อ ซึ่งซินฟงนั้น ได้รับมาเป็นส่วนที่มากที่สุดเพราะว่าเขาเป็นผู้ที่ล้มมันลงได้
“อาฟง หากไม่ได้เจ้าแล้วล่ะก็ ปีนี้ปราการผาพยัคฆ์ของพวกเราคงขาดแคลนเสบียง แต่เจ้าจะสามารถช่วยพวกเราทุกคนได้ ฮ่าๆ !!” หู่ คัง กล่าวชมเชยยกยอไปยัง ซินฟง
“ท่านผู้นำ หลานชายของข้ายังมีอายุเพียงสิบหกปี ซ้ำยังเคยออกล่าสัตว์ได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น จะสามารถช่วยท่านได้อย่างไรกัน?” เล่ย เปา ผู้ซึ่งเป็นปู่ของ ซินฟง กล่าวขึ้นไปยังท่านผู้นำด้วยความกังวล
“พี่ชายเล่ย หลานชายของท่านผู้นี้ฝีมือฉกาจยิ่ง ซึ่งการออกล่าสัตว์ครั้งแรกยังสามารถล้มกระทิงได้นั้น ถือว่าไม่ธรรมดาทีเดียว ฮ่าๆ”
“ พี่ชายเล่ย ท่านน่าจะทราบว่าปีนี้การล่าสัตว์ของพวกเราเป็นไปด้วยความยากลำบากเพียงใด ตัวข้าคิดว่าจำเป็นจะต้องจัดตั้งคณะที่มีความสามารถ และข้าคิดว่าอาฟงสมควรจะเป็นหนึ่งในคณะนั้น!!” หู่ คัง กล่าวขึ้นปนหัวเราะ
“ท่านต้องการให้ อาฟงของข้า มีหน้าที่หลัก คือการเป็นนักล่าอย่างนั้นรึ?” เล่ย เปา กล่าวถามไปยังท่านผู้นำ ด้วยใจคอไม่สู้ดีนัก
“พี่ชายเล่ย การที่จะให้ อาฟง มีหน้าที่หลักคือการเป็นนักล่านั้น เราจะไม่ให้เขาต้องมารับภาระหรือหน้าที่อื่นใดเลย ให้เป็นไปเช่นนั้นอย่างเดียว!!” ท่านผู้นำ หู่ คัง กล่าวพร้อมกับยิ้มขึ้นอย่างแช่มชื่นแววตาเป็นประกายจับ!!
ซึ่งนักล่าคนอื่นๆที่อยู่ในเหตุการณ์นั้น ดูจะเห็นด้วยกับ หู่ คัง พวกเขาแสดงออกด้วยอาการดีอกดีใจ เพราะว่าการล่ากระทิงนั้นไม่ใช่เรื่องที่ทำได้ง่ายๆเลย
ซึ่งอะไรจะดีไปกว่าการล้มกระทิงได้ ที่เนื้อสามารถนำมาเป็นอาหารได้มากมาย ส่วนหนังของมันสามารถนำมาทำเป็นเสื้อผ้าหรือชุดเกราะได้ และเขาก็สามารถใช้ทำเป็นแตร ที่ใช้ส่งสัญญาณสื่อกันได้ ซึ่งสามารถหาประโยชน์จากกระทิงได้อย่างมากมาย!!
“ถ้าอย่างนั้นก็ถือว่าเป็นเรื่องดี อาฟง เคยได้รับการช่วยเหลือจากทุกๆคนไว้ ถือว่าเป็นการตอบแทนก็แล้วกัน!!” เล่ย เปา กล่าวพร้อมถอนหายใจอย่างไม่สบายใจเท่าไรนัก
ส่วนหู่ คัง ซึ่งได้ยินคำกล่าวนั้น ก็มีสีหน้าปิติยินดีขึ้นมาทันที!!
“ไม่เกี่ยวกับเรื่องนั้นหรอกท่านปู่ ข้ายินดีและเต็มใจที่จะรับหน้าที่เป็นนักล่า!!” ซินฟง เขาไม่มีความลังเลอย่างใดเลย เขามองว่าการเป็นนักล่านั้นถือว่าเป็นงานที่มีเกียรติ!!
“ดีมาก อาฟง ฮ่าๆ!! เจ้าไปพักผ่อนเถอะ ข้าได้เรียกตัวนักล่าเพื่อมาประชุม แต่น่าเสียดายยังมีบางส่วนอยู่ในการล่าสัตว์ข้างนอกอยู่ ข้าจะเรียกประชุมใหม่ในวันพรุ่งนี้!!” หู่ คัง กล่าว
ซึ่งผู้ที่จะได้รับหน้าที่หลักคือการเป็นนักล่าอย่างเดียวนั้น กล่าวคือต้องเป็นผู้ที่มีความสามารถ และการล่าสัตว์เป็นคณะใหญ่ซึ่งมีความซับซ้อนมาก ซึ่งเป็นกลุ่มคณะที่รวมตัวของนักล่าที่มีความสามารถสูงเข้าด้วยกัน จะล่าเหยื่อที่เป็นสัตว์ใหญ่เป็นพิเศษไม่ใช่สัตว์ใหญ่ทั่วๆไปนั้นเอง!!
