px

เรื่อง : เทพอสูรบรรพกาล -Ancient Strengthening Technique
บทที่ 68 – ดินแดนกระบี่แห่งสัจธรรม


บทที่ 68 – ดินแดนกระบี่แห่งสัจธรรม

“เธอยังรู้สึกอึ้ง ณ ตอนนี้ มันราวกับว่าทัศนวิสัยทั้งหมดของเธอถูกบดบัง คนที่ดูเหมือนเธอ อีกทั้งยังอายุน้อยกว่า และพลังก็ไม่สามารถเทียบเทียมกับเธอได้ แต่กลับสามารถฝึกฝนจนได้รับดินแดนกระบี่แห่งสัจธรรมมาครอบครองได้อย่างไร? แม้ว่าทุกการเคลื่อนที่จะเป็นการฝึกฝนทางด้านพื้นฐาน แต่มันยังต้องใช้ภูมิปัญญาอย่างมาก แม้แต่เธอที่พยายามมาหลายปีก็ไม่อาจเข้าใกล้ดินแดนกระบี่แห่งสัจธรรม” เหวินเหรินอูซวงจ้องมองไปที่ชิงสุ่ย

ชิงสุ่ยถูจมูกอย่างเขินอาย เมื่อสังเกตเห็นใบหน้าของเหวินเหรินอูซวงที่แสดงความหวาดกลัวขณะที่เธอมองไปยังชิงสุ่ย “ข้าทำอย่างนั้นแค่อย่างเดียว ข้าเรียนรู้เฉพาะพื้นฐานของมัน และยังคงฝึกซ้อมอย่างไม่หยุดหย่อนมาถึงกว่า 10 ปี ซึ่งคงไม่มีผู้ใดยอมเสียสละเวลาทั้งหมดเพื่อการกระทำเพียงอย่างเดียว นั่นคือฝึกการโจมตีพื้นฐาน”

เหวินเหรินอูซวงยิ้มและพูดว่า “นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ข้าบอกเจ้าว่า เจ้ามันเป็นทั้งคนโง่และเป็นทั้งอัจฉริยะ อย่างไรก็ตามเจ้านั้นพูดถูกไม่มีผู้ใดยินยอมจะทำสิ่งที่เจ้าได้ทำ”

ชิงสุ่ยยิ้มเล็กน้อย ในตอนนั้น ตอนที่เขาได้รับหนังสือเขาเริ่มต้นทำโดยไร้ซึ่งคำปรึกษา เขาพยายามมองหาความสมบูรณ์แบบดังนั้นเขารู้สึกเพียงว่าสิ่งที่เขาได้ทํานั้นถูกต้อง แม้ว่ามันจะเป็นเพียงแค่เคล็ดวิชาพื้นฐานแต่มันกับให้สิ่งที่พิเศษกว่านั้น ดูเหมือนว่าเวลาผ่านไปโดยไม่รู้ตัวเขาก็ได้ก้าวหน้าขึ้นและได้เรียนรู้ดินแดนกระบี่แห่งสัจธรรม ทั้งหมดนี้คือความหมายของกระบี่แห่งสัจธรรม

“ความหมายที่แท้จริงของคำว่ากระบี่แห่งสัจธรรมหมายถึงอะไร?” ชิงสุ่ยถาม

เหวินเหรินอูซวงตอบกลับมาว่า “ระดับของแต่ละเคล็ดวิชาต่อสู้นั้น สามารถแบ่งได้เป็น แรกเริ่ม รอบรู้ ว่องไว เชี่ยวชาญ บรรพบุรุษ สัจธรรม ผู้สรรค์สร้าง ดินแดนสวรรค์ และสุดท้าย ความสมบูรณ์แบบของพระเจ้า!!! ซึ่งข้อจำกัดของผู้ที่อยู่ในขั้นสูงสุดของพลังปราณโฮ่วเทียนนั้นคือระดับบรรพบุรุษ แม้กระทั่งระดับสัจธรรมมีผู้ที่อยู่ในระดับพลังปราณเทวะเซียนเทียนก็มีเพียงจำนวนน้อยนิดที่สามารถจะเข้าใจมันได้ ดังนั้นเจ้าบอกข้าเถิด ว่าเจ้าเรียนรู้มันได้อย่างไรถึง”

“ดินแดนแห่งสัจธรรม หมายถึง จุดแบ่งระหว่างพลังปราณโฮ่วเทียนและพลังปราณเทวะเซียนเทียน ยิ่งเมื่อข้าได้เจอกับหนุ่มน้อยเช่นเจ้า ซึ่งไม่แม้แต่กระทั่งจะอยู่ในระดับพลังปราณเทวะเซียนเทียน แต่เจ้ากลับเข้าใจอย่างลึกซึ้งในดินแดนแห่งสัจธรรม มันจะทำให้ข้าไม่อาจสงสัยได้อย่างไร”

“เฮ้ ข้าว่าเราไปคุยกันต่อหลังภูเขาจำลองดีกว่า ข้าได้เตรียมอาหารของหวานของหวานสำหรับพวกเจ้าไว้แล้ว”เหวินเหรินอูกั่วพูดแทรก

หลังจากทั้ง 3 คนนั่งลง ชิงสุ่ยพรรณนาลักษณะของทั้งสองพี่น้องได้ว่า คนหนึ่งเปรียบได้ดังปีศาจเเฝงฝันซัคคิวบัส ในขณะที่คนหนึ่งเยือกเย็นบริสุทธิ์ดุจราชินีน้ำแข็ง

“ จริงๆแล้วข้ามีบางอย่างที่ข้าคงต้องขอความช่วยเหลือจากท่าน”เหวินเหรินอูซวง พูดออกมาตรงๆ

“ให้ช่วย? แต่ท่านอยู่ในระดับเซียนเทียนเลยนะ ข้ายังจะช่วยอะไรท่านได้อีกบ้าง?”ปริศนาเกิดขึ้นภายในดวงตาของชิงสุ่ยเมื่อมองไปยังเหวินเหรินอูซวง

“มันเป็นเพราะเคล็ดวิชากระบี่ของท่าน ข้านั้นต้องการที่จะรับรู้ประสบการณ์จริงของเคล็ดวิชากระบี่จากดินแดนแห่งสัจธรรม มันอาจจะช่วยให้ข้าเข้าใจถึงหลักที่แท้จริงของดินแดนแห่งสัจธรรมก็เป็นได้ แน่นอน ข้าจะไม่ได้ขอให้ท่านช่วยอย่างไร้สิ่งตอบแทน ข้ามีของที่จะชดเชยให้กับท่าน”เหวินเหรินอูซวงกล่าวอย่างจริงจัง

การที่จะให้ข้าใช้เคล็ดวิชากระบี่ต่อกลอนกับท่านนั้นย่อมไม่มีปัญหา แต่ท่านบอกว่าท่านมีสิ่งที่จะชดเชยให้กับข้า? หรือว่าการชดเชยนั้นอาจจะเป็น……….. ชิงสุ่ยเริ่มหัวเราะพร้อมทั้งจินตนาการความเป็นไปได้อย่างสงบ

“ เฮ้ เฮ้ พ่อหนุ่มตัวน้อย เจ้ากำลังคิดอะไรอยู่? ทำไมข้ารู้สึกถึงความปรารถนาบางอย่างในดวงตาของเจ้า”เหวินเหรินอูซวงหยอกล้อชิงสุ่ย

“ให้ตายเถอะ มองได้ทะลุปรุโปร่งเลย” อย่างไรก็ตามชิงสุ่ยก็ตอบกลับอย่างเด็ดขาด “ข้านั้นเป็นชายชาตรีแล้วหาใช่พ่อหนุ่มตัวน้อย โปรดเรียกข้าว่าสุภาพบุรุษด้วย”

ชิงสุ่ยค่อนข้างเกลียดความจริงที่ว่าตัวเขานั้นยังคงเป็น เพราะสิ่งนี้จะทำให้เหล่าหญิงสาวท่ามกลางตัวเขา ตั้งแต่อายุ 20 ถึง 30 ต่างมองว่าเขาเป็นเด็กด้วย คิดๆแล้วก็รู้สึกเสียใจ พวกเขาจะรู้ได้อย่างไรว่าอาวุธของข้านั้นไม่พร้อมที่จะออกรบ มันแน่นอัดแน่นไปด้วยความปรารถนาของข้า ถ้าหากว่าเจ้าให้โอกาสข้า ข้าจะแสดงให้เห็นว่าอาวุธของข้านั้นพร้อมใช้งานตลอดเวลา(WTFFFFFFF ไม่พยายาม 18+ แล้วน้าา)

คำพูดของชิงสุ่ย ทำให้สาวน้อยทั้งสองตกตะลึงก่อนจะเผยเสียงหัวเราะออกมาทำให้เขายิ่งไม่สบายใจ

