px

เรื่อง : เทพอสนีบาต God of Thunder
บทที่ 18 – ความลับของการถูกฟ้าผ่า ช่วงปลาย


หู่ คัง ลังเลเล็กน้อย ก่อนจะกล่าวออกมาว่า “เสี่ยวฟง เจ้าน่าจะรู้ดีว่าตอนนี้อาหารของพวกเราที่เตรียมเอาไว้ ไม่เพียงพอสำหรับฤดูหนาว ตอนนี้เจ้าเองก็เป็นนักล่าหลักของพวกเราแล้ว พวกเราจึงอยากจะฟังความคิดเห็นของเจ้า !!”



สำหรับนักล่าภายในปราการผาพยัคฆ์นั้น พวกเขาไม่เพียงแต่ต้องล่าอาหารเพื่อตัวเองเท่านั้น แต่จำเป็นต้องล่าเพื่อให้เพียงพอสำหรับทุกๆ คนอีกด้วย ดังนั้น ในการล่าจึงจำเป็นต้องให้เหล่านักล่าร่วมกันวางแผนสำหรับการล่า แต่ทว่า ซินฟง นั้นเป็นเพียงเด็กหนุ่มที่มีอายุเพียงสิบหกปีเท่านั้น ซึ่งหากเป็นในโลกเดิม ด้วยวัยของเขาก็ยังไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบสิ่งใดแต่อย่างใด อีกทั้งตอนนี้ ซินฟง ยังได้ถูกปู่ของเขากำชับเอาไว้ว่าห้ามออกไปจากที่นี่อีกด้วย



   “ท่านผู้นำ , ท่านลุงเก่อ ตอนนี้ท่านปู่ของข้าได้ออกเดินทางไปด้านนอก ท่านได้สั่งไว้ว่าห้ามไม่ให้ข้าออกไปด้านนอกปราการผาพยัคฆ์จนกว่าท่านจะกลับมา หากว่าท่านปู่ของข้ากลับมาเมื่อใดก็ตาม พวกเราจะเตรียมการล่าสัตว์ในทันที เมื่อถึงเวลานั้น ข้าจะเป็นคนรับผิดชอบในการล่ากระทิงป่า ส่วนนักล่าคนอื่นๆ ก็รับผิดชอบในด้านการลำเลียงกลับมายังที่นี่ หากเป็นเช่นนั้นพวกเราจะไม่อดอยากเมื่อถึงฤดูหนาวแน่นอน !!” ซินฟง กล่าวออกมาหลังจากนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง



   “ในการล่าที่จะมาถึง พวกเราควรเร่งเวลาในการล่า และการขนย้ายให้มากขึ้นกว่าเดิม เพื่อป้องกันการโจมตีจากป้อมอินทรีย์ด้วย !!”



ในเวลานั้น เหล่านักล่าก็พากันพยักหน้ารับ หลังจากที่ได้ผ่านการสูญเสียเหล่านักล่าไปกว่าหลายสิบคนเช่นนี้ พวกเขาก็ไม่ต้องการให้เกิดการปะทะกันขึ้นอีกแม้แต่นิดเดียว



สำหรับการล่ากระทิงป่าแล้วนั้น พวกเขาไม่มีความคิดเห็นแต่อย่างใด เพราะถึงอย่างไรแล้วก็จะต้องสำเร็จอย่างแน่นอน และยิ่งสำหรับ ซินฟง แล้ว หลังจากที่เขาได้มาถึงระดับผู้ใช้พลังเคลื่อนพันขั้นนั้น มันก็ทำให้เขามั่นใจอย่างมาก ว่าเขาจะสามารถล่ากระทิงป่าได้อย่างง่ายดาย



หลังจากที่ได้รับข้อสรุปเช่นนั้น หู่ คัง ก็ได้กล่าวออกมาว่า “ถ้าเช่นนั้นก็เอาตามนี้ !!” เห็นได้ชัดว่าเขาเห็นด้วยกับแผนการที่ได้ตกลงเอาไว้อย่างไม่มีข้อโต้แย้งแต่อย่างใด



หลังจากนั้นพวกเขาก็ได้พูดคุยกันอีกเล็กน้อย ก่อนที่ทุกคนจะแยกย้ายกันออกไป



เมื่อทุกคนได้แยกย้ายกันออกไปแล้วนั้น ซินฟง ก็ได้นั่งอยู่ภายในบ้านของเขาอย่างสงบ เพื่อทบทวนตามคำกล่าวของปู่ของเขา



ตอนนี้เขาเพียงแค่ได้เริ่มฝึกฝนพลังเคลื่อนอสนีเท่านั้น ซึ่งยังมีอีกหลายสิ่งที่เขายังไม่ได้รับรู้เกี่ยวกับพลังเคลื่อนอัสนีที่เขามี ถึงแม้ว่าเขาจะสามารถใช้ประโยชน์จากพลังเคลื่อนได้ก็ตาม แต่เขาก็ยังไม่รู้อะไรมานักอยู่ดี



หากเทียบพลังเคลื่อนอัสนีของเขากับพลังเคลื่อนอื่นๆ แล้วนั้น ก็นับว่าเขายังมีความคุ้นชินอยู่ไม่น้อย เพราะในชีวิตก่อนของเขานั้น เขาได้เรียนทางด้านวิศวกรไฟฟ้ามาบ้าง แต่สำหรับการฝึกฝนพลังเคลื่อนอัสนีแล้วนั้น เขาก็ยังไม่เข้าใจได้อย่างชัดเจนแต่อย่างใด



หลังจากที่ ซินฟง ได้ฝึกฝนการบีบอัดวงแหวนพลังเคลื่อนอสนีอย่างต่อเนื่องแล้วนั้น เขาก็สามารถควบคุมมันได้โดยสมบูรณ์ อีกทั้งเขายังพบว่าช่องว่างภายในร่างกายของเขาที่มีขนาดเพียงเท่ากับกำปั้นนั้น ได้ขยายขนาดขึ้นจนมีเส้นผ่านศูนย์กล่าวยาวกว่าสองฟุตแล้ว



ความจริงแล้วหลังจากที่พลังเคลื่อนของเขาก้าวมายังระดับหนึ่งร้อยขั้นแล้วนั้นช่องว่างภายในร่างกายของเขาก็มีขนาดใหญ่เท่ากับลูกบอลลูกหนึ่งแล้ว แต่เพราะการฝึกฝนที่รวดเร็วของเขานั้น มันจึงทำให้ ซินฟง ไม่มีเวลามากพอที่จะขยายมันเป็นหนึ่งพันขั้น

 



ดังนั้น เมื่อ ซินฟง พบว่าพื้นที่ซ่อนพลังเคลื่อนภายในร่างกายของเขาขยายขนาดขึ้นเช่นนี้ มันก็ทำก็ทำให้เขามีความสุขอย่างมาก เพราะนั่นเท่ากับว่าเขาสามารถใส่สิ่งของเขาไปได้มากขึ้นกว่าเดิมอย่างแน่นอน และยังนับว่ามันเป็นความสะดวกมากกว่าการพกพากระเป๋าติดตัวไปด้วยอย่างมาก



ทว่า ซินฟง ไม่ได้รับรู้แม้แต่นิดเดียวว่าพื้นที่ซ่อนพลังเคลื่อนภายในร่างกายของเขานั้น พิเศษกว่าผู้ใช้พลังเคลื่อนระดับพันขั้นคนอื่นๆ อย่างมาก ซึ่งพื้นที่ซ่อนพลังเคลื่อนในร่างกายของเขามีขนาดใหญ่กว่าคนอื่นๆ อย่างชัดเจน



อย่างไรก็ตาม แม้ว่าพื้นที่ซ่อนพลังเคลื่อนภายในร่างกายของเขาจะขยายขนยาดขึ้นก็ตาม แต่ ซินฟง ก็ยังไม่ได้นำสิ่งใดใส่เข้าไปภายในนั้นอยู่ดี



ในขณะเดียวกันนั้น ทางด้าน เล่ย เปา ที่กำลังฟื้นฟูพลังของเขากลับมาด้วยฟ้าผ่านั้น พื้นที่ซ่อนพลังเคลื่อนภายในร่างกายของเขาก็ได้ขยายขนาดขึ้นอย่ามาก ซึ่งในตอนนี้ มันมีเส้นผ่านศูนย์กลางที่ยาวเกือบยี่สิบเมตรแล้ว



นอกเหนือจาก วงแหวนพลังเคลื่อน , ตราประทับวงแหวนพลังเคลื่อน และระเบิดพลังเคลื่อน แล้วนั้น เขายังสามารถนำสมบัติต่างๆ เข้ามาซ่อนไว้ภายในพื้นที่ซ่อนพลังเคลื่อนได้อีกด้วย หากว่าผู้ใช้พลังเคลื่อนคนนั้นๆ ได้ตายลงไปแล้วนั้น สมบัติที่อยู่ภายในจะปรากฏออกมาด้านนอกทั้งหมด



และเขาที่เป็นถึงคนที่เข้าใกล้ความแข็งแกร่งสูงสุดเมื่อสี่สิบปีก่อน ย่อมมีสมบัติล้ำค่าจำนวนมากอย่างแน่นอน



ในเวลานี้ เล่ย เปา ได้ติดตามกลุ่มเมฆดำทะมึนเพื่อฟื้นฟูพลังของเขามากว่าสิบวันแล้ว แม้ว่าในตอนนี้เขาจะพบกับกลุ่มเมฆดำทะมึนอีกครั้ง แต่เขาก็ไม่ได้สนใจแต่อย่างใด



“กลับบ้านดีกว่า !!”



เล่ย เปา กล่าวพร้อมกับมุ่งหน้ากลับไปยังปราการผาพยัคฆ์ด้วยความรวดเร็วอย่างมาก แต่ในระหว่างทางเขากลับต้องชะลอความเร็วของเขาลง หลังจากที่ได้พบกับคนของป้อมอินทรีย์โดยบังเอิญ



“ป้อมอินทรีย์ !!”



ในอดีตนั้น เล่ย เปา เป็นคนที่แข็งแกร่งอย่างมาก เขาสังหารศัตรูของเขามาจำนวนนับไม่ถ้วน ด้วยพลังของเขาเพียงแค่ฝ่ามือเดียวก็สามารถจัดการกับผู้นำของป้อมอินทรีย์ได้อย่างง่ายดาย



“ปล่อยไว้ให้ ฟงเอ๋อ ได้ยืดเส้นยืดสายดีกว่า !!” เล่ย เปา กล่าวออกมาด้วยความลังเลเล็กน้อย ก่อนจะมุ่งหน้ากลับไปยังปราการผาพยัคฆ์



ในเวลานี้ การฝึกฝนของ ซินฟง ก็ก้าวหน้าไปย่างมาก เขามีพลังเคลื่อนอยู่ในระดับสามพันขั้นพลังเคลื่อน ซึ่งมันทำให้เขามีความสุขอย่างมาก เพราะนี่เป็นระดับพลังที่เขาสามารถออกไปจากปราการผาพยัคฆ์ได้



ในวันนี้ ซินฟง และ เหยาเหยา ได้นำหนังกระทิงป่าแจกจ่ายไปตามครอบคัวต่างๆ



“เหยาเหยา พวกเรายังต้องเอาหนังกระทิงป่าไปอีกหลายครอบครัวนะ !!” ซินฟง กล่าว



ภายในปราการผาพยัคฆ์นั้น เล่ย ซิงเหยา มีชื่อเสียงอย่างมาก ด้วยความน่ารัก และน่าเอ็นดูของนาง ก็ทำให้ เล่ย เปา และ ซินฟง ได้รับสิ่งต่างๆ มากมายเพื่อเจือจุนครอบครัวของพวกเขา ดังนั้น เมื่อพวกเขานำหนังกระทิงป่าออกมาแจกจ่ายเช่นนี้ มันจึงไม่แปลกที่พวกเขาจะได้รับสิ่งตอบแทนกลับไป



โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเลาะหนังกระทิงป่านั้นเป็นเรื่องยากอย่างมาก มันจึงเป็นเรื่องธรรมดาที่คนอื่นๆ จะมอบสิ่งตอบแทนให้กับ เหยาเหยา และ ซินฟง กลับมา



แม้ว่าการเลาะหนังกระทิงป่าจะเป็นเรื่องยากสำหรับคนอื่นๆ ก็ตาม แต่สำหรับ ซินฟง แล้วมันกลับเป็นเรื่อง่ายอย่างมาก



ในขณะที่พวกเขากำลังง่วนอยู่นั้น ที่ลานหน้าบ้านของพวกเขาก็ได้มีเสียงของ เล่ย เปา ดังขึ้นมาว่า “ข้ากลับมาแล้ว !!”



เมื่อได้ยินเสียงของ เล่ย เปา ดังขึ้นมาเช่นนั้น มันก็ทำให้ เล่ย ซิงเหยา และ ซินฟง มีความสุขอย่างมาก เพราะเวลาที่ปู่ของพวกเขาจากไปนั้น มันไม่ได้เป็นเวลาสั้นๆ แต่อย่างใด แต่มันกลับเป็นเวลากว่าสิบวันที่เขาได้ออกเดินทางไป



“ท่านปู่ นี่ท่าน.......!!” ในเวลานั้น ซินฟง ก็ต้องประหลาดใจอย่างมาก เพราะเขาพบว่าริ้วรอยบนใบหน้าของ เล่ย เปา นั้นจางลงอย่างมาก อีกทั้งร่างกายของเขายังดูแข็งแรงขึ้นกว่าเดิมอย่างชัดเจน ด้วยรูปลักษณ์ภายนอกที่เปลี่ยนแปลงไปเช่นนี้ มันก็ทำให้ ซินฟง ตระหนักดีว่าไม่มีสิ่งใดทำให้ปู่ของเขาได้รับอันตรายได้อย่างแน่นอน



“เหยาเหยา เจ้าคิดถึงปู่ไหม !?” เล่ย เปา กล่าวพลางนั่งยองๆ พร้อมกับความ เล่ย ซิงเหยา เข้ามาในอ้อมกอดของเขา



“ข้าเฝ้าคิดถึงท่านปู่ทุกวันเลย !!” เล่ย ซิงเหยา กล่าวออกมาด้วยความสุข



“เหยาเหยา เจ้านี่น่ารักจริงๆ !!”  เล่ย เปา กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม



หากว่าตลอดเวลาสี่สิบปีที่ผ่านมานั้น มีคนที่สังเกตอย่างละเอียดแล้ว พวกเขาจะพบว่า เล่ย เปา ไม่เคยได้ยิ้มอย่างมีความสุขออกมาเช่นนี้มาก่อน และแม้แต่แววตาที่อ่อนโยนของเขาก็ไม่ปรากฏออกมาแม้แต่นิดเดียว



“นี่เตรียมหนังกระทิงป่าแลกกับอาหารหรือ !?” เล่ย เปา กล่าวถามออกมา ขณะที่กอด เล่ย ซิงเหยา เอาไว้ในอ้อมแขน



“เรื่องนี้ต้องขอบคุณพี่ชาย ที่ช่วย เหยาเหยา !!” เล่ย ซิงเหยา กล่าว



“ที่ทุกคนดีกับพวกเราใจดีกับพวกเราเช่นนี้ ต้องขอบคุณเจ้ามากกว่า เหยาเหยา ฮ่าๆ ......!!” เล่ย เปา กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม



“ท่านปู่ ท่านปลอดภัยดีใช่ไหม !?” หลังจากที่เห็นความเปลี่ยนแปลงไปอย่างชัดเจนของ เล่ย เปา เช่นนี้ ซินฟง ก็อดไม่ได้ที่จะกล่าวถามออกมา



“ทั้งหมดนี่เป็นเพราะเจ้าเลย ถึงทำให้ข้ารู้สึกดีเช่นนี้ !!” เล่ย เปา พยักหน้ารับ ก่อนจะกล่าวออกมาว่า “ข้ามีอะไรจะให้เจ้าด้วย !!”



“อะไรหรือ !?” ซินฟง กล่าวถามออกมาด้วยความตื่นเต้นอย่างมาก เพราะก่อนหน้านี้ เข็มระเบิดอสนี ที่ เล่ย เปา มอบมาให้นั้น เป็นสิ่งที่เขาประทับใจอย่างมาก 


By.GOT

รีวิวผู้อ่าน