ซึ่งในปราการผาพยัคฆ์นั้น ถือเป็นเรื่องที่ไม่เคยมีใครจะคาดคิดเอาไว้ว่า เด็กหนุ่มวัย สิบหกปีนั้นจะสามารถเข้ารับหน้าที่หลักโดยการเป็นนักล่าในปราการผาพยัคฆ์!!
การที่ผู้นำ หู่ คัง จะแต่งตั้งซินฟง ให้เป็นนักล่าหลักนั้น ก็คงจะไม่มีใครแปลกใจสักเท่าไร เพราะข่าวที่ว่าซินฟงล้มกระทิงได้นั้นแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว!!
ยามเช้าตรู่ของวันถัดมา ขณะที่ท้องฟ้ายังคงมืดสลัว ทุกคนมาชุมนุมกันตามเวลาที่นัดหมายเอาไว้
ซึ่งนำโดยผู้นำหู่ คัง ประกอบกับนักล่ากว่าร้อยคน รวมไปถึงฝูงชนอีกราวสองร้อยกว่าชีวิต ครั้นเมื่อจัดแจงกลุ่มคณะออกล่าเรียบร้อย ฝูงชนดังกล่าวก็หลีกทางให้คณะออกล่านั้นออกเดินทางเพื่อไปยังบริเวณแอ่งน้ำที่เคยพบฝูงกระทิง!!
ซินฟงเดินตามสองนักล่าที่เป็นผู้นำของกลุ่มคณะนั้น โดยมีคนอื่นๆในคณะเดินปิดท้ายขบวนตามลำดับ!!
แต่ไม่ทันที่กลุ่มคณะนั้นจะก้าวผ่านอาณาเขตแต่อย่างใด ก็ปรากฏเสียงแตรสัญญาณดังขึ้น!!
“คุ้มกันคนของพวกเราเอาไว้ อย่าให้พวกป้อมอินทรีย์ทำร้ายคนของพวกเราได้!!”
ท่านผู้นำ หู่ คัง ตะโกนสั่งการขึ้น!!
ทันทีนั้นเองในกลุ่มคณะนักล่าหลัก ที่เต็มไปด้วยคนที่มีความสามารถนั้น ก็มีปฏิกิริยาตอบสนองต่อคำสั่งอย่างรวดเร็ว รวมไปถึงซินฟงที่มีไหวพริบทันๆกัน เขาคว้าศรทมิฬของเขาขึ้นมาอยู่ในท่าทีที่เตรียมพร้อมต่อสถานการนั้น
เก่อ ต้าถาน เก่อ จือ และ เก่อ หนานซาน นั้นตระหนักขึ้นได้ทันทีว่านี่คงเป็นการบุกรุกของพวกป้อมอินทรีย์เพื่อแก้แค้นพวกเขาแน่ๆ
ซึ่งการรุกรานของพวกมันครั้งนี้ เป็นเรื่องที่ไม่ดีแน่เพราะประชากรล้วนมารวมตัวกันพอดีที่ลานชุมนุมนี้
“อพยพผู้หญิงและเด็กออกไปจากตรงนี้ก่อน !!” หู่ คัง ตะโกนขึ้นสั่งการ
ทันทีนั้นนักล่าในปราการผาพยัคฆ์ที่มีจำนวนร้อยกว่าชีวิตนั้น เคลื่อนตัวเป็นลักษณะวงกลมล้อมรอบ พวกผู้หญิงและเด็กเอาไว้เพื่อปกกันในขณะที่กำลังอพยพ
ซินฟงจับสังเกตได้ที่เบื้องหน้าของเขาว่า มีศัตรูอยู่ประมาณไม่ต่ำกว่ายี่สิบคน
“พวกมันมีพลธนู!! ระวังด้วย!!” นักล่าคนหนึ่งตะโกนเตือนขึ้น
พลธนูนั้นก็คือนักล่าที่มีการใช้ธนูได้อย่างแม่นยำ เมื่อได้ยินเช่นนั้นแล้วหลายๆคนก็วิ่งยึดที่กำบังตนอย่างรวดเร็ว เพื่อไม่ให้ตกเป็นเป้านิ่ง!!
เก่อ ต้าถาน ยึดที่กำบังอยู่ตรงบริเวณหลังต้นไม้ขนาดใหญ่ต้นหนึ่ง ทันทีนั้นเขาก็ง้างธนูของยิงสวนออกไป แต่ทว่าลูกธนูนั้นไม่สามารถไปถึงยังเป้าหมายได้ เพราะบริเวณนั้นมีต้นไม้ใหญ่ขึ้นปกคลุมอยู่ กีดขวางวิถีของลูกธนูไว้!!
นักล่าส่วนมากเคยมีประสบการณ์เช่นนี้มาแล้ว ซึ่งพวกเขาไม่มีทางลืมสิ่งที่เคยเกิดได้ ถึงการถูกรุกราน และความสูญเสียที่ปราการผาพยัคฆ์เคยได้รับ
By.GOT