ตอนที่ 31 จุดจบของอาชญากร
ตรงบันได ฉีหลินผลักฉินอวี่ออกพร้อมกล่าวอย่างกระวนกระวาย “แค่ทำเป็นไม่สนใจและปล่อยฉันจัดการเองไม่ได้เหรอ?”
“นายรู้ดีว่าฉันเป็นคนยังไง ฉันจะไม่ยุ่งเลยถ้าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับนาย!” ฉินอวี่ตะคอกพลางชี้นิ้วไปยังหน้าอกฉีหลิน “ใจเย็นลงหน่อยเถอะ ตอนนี้อาหลงกำลังถูกหมายหัวจากสำนักงานใหญ่ คิดจริงๆ เหรอว่าจะช่วยออกไปได้? ต่อให้วางแผนมาเป็นปีก็ใช่ว่าจะสำเร็จ แล้วแม่ น้องสาวกับเมียนายอีก...ทั้งงานและครอบครัว ไม่คิดเป็นห่วงบ้างรึไง?”
ฉีหลินชะงักไปชั่วครู่ เม็ดเหงื่อไหลเต็มหน้า เขาตอบกลับด้วยน้ำเสียงสับสน “ฉันยังไม่หมดหวัง อาหลงเพิ่งถูกจับมาได้ไม่นาน...และกว่าจะถูกย้ายไปขังในเรือนจำก็พรุ่งนี้เช้า ฉันพอรู้จักคนในสำนักงานใหญ่อยู่บ้าง ด้วยเส้นสายที่มีฉันจะหาเส้นทางขนย้ายนักโทษเอง ส่วนนายก็ทำเป็นหูหนวกซะก็จบ”
“ฉันไม่เข้าใจว่าอาหลงเป็นอะไรกับนาย? ทำไมถึงต้องเสี่ยงชีวิตขนาดนี้?” ฉินอวี่ถามด้วยความอยากรู้ “นายตกลงทำธุรกิจใต้ดินกับเขาหรือโดนจ้างมารึไง?”
“รู้ไหมว่าทำไมวันนั้นฉันถึงไม่ยิงอาหลง?” ฉีหลินเริ่มควบคุมอารมณ์ไม่ได้ “เพราะเขาเป็นพี่ชายแท้ๆ ของฉัน! ทีนี้เข้าใจรึยัง?!”
ฉินอวี่ตกตะลึงทันทีที่ได้ยิน
“ฉินอวี่ นายฟังฉันให้ดี” ฉีหลินสูดหายใจลึกก่อนจะเริ่มอธิบายเรื่องราวทุกอย่าง “ฉันไม่รู้ว่าจะปิดบังความสัมพันธ์กับอาหลงได้นานแค่ไหน เพราะถ้าเรื่องนี้ถูกเปิดเผย...ฉันจะถูกจับตามองข้อหาสมรู้ร่วมคิด และคงต้องเสียโอกาสหลายอย่างในชีวิตไป…”
“ฉันเตรียมการไว้แล้ว พรุ่งนี้เช้าหลังออกเวร ฉันจะไม่กลับบ้าน...แต่ตรงไปที่หอพักอ้างว่าอยากพักผ่อนและให้กล้องวงจรปิดช่วยเป็นพยานที่อยู่ เมื่อคนจากสำนักงานใหญ่มารับตัวอาหลง ฉันจะดักโจมตีพวกเขากลางทาง ถ้าทุกอย่างเป็นไปตามแผนก็จะสามารถช่วยเขาได้ หรือถ้าไม่สำเร็จ...ฉันจะซ่อนตัวให้แนบเนียน เพราะอาหลงมาจากเขตพัฒนา ไม่มีใครรู้ว่าเขามีคนสมรู้ร่วมคิดอยู่ฝั่งนั้นอีกหรือเปล่า ฉันจะรอดตัวตราบใดที่ไม่โดนจับได้คาหนังคาเขา เข้าใจหรือเปล่า?”