“ ทำไมเจ้าไม่ปล่อยให้พี่สาวคนนี้หาหญิงที่คู่ควร เพื่อให้เจ้าได้กลายเป็นชายชาตรีอย่างแท้จริง” เหวินเหรินอูกั่ว หัวเราะและตอบอย่างชาญฉลาด

เหวินเหรินอูซวง ที่ยืนอยู่ข้าง ยิ้มขณะเฝ้ามองพี่สาวของเธอกลับชิงสุ่ย นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้เห็นพี่สาวของเธอมีความสุข ถ้าหากไม่ใช่เพราะว่าชิงสุ่ยนั้นยังคงเด็ก เธอคงคิดว่าพี่สาวของเธอ คงตกหลุมรักชิงสุ่ยอย่างแน่นอน

“พี่สาวไม่จำเป็นต้องยุ่งยากในการหาผู้อื่นมาให้ข้าเลย อย่างไรก็ตามนี่มันเป็นครั้งแรกของข้า แทนที่จะใช้ประโยชน์จากผู้อื่น เหตุใดจึงไม่ใช่ท่านเองล่ะ” ชิงสุ่ยไม่พลาดที่จะปล่อยให้เหวินเหรินอูกั่วหลุดออกไปจากการหยอกล้อครั้งนี้ ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจเปิดเผยความตั้งแต่ของเขามาทางสายปลาที่อาลัยอาวรณ์และหัวเราะอย่างฉับพลัน

มันช่างน่าเศร้าที่เสียงหัวเราะอันแปลกประหลาดนั้นไม่เหมาะกับชิงสุ่ยจริงๆ “เจตนา”ที่ถูกปล่อยออกมาจากชิงสุ่ยนั้นยังไม่เพียงพอ จึงทำให้มันกลายเป็นความน่ารักแทน

“พอแล้ว พอแล้ว ยึดล้อเล่นเสียที เจ้ากับอูซวงเตรียมฝึกซ้อมเคล็ดวิชากระบี่ได้ ส่วนตัวข้านั้นติดภารกิจสำคัญ แต่ข้าจะกลับมารับประทานอาหารพร้อมกับพวกเจ้าด้วย” เหวินเหรินอูกั่วจงมองไปที่ชิงสุ่ยก่อนเธอจะจากไป

หากมองจากด้านหลังจะพบสะโพกอันชดช้อยของอูกั่ว และเผยให้เห็นเรียวขาสีขาวภายใต้ชุดของเธอ ชิงสุ่ย ทำได้แค่กัดฟันเมื่อมองผู้หญิงที่มีเสน่ห์เช่นนี้

“ดีพวกเราไปฝึกซ้อมกันที่จุดสูงสุดของอาคารหลังนี้ดีกว่า”เหวินเหรินอูซวงกล่าวเบาๆ

ชิงสุ่ยพยักหน้าตกลงและตามอูซวงขึ้นไปด้านบนของอาคารหลังนี้ ซึ่งในระหว่างทางชิงสุ่ยก็อดไม่ได้ที่จะต้องจ้องมองไปยังเทพธิดาแห่งหิมะคนนี้

ขณะมองไปยังอูซวงที่สวมชุดนอนสีขาวราวกับหิมะ ความงามของเธอนั้นไม่อาจหาสิ่งใดมาเปรียบเทียบได้ในโลกนี้ หากเทียบกับทุกสิ่งเธอนั้นเปรียบดั่งการขึ้นของดวงตะวัน เธอนั้นช่างคล้ายดอกบัวหิมะที่ศักดิ์สิทธิ์และบริสุทธิ์ไร้มลทิน

และแล้วเธอก็หยิบกระบี่ไม้ขึ้นมาและส่งมันมาให้กับชิงสุ่ย โดยที่เขาไม่ทันได้เอ่ยปากถามเลยได้

“เอ้อ เจ้าไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างนั้นรึ?”

“ข้าไม่เป็นไร ถ้าชุดที่เจ้าสวมใส่นั้นอึดอัด ข้ามีเสื้อผ้าอีกตัวอยู่ตรงนั้น แต่พวกมันทั้งหมดต่างเป็นเสื้อผ้าสตรี….”

ชิงสุ่ยหยุดพูด ได้รับกระบี่ไม้เอาไว้ เขาเริ่มเพ้อฝันอีกครั้ง จะเกิดอะไรขึ้นถ้าเขาบังเอิญตัดผ่านชุดที่อูซวงสวมใส่ ………………………..

“ เจ้ากำลังมองดูอะไร อย่าคิดว่าข้านั้นไม่รู้นะว่าเจ้าคิดอย่างไร ผู้ชายทุกคนมันก็เต็มไปด้วยความต้องการทางเพศ”เหวินเหรินอูซวง ไม่เพียงแต่ไม่ตื่นตระหนก แต่ยังมีเสียงหัวเราะออกมาด้วย ความรู้สึกที่ออกมาจากรอยยิ้มนั้นเต็มไปด้วยความมั่นใจ ความสง่างาม การเข้าใจ และการยอมรับ

“สิ่งที่สวยงามนั้นควรได้รับการชื่นชมจากทุกคน แต่ก็เป็นดั่งเช่นคำพูด หญิงสาวมักจะคล้ายกับน้ำที่ไหลลื่น และดูเหมือนว่าท่านนั้นจะเป็นข้อยกเว้นนี้ ข้าสงสัยเสียจริงๆว่าชายผู้ใดจะโชคดีที่ได้รับความรักจากท่าน” ชิงสุ่ยหัวเราะอย่างสนุกสนาน

“ฮืมมม กำลังพูดถึงอะไร เจ้ากำลังชื่นชมข้าหรือสาปแช่งข้ากันแน่ เจ้าไม่ควรให้ความสำคัญกับการตามหาเล่าอิสตรีขณะที่เจ้ายังเป็นเด็ก ถ้าหากเจ้าแข็งแกร่งขึ้น หญิงสาวมากมายในโลกใบนี้จะมารออยู่เคียงข้างเจ้า”

“ข้าเกรงว่าท่านจะถูกแย่งชิงไปโดยผู้ชายอันแสนน่ารังเกียจ ก่อนที่ข้าจะแข็งแกร่งขึ้น”ชิงสุ่ยกล่าว พร้อมแสดงท่าทางอันน่าโศกเศร้าและความข่มขื่น

“เจ้ายังคงล้อเล่นกับข้าอยู่ดี!!! ข้านั้นยังไม่ต้องการที่จะแต่งงานในเร็วๆวันนี้” เหวินเหรินอูซวงกล่าวออกมาอย่างสนุกสนาน

หากมองไปยังพฤติกรรมของเธอนั้น มันเกือบทำให้ชิงสุ่ยกรีดร้อง “พระเจ้า ช่วยข้าด้วยเถิด”

ตอนนี้ชิงสุ่ยได้ปลดปล่อยอารมณ์ออกไปแล้ว ตราบใดที่เธอนั้นไม่ได้รีบแต่งงาน เขายังคงสามารถสร้างความแข็งแกร่งและเปิดโอกาสให้ตัวเองได้

“ท่านพร้อมหรือยัง ข้ากำลังจะเริ่มแล้วนะ”ชิงสุ่ยชี้กระบี่ไม้ไปทางเหวินเหรินอูซวง

เหวินเหรินอูซวงพยักหน้าของเธอพร้อมจับกระบี่ไปในทางเดียวกัน

“ซิ่ววววววว”แม้จะเป็นเพียงแค่การทิ่มแทงกระบี่ออกไปยางธรรมดา แต่ความเร็วนั้นลาวกับเสียงฟ้าผ่า อย่างไรก็ตามเหวินเหรินอูซวงต้นโมกมันได้อย่างง่ายดาย เธอขยับขาของเธออย่างเรียบง่ายราว ลาวกับเคลื่อนที่ไปตามสายลม พร้อมทั้งจู่โจมชิงสุ่ยไปพร้อมกัน เธอวาดดาบออกไปแนวนอนเป้าหมายคือข้อมือของชิงสุ่ย

เหวินเหรินอูซวงไม่ได้ใช้พลังปราณในระดับเทวะเซียนเทียน

ทั้งหมดอสูรสันโดษและเคล็ดวิชาอิไอโด้ นั้นนต่างอยู่ในดินแดนกระบี่แห่งสัจธรรม หากมารวมกันแล้วถือได้ว่าเป็นกระบวนท่าปิดชีพของชิงสุ่ย นอกจากจะรวดเร็วป่านฟ้าผ่าแต่ความรุนแรงเปรียบดังพายุฤดูร้อน ทั้งคล่องตัวและว่องไวราวกับปลาที่ว่ายในมหาสมุทร!

 

รีวิวผู้อ่าน