เซี่ยฉิงกงกินอาหารเย็นจนเสร็จเรียบร้อยอย่างเงียบ ๆ
ทันทีที่เธอวางตะเกียบลง เซี่ยเจิ้งหัวก็กระแอมขึ้น
"ฉิงกง..."
"คุณพ่อ"
เซี่ยฉิงกงเช็ดมุมปากของเธอด้วยท่าทางสง่างาม พลางกล่าวขัดจังหวะคำพูดของเซี่ยเจิ้งหัว
"เมื่อคืนหนูเพิ่งกลับบ้านตระกูลเซี่ย มาวันนี้หนูก็ต้องไปกับคุณชายมู่งั้นหรือคะ ?"
"ฉิงกง ลูกรู้แล้วหรือ ? คือเรื่องเป็นอย่างนี้ ... "
เซี่ยเจิ้งหัวรู้สึกผิด เขาพยายามที่จะอธิบายให้เซี่ยฉิงกงฟัง
“อีกสองสามวันหนูค่อยไปได้มั้ยคะ ?”
เซี่ยฉิงกงเงยหน้าขึ้น หยาดน้ำตาเอ่อคลอ ราวบ่อน้ำใสภายใต้ร่มเงาดอกซิงฮัว (ดอกแอปริคอต) เห็นแล้วน่าสะเทือนใจยิ่งนัก
ครั้นเซี่ยชิงฉวนเห็นสีหน้าที่ดูน่าสมเพชเช่นนั้นของเซี่ยฉิงกง เธอก็หัวเราะเยาะ
“พี่รู้ไหมว่า เวลาของคุณชายมู่น่ะมีค่ามากแค่ไหน ? วันนี้คุณชายมู่สู้อุตส่าห์เจียดเวลามาที่บ้านเราเป็นกรณีพิเศษ ทว่าพี่กลับคิดถึงแต่ตัวเอง”
เซี่ยฉิงกงมองสีหน้าดูถูกบนใบหน้าของน้องสาว จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นมองมู่เฉินฮ่าวซึ่งนั่งอยู่ข้าง ๆ ด้วยท่าทีเสียใจ มู่เฉินฮ่าวมองทะลุผ่านใบหน้าที่แลดูบอบบางของเธอ แล้วพ่นลมหายใจ ฮึ..ออกมาเบา ๆ เพราะเขารู้ว่าเธอกำลังเสแสร้ง
เซี่ยฉิงกงแสดงท่าทางอ่อนแอต่อหน้าทุกคน หากแต่สายตาที่ส่งไปให้มู่เฉินฮ่าวนั้นแสดงออกถึงความรังเกียจอย่างเห็นได้ชัด
เวลามีค่างั้นรึ ?
แหม่..ยังเอาเวลาที่แสนมีค่าไปหลีสาวในไนต์คลับได้เนี่ยนะ !
การแสดงออกของเซี่ยชิงฉวนกับมู่เฉินฮ่าวนั้นช่างเหมือนกัน ถึงตอนนี้ เซี่ยฉิงกงเริ่มคิดว่าพวกเขาอาจเป็นคู่สร้างคู่สมที่ฟ้าประทานมา อยากให้พวกเขาแต่งงานกันเองไว ๆ และอย่าได้ออกไปทำร้ายคนอื่น ๆ เลย
“พี่รู้ไหมว่ามีคนอยากแต่งงานกับคุณชายมู่กี่คน ?”
ฉันต้องรู้ด้วยเหรอยะ ?
เดิมทีเซี่ยฉิงกงต้องการสวนเซี่ยชิงฉวนกลับไปเช่นนั้น แต่ครั้นเธอเห็นว่างานนี้เธอสามารถฉีกหน้าเซี่ยชิงฉวนได้ เธอก็รีบเปลี่ยนคำพูดทันที
"รู้สิ เธอก็เป็นหนึ่งในนั้นด้วยไง"
"เซี่ยฉิงกง !"
ครั้นเซี่ยชิงฉวนโดนสะกิดปมในใจ สีหน้าของเธอก็เปลี่ยนไปทันที
“นอกจากนี้ก็ยังมีผู้หญิงอีกหลายคนที่พยายามยัดเยียดตัวเอง เพื่อจะได้แต่งงานกับคุณชายมู่เหมือนเธอไง”
เซี่ยฉิงกงหันไปมองเซี่ยชิงฉวนด้วยสายตาที่แสดงออกถึงความจริงใจ แต่ครั้นเห็นใบหน้าของน้องสาวดำเป็นสีตับหมู เธอจึงไม่กล้าพูดรุนแรงนัก แต่กลับลำมาทำท่าทางไร้เดียงสากับประโยคถัดมา
“เอาอย่างนี้ดีมั้ย ? ให้น้องสาวแต่งงานกับคุณชายมู่แทนดีมั้ย ?”
เซี่ยชิงฉวนซึ่งตอนแรกกำลังโกรธจนแทบควบคุมตัวเองไม่อยู่ ทว่าทันทีที่ได้ยินประโยคสุดท้าย รอยยิ้มก็พลันปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเธอ
เจินเมี่ยวหยูมองรอยยิ้มบนใบหน้าของลูกสาวด้วยแววตาที่เฉียบคม เด็กโง่เอ๊ย ! ยิ้มออกมาแบบนี้ได้ไง ? เธอจึงยื่นเท้าออกไปเตะรองเท้าของลูกสาวเธอที่อยู่ใต้โต๊ะอย่างแรง
ครั้นเซี่ยชิงฉวนรู้สึกว่าเธอถูกเตะอย่างแรง เธอก็หุบยิ้มลงทันที ใบหน้าของเธอที่เดี๋ยวโกรธเดี๋ยวมีความสุข เลยดูบิดเบี้ยวไปชั่วขณะ
มู่เฉินฮ่าวมองดูเหตุการณ์บนโต๊ะทั้งหมดนี้ด้วยสายตาเย็นชา เซี่ยฉิงกงคนนี้เขี้ยวลากดินจริง ๆ
อย่างไรก็ตาม เขาเองก็อยากดูต่อว่าผู้หญิงคนนี้ต้องการจะทำอะไรกันแน่ ?
เอาเถอะปล่อยให้ตายใจไปก่อน คนอย่างนี้ต้องจับให้มั่นคั้นให้ตาย หาไม่จะไม่มีวันรู้เรื่องของเธอไม่ว่าเรื่องใด !
“สัญญาแต่งงานนี้เป็นการจัดการของผู้หลักผู้ใหญ่ ด้วยเหตุนี้จึงไม่อาจรอช้าได้”
มู่เฉินฮ่าวหันไปมองเซี่ยฉิงกงราวจิ้งจอกเฒ่าเจ้าเล่ห์
"แต่ฉันเพิ่งกลับบ้านสกุลเซี่ยเองนะ และ ... "
เซี่ยฉิงกงหันไปมองเซี่ยเจิ้งหัว ด้วยสายตารันทดหยาดน้ำตาคลอหน่วย
เซี่ยเจิ้งหัวเองก็ไม่รู้จะทำเช่นไรดี เพราะแม้ว่าคำพูดของเซี่ยชิงฉวนจะฟังดูรุนแรง หากแต่ก็ตรงไปตรงมา ทั้งยังเป็นความจริง แม้แต่มู่เฉินฮ่าวก็พูดเช่นนั้นออกมาแล้ว ทำไมลูกสาวคนนี้ยังทำเหมือนไม่เข้าใจอะไรเลย ?
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เซี่ยเจิ้งหัวก็ขมวดคิ้วด้วยความหงุดหงิดเล็กน้อย
"ฉิงกง"
น้ำเสียงของเซี่ยเจิ้งหัวปรากฏร่องรอยไม่พอใจที่ลูกสาวไม่เป็นไปอย่างที่หวัง
"เรื่องนี้..ลูกไม่สามารถปฏิเสธได้"
เซี่ยฉิงกงก้มหน้าลง ไหล่ของเธอกระตุกเล็กน้อย เซี่ยเจิ้งหัวยังคงขมวดคิ้ว
ครั้นเจินเมี่ยวหยูผู้ซึ่งนั่งข้าง ๆ เซี่ยเจิ้งหัวเห็นสถานการณ์เช่นนั้น เธอก็พูดขึ้นลอย ๆ ว่า
“ฉิงกงเพิ่งจะกลับมาบ้าน ย่อมเป็นเรื่องธรรมดาที่จะไม่เต็มใจจากไปไหน”
***จบตอน เวลามีค่าแค่ไหน ?***