“ตอนปฏิบัติภารกิจ นายไม่กล้าเข้าใกล้ผู้ร้ายด้วยซ้ำ คิดจริงๆ เหรอว่าจะเอาชนะหน่วยคุ้มกันได้? ประมาทเกินไปแล้ว…”
“ฉันไม่ได้อยากเสี่ยงชีวิต แต่มีทางเลือกไหมล่ะ? จะทนอยู่เฉยๆ ดูเขาตายไม่ได้หรอก!”
ฉินอวี่พูดไม่ออก
“เอาเป็นว่านายอย่ายุ่งแล้วกัน!” ฉีหลินก้มหน้าเดินออกจากบันได
“กริ๊ง…”
ทันใดนั้นสัญญาณฉุกเฉินก็ดังก้องทางเดิน ตามมาด้วยเสียงประกาศจากห้องควบคุม “แจ้งเจ้าหน้าที่ห้องสอบสวนสามให้รีบเข้าไปดูผู้ต้องหา! เกิดเรื่องกับอาหลง!”
เสียงประกาศทำให้ฉินอวี่และฉีหลินถึงกับตกตะลึง
หยวนเค่อที่อยู่ชั้นหนึ่งได้ยินสัญญาณฉุกเฉินตื่นตระหนกก่อนจะตะโกนสั่ง “รีบไปดูเร็ว!”
…
เสียงฝีเท้าชุลมุนก้องทางเดิน เจ้าหน้าที่ตำรวจต่างรีบไปทางห้องสอบสวนทันทีหลังได้ยินประกาศจากห้องควบคุม
บริเวณทางเข้าห้องสอบสวนสาม ตำรวจสี่นายที่เฝ้าอยู่รีบเปิดประตูเหล็กเข้าไปก่อนจะพบว่าอาหลงกำลังกระแทกหัวตัวเองกับเก้าอี้เหล็กเหมือนคนเสียสติ
“ทำอะไรของแก? อย่ามาใช้ลูกไม้ตื้นๆ!” ตำรวจนายหนึ่งพุ่งเข้าไปห้ามอาหลง
“ตึก ตึก ตึก!”
อาหลงยังคงเอาหัวกระแทกพนักเก้าอี้ไม่หยุดจนหัวแตก ทั้งปากและจมูกเริ่มมีเลือดไหลออกมา
ตำรวจที่นำเข้าไปดึงผมอาหลงก่อนตะโกนสั่งว่า “กดมันไว้เร็วเข้า!”
“ฮ่าๆๆ!” อาหลงหัวเราะอย่างบ้าคลั่งขณะจ้องหน้านายตำรวจเบื้องหน้า “สายไปแล้ว!”
ไม่นาน หยวนเค่อ ซูอัง ฉินอวี่ ฉีหลินและคนอื่นๆ ก็มาถึงห้องสอบสวน
“เกิดบ้าอะไรขึ้น?” หยวนเค่อถามอย่างเหนื่อยหอบ
นายตำรวจที่เป็นคนเปิดประตูหันมารายงานว่า “จู่ๆ เขาก็เอาหัวกระแทกเก้าอี้ครับ ผะ...ผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น…”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฉีหลินรีบพุ่งตัวหมายจะเข้าไปหาพี่ชายแต่ถูกฉินอวี่คว้าแขนห้ามไว้ก่อนจะส่ายหัวด้วยสีหน้าจริงจัง
กลับกันเป็นหยวนเค่อที่พุ่งเข้าไปด้านในและตะโกนสั่งว่า “ง้างปากมันออกเดี๋ยวนี้!”
นายตำรวจทั้งสี่กดหัวอาหลงและพยายามง้างปากที่เต็มไปด้วยเลือดออก
หยวนเค่อเบิกตากว้างพลางใช้นิ้วแยงเข้าไปในปากอาหลงโดยไม่กลัวโดนกัด เขาพยายามควานหาฟันปลอมที่อยู่ในนั้น
“อึก!”
