ตอนที่ 49 ทรงอิทธิพล
ผู้การหลี่คุ้นเคยกับสถานการณ์การแย่งอำนาจในเขตถนนเถ้าธุลีและเมืองซ่งเจียงเป็นอย่างดี แม้ตัวเขาจะถ่อมตนและพยายามวางตัวเป็นกลางเพื่อเลี่ยงปัญหาอยู่บ่อยครั้งก็ตาม แต่เขาก็รู้ตื้นลึกหนาบางเกี่ยวกับวงการนี้ไม่น้อย
สถานการณ์ตอนนี้การตัดสินใจขอความช่วยเหลือจากทหารเป็นหนทางที่ดีที่สุด หากรายงานไปยังกองบัญชาการเขาอาจถูกเส้นสายของหยวนหัวกลั่นแกล้งให้รอนานกว่าจะได้รับอนุมัติ และระหว่างนั้นสถานการณ์ในถนนเถ้าธุลีคงเลวร้ายกว่าเดิม
หากเป็นเช่นนั้นจริงเรื่องเลวร้ายที่สุดสำหรับผู้การหลี่ ในฐานะผู้ดำรงตำแหน่งสูงสุดที่รับผิดชอบเรื่องการรักษาความสงบในเขตถนนเถ้าธุลี...คงต้องแบกรับสถานการณ์นี้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
มาเตโอผู้เป็นสหายของผู้กำกับการหลี่ดำเนินการทันทีหลