บทที่ 30 – ดินแดนหยกยุพราชอมตะ
ทันทีที่จิตใต้สำนึกของเขาหายไป รวมทั้งเลือดที่เปรอะเปื้อนบนจี้หยินหยาง ทันใดนั้นจี้หยินหยางได้เรืองแสงม่วงเข้ม!!! จี้หยินหยางเริ่มปล่อยคลื่นแสงสีม่วงอ่นห่อตัวชิงสุ่ยเอาไว้ ราวกับทารกที่กำลังนอนอยู่ในอ้อมกอดของแม่ จากการมองดูด้วยตาปล่าว ดูเหมือนจี้ห้อยคอนั้นจะดื่มเลือดของชิงสุ่ยอย่างต่อเนื่องพร้อมเปล่งคลื่นแสงสีม่วงที่ทรงพลังออกมา
กระบวนการทั้งหมดนั้นดูยาวนานเกือบเป็นนิรันดร์กลับใช้เวลาเพียงสั้น จากสติที่เคยลืมเลือนของแปรเปลี่ยนสีหน้าที่มุ่งมั่น ภาพที่ปรากฏตรงหน้าของเขานั้นราวกับเป็นเพียงจินตนาการ
เขาจำได้อย่างชัดเจนว่าก่อนหน้านี้เขาตกอยู่ในสถานการณ์ที่อันตราย เขากำลังจะตาย ทั้งๆที่ยังมีสัญญาที่ต้องทำให้ได้อยู่ แต่นี้มันเกิดอะไรขึ้น? สิ่งแรกที่ชิงสุ่ยเห็นเมื่อตื่นมาพบว่ามันไม่ได้เป็นพื้นที่ภูเขา ดูเหมือนว่าทัศนียภาพต่างๆจะถูกขยับไป จากเดิมทัศนียภาพมันกว้างแค่เพียง 100 เมตรเท่านั้นแต่ตอนนี้มันกลับกว้างไกลราวกับมองได้ทั่วทั้งแผ่นดิน
“ข้ามาทำอะไรที่นี้? หรือว่านี้คือสถานที่หลังความตาย?” ชิงสุ่ยยืนขึ้นพร้อมกับสำรวจสิ่งแวดล้อมรอบๆตัวเขา เมื่อเขาตรวจดูร่างกายของเขา มันกลับทำให้เขาอุทานออกมาด้วยความประหลาดใจ!
“อาการบาดเจ็บที่ข้าได้รับถูกรักษาแล้ว?”ชิงสุ่ยอุทานด้วยอาการงุนงง เมื่อเขามองไปยังเสื้อผ้าเปื้อนเลือดที่ขาดแหว่งและรอยแผลยาวบนหน้าออก เขามั่นใจได้อย่างแน่นอนว่าการต่อสู้กับแร้งหยกขาวทมิฬนั้นไม่ได้เป็นเพียงภาพหลอน อย่างไรก็ตามสิ่งสุดท้ายที่เขาจำได้คือเขานั้นกำลังจะจากโลกนี้ไป แต่เหตุอันใดเขาถึงยังไม่ตาย!
“ฮือออ ที่นี้คือที่ใด แล้วข้ามาทำบ้าอะไรที่นี้?” ชิงสุ่ยสำรวจรอบตัวอีกครั้ง
“ อ่า นั้นมันน้ำ!”ริมฝีปากของชิงสุ่ยนั้นแห้งผาก ลำคอของเขานั้นแห้งป่นฝุ่น ตอนนี้เขากระหายน้ำมาก
ที่ตรงกลางของทัศนียภาพนั้น ปรากฏเป็นสระน้ำขนาดเล็ก
ที่แห่งนี้ปราศจากภัยอันตรายใดๆ ชิงสุ่ยวิ่งเข้าหามันทันที่พร้อมดื่มน้ำอย่างกระหาย เขาดื่มมันจนพึงพอใจโดยเขารู้สึกว่าน้ำแห่งนี้รสชาติผิดแปลกมาก ไม่เพียงมันจะลดความหิวกระหายของเขาได้ พลังปราณในร่างกายของเขากลับถูกเติมโดยพลังปริศนาที่มีราวกับไร้ที่สิ้นสุด
เพียงชั่วขณะหลังจากที่เติมเต็มความกระหาย เขามองดูแหล่งน้ำนี้และพบว่าแหล่งน้ำแห่งนี้นั้นกินอาณาเขตและลึกประมาณ 10 เมตร น้ำบริสุทธิแห่งสะท้อนแสงเป็นประกายบ่งบอกได้ชัดเจนว่ามันไร้ซึ่งยาพิษอย่างแน่นอน
“อ้า!” ชิงสุ่ยรู้สึกว่าวันนี้มันช่างแปลกประหลาดมาก เขามองดูต้นไม้ด้วยความแปลกเช่นเดียวที่เขามองอนุสาวรีย์ที่ทำจากหินที่ตั้งอยู่ข้างๆบ่อน้ำแห่งนั้น อนุสาวรีย์หินนั้นมีรูปร่างความสูงเกือบเท่ากับมนุษย์ที่โตเต็มวัย และลำตัวกว้างราวกับต้นไม้ยักษ์
อนุสาวรีย์หินนั้นให้กลิ่นอายที่แสนสง่างามออกมา ราวกับเป็นกลิ่นอายของเหล่าจักรพรรดิที่ถือครองอำนาจสูงสุดไว้เคยอาศัยอยู่ที่นี้ ชิงสุ่ยเดินไปด้านหน้าของมัน เขาพบว่ามีคำบางคำถูกจารึกไว้บนอนุสาวรีย์หินแห่งนี้ “ดินแดนหยกยุพราชอมตะ” ดังนั้นนี้จะต้องเป็นดินแดนแห่งหยกยุพราชอมตะ
ที่ด้านบนของอนุสาวรีย์หิน เหนือคำว่า ดินแดนหยกยุพราชอมตะ มีบางสิ่งถูกเขียนขึ้นอย่างบรรจง เมื่อเขามองมัน เขาได้พบกับถ้อยคำจารึกมากมาย
[ดินแดนหยกยุพราชอมตะ คือทางเข้าดินแดนแห่งราชันย์ ซึ่งสูงส่งเหนือดินแดนอื่นใด มนุษย์ทุกคนไม่อาจก้าวเข้าสู่ดินแดนนี้ได้ยกเว้นเสียแต่ว่าคนผู้นั้นสูญสิ้นชีวิต]
“ทางเข้าดินแดนแห่งราชันย์.....เป็นไปได้ว่าข้านั้นคือราชันย์อย่างนั้นรึ?” ชิงสุ่ยรู้สึกมึดมน เขาไม่อาจหาเบาะแสอะไรได้เลยจากเรื่องราวทั้งหมด ดังนั้นเขาจึงอ่านคำจารึกอื่นๆต่อ
[เวลาในดินแดนหยกยุพราชอมตะแห่งนี้นั้นเดินเร็ว 100 เท่าของโลกแห่งความเป็นจริง]
เมื่ออ่านข้อความนี้ ชิงสุ่ยยิ่งตื่นเต้น หากฝึกฝน 100 วันในดินแดนนี้เท่ากับเสียเวลาในโลกเป็นจริงพียงแค่วันเดียว
เหลือคำอีกไม่มากแล้วที่ถูกจารึกไว้ มีคำบางเพิ่มเติมด้านล่างของอนุสาวรีย์หินนี้
[ครั้งหนึ่งที่ชั้นแรกของดินแดนหยกยุพราชอมตะถูกปลดปล่อย ต้นไม้ที่แข็งแกร่งพลันปรากฏ มันจะเวลานั้น 100 ปีจึงเติบใหญ่ และทุกๆ 100 ปี มันจะออกผลเพียง 10 ผล ชื่อของมันต่างรู้จักกันดีในชื่อ ผลเสริมปราณ ถ้ามนุษย์ปุตุชนคนธรรมดาบริโภคมันเข้าไป คนผู้คนจะแข็งแกร่งขึ้น 500 จิน มันยังสามารถนำไปเป็นส่วนผสมแก่เหล่านักปรุงโอสถ บันทึก:ผลของมันสามารถบริโภคได้เพียง 2 ครั้ง หากบริโภคมากขึ้นก็ไร้ความหมาย]
และส่วนด้านล่างของอนุสาวรย์มีจารึกส่วนที่เหลือดังนี้
ผลของ
[การปลดปล่อยดินแดนชั้นที่ 2 ของดินแดนหยกยุพราชอมตะ]
[การปลดปล่อยดินแดนชั้นที่ 3 ของดินแดนหยกยุพราชอมตะ]
ไปจนถึง [การปลดปล่อยดินแดนชั้นที่ 9 ของดินแดนหยกยุพราชอมตะ]
หลังจากที่ชิงสุ่ยอ่านจารึกจนเสร็จสิ้น เขาเหลือบสายตาไปที่ต้นไม้ต้นนั้น มันอาจจะเป็นต้นเสริมปราณที่ถูกจารึกไว้ก็เป็นได้ ต้นไม้ตนนี้สูงประมาณ 2 เมตร กิ่งก้านของมันยาวราวๆ 1 ฟุต แต่ยังคงดูแข็งแรง
ชิงสุ่ยมองหาบางสิ่งบางอย่างและเขาก็เห็นผลวาววับสีแดงจำนวน 10 ผลห้องลงมาจากกิ่งก้านของต้นเสริมปราณ มันส่งกลิ่นหอมหวน มันดึงดูดมากจนทำให้น้ำลายเขาไหลออกมา เมื่อคิดถึงอย่างหยาบๆว่าสิ่งมีชีวีตในโลกนี้นั้นขึ้นอยู่เพียงพลังปราณเท่านั้น รอยยิ้มพลันปรากฏบนใบหน้าของชิงสุ่ย “ภายใต้ดินแดนแห่งนี้ ไม่มีข้อจำกัดไหนใช้กับข้าได้ ข้าไม่เชื่อว่าข้าจะไม่บรรลุขั้นที่ 4 ของเคล็ดวิชากายาบรรพกาล”
“เฮ้อ ช่างน่าเสียดายจริงๆที่ดินแดนแห่งนี้นั้นข้าเข้าได้เพียงคนเดียว ถ้าไม่แล้วนั้น ข้าคงพาชิงฮูและชิงเป่ยมาที่แห่งนี้ด้วย แต่ทางที่ดีข้าควรเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ หากมีคนรู้พวกมันคงฆ่าชิงที่แห่งนี้เป็นแน่ ข้าไม่ควรชักภัยเข้าหาตัวเอง” ชิงสุ่ยตัดสินใจ
ชิงสุ่ยไม่รู้เลยว่าเวลา ณ ตอนนี้ผ่านไปยาวนานเท่าใด เขาได้สำรวจบริเวณพื้นที่ของดินแดนหยกยุพราชอมตะ พื้นที่ดินแดนนี้กว้างราวๆ 10000 ตารางเมตร บนพื้นดินสีม่วงแห่งนี้นั้นมีเพียงเขาคนเดียว เขารู้สึกว่าที่แห่งนี้นั้นช่างเหมาะแก่การปลูกพืชมาก
หลังจากสำรวจดินแดนนี้ เขาพบว่ามันไม่มีทางออกไปสู่โลกภายนอก?
เพียงแค่เขาคิดว่าต้องการออกจากที่นี้ ทันใดนั้นทัศนียภาพนั้นกลับคือสู่พื้นที่ที่เป็นภูเขาดั่งเดิม ดูเหมือนว่าดินแดนหยกยุพราชอมตะนั้นจะเปลี่ยนไปตามจิตใจของเขา
“กลับสู่ดินแดน”
“ออกจากดินแดน”
“กลับสู่ดินแดน”
“ออกจากดินแดน”
เมื่อความคิดของเขาเป็นจริง เขาสามารถเข้าออกดินแดนหยกยุพราชอมตะได้ ชิงสุ่ยมีความสุขราวกับเด็กได้ของเล่นที่ชื่นชอบ
“ทำไมดินแดนหยกยุพราชอมตะถึงปรากฏขึ้นและเลือกข้า?”แม้เขาจะมีปัญญาที่มากแต่กลับไม่สามารถตอบคำถามเหล่านี้ได้ อย่างไรก็ตามมันก็ไม่ได้มีข้อเสียแก่เขา
หลังจากนั้น เขาได้ตรวจดูเสื้อผ้าที่ขาดแหว่งและหัวเราะอย่างข่มขื่นออกมา ชิงสุ่ยเอาชุดใหม่ออกมาเปลี่ยน ทันใดนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าจี้ห้อยคอหยินหยาง ได้หายไปแล้ว!!!
เขากลับไปยังดินแดนแห่งนั้นอีกครั้งเพื่อตามหาจี้ห้อยคอนั้น แต่มันกลับหายไปอย่างไร้ร่องรอย “หรือว่าการหายไปของจี้ห้อยคอนั้นจะต้องเกี่ยวข้องกับดินแดนหยกยุพราชเป็นแน่”
ปัจจุบันเพียงเขามองภาพสะท้อนจากผิวน้ำเขาก็หยุดค้นหาจี้หอยคออันนั้น เพราะตรงกลางระหว่างคิ้วของชิงสุ่ยนั้นบังเกิดจุดมุกสีม่วงขนาดเท่าถั่ว ไข่มุกนั้นมีลักษณะเหมือนหยินหยาง ตำแหน่งที่ตั้งของจุดสีม่วงนั้นถือได้ว่าเป็นดั่งโชคชะตา ก่อนหน้านี้ชิงสุ่ยคิดว่าตัวเองนั้นดูดีมากพอแล้ว แต่ตอนนี้เขานั้นยิ่งดึงดูดมากขึ้นไปอีก
ตั้งแต่ที่จี้หายไป เขาก็ไม่จำเป็นต้องใช้โซ่คล้องคออีกแล้ว เขาโยนมันทิ้งไปขณะที่เปลี่ยนชุดใหม่ หลังจากนั้นเขาก็คิดขึ้นได้ถึงการหายไปของแร้งหยกขาวทมิฬ ชิงสุ่ยเอียงศีรษะมองออกไปห่างจากตรงนี้ไปพอประมาณก็พบว่าแร้งหยกขาวทมิฬนั้นสิ้นใจไปแล้ว
“มันตายได้เช่นไร”ชิงสุ่ยเดินออกจากตรวจสอบ เพียงช่วงสั้นๆเขาก็พบว่ามันตายเพราะหินที่เขาได้สะบัดออกไปก่อนหน้านี้ หินได้พุ่งไปติดอยู่ในดวงตาของแร้งตัวนั้น “มันช่างน่ากลัวยิ่งนัก ข้าควรภูมิใจจริงๆ แต่ดูเหมือนมันก็อยากให้ข้าเองพินาศไปพร้อมมัน”
“ข้า คิดว่า แร้งหยกขาวทมิฬคงต้องเป็นอาหารมื้อค่ำสำหรับข้า”
***** หยกยุพราช มีความหมายว่า หยกแห่งนักปราชญ์ จากคำว่า Violet Jade นะครับ