อาหลงสำลักเลือดจำนวนมากที่ทะลักออกจากปาก
หยวนเค่อมองฟันปลอมที่ดึงออกมาพลางผงะถอยหลังไปสองก้าว
ฟันปลอมน่าขยะแขยงในมือเขาถูกเคลือบด้วยพลาสติกสีดำแต่แกนกลางว่างเปล่า
“มันคืออะไร?” ผู้กำกับหลี่เอ่ยถาม
“มันคือฟันปลอม อะ...ไอ้หมอนี่พยายามกะเทาะฟันปลอมครับ” หยวนเค่อพูดตะกุกตะกัก
ผู้กำกับหลี่ตกตะลึงที่ได้ยิน
อาหลงที่นั่งอยู่บนเก้าอี้เหล็กสะบัดมือตำรวจทั้งสี่ออกก่อนจะยิ้มด้วยสีหน้าเหมือนคนโรคจิตพร้อมกล่าวว่า “ฉันคิดไว้ตั้งแต่เริ่มทำงานนี้แล้วว่าจะตายยังไง ในฟันปลอมมียาพิษ และฉันกลืนมันไปเรียบร้อยแล้ว…”
“ฉิบหาย!” หยวนเค่อสบถลั่นพลันถีบหน้าอกอาหลงอย่างเกรี้ยวกราด “รีบปลดโซ่แล้วพามันไปโรงพยาบาลเร็ว!”
อาหลงยังคงจ้องหน้าหยวนเค่อและหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง “พวกแกมันอันตรายเกินไป คนต่ำต้อยอย่างฉันต่อให้ต้องแลกด้วยชีวิตก็คงเอาชนะไม่ได้ แต่ฉันจะบอกอะไรให้นะหยวนเค่อ...ทุกอย่างที่แกทำอยู่ในสายตาพระเจ้า และฉันไม่เชื่อว่าพระองค์จะมองดูแกพรากชีวิตคนอื่นแลกกับผลประโยชน์ตัวเองเฉยๆ แน่ ฉันจะสาปส่งสัตว์นรกอย่างพวกแกให้ตายตก...ขอให้ตายอย่างอนาถเหมือนที่ทำกับคนอื่น!”
ทุกคนต่างนิ่งเงียบทันทีที่ได้ยิน
อาหลงตะโกนด้วยน้ำเสียงแหบแห้งพร้อมกับไหล่ที่เริ่มกระตุกว่า “พี่น้องทั้งหลายที่อยู่ในห้องขังอย่าได้กลัว! ฉันไม่ได้สารภาพอะไรไป กัดฟันไว้แล้วทุกอย่างจะผ่านไปด้วยดี!”
ฉีหลินกำหมัดแน่นก่อนจะเดินออกไปเมื่อได้ยินอาหลงพูด เขารู้ว่าประโยคนั้นหมายถึงเขา
ฉินอวี่คว้าแขนฉีหลินพลางยื่นหน้าไปกระซิบว่า “ไม่เข้าใจรึไง? เขายอมฆ่าตัวตายที่นี่เพราะไม่อยากให้นายทำอะไรโง่ๆ เพราะฉะนั้นต่อให้เกิดอะไรขึ้นก็อดทนไว้!”
“อึก!”
ร่างอาหลงบนเก้าอี้เหล็กกระตุกอย่างแรงพร้อมกระอักเลือด
เมื่อสถานการณ์ตรงหน้า หยวนเค่อจึงยกเลิกคำสั่งให้พาตัวไปโรงพยาบาล เขากำฟันปลอมแน่นพลางคุกเข่าข้างอาหลงและกระซิบว่า “แกคิดว่าสิ่งที่แกปิดบังอยู่จะตายไปพร้อมกันงั้นเหรอ?”
อาหลงค่อยๆ หันมองหยวนเค่อ
“ฉันรู้ว่าแกแอบติดต่อกับตำรวจในสำนักงาน และมันอยู่ที่นี่ด้วย...ใช่รึเปล่า?” หยวนเค่อแสยะยิ้ม
อาหลงสติขาดผึงทันทีที่ได้ยิน เขาถ่มเลือดทิ้งพลางสบถด่าด้วยความโมโหถึงขีดสุด “ไอ้สัตว์นรก! ไปตายซะไอ้หยวนเค่อ!”
………………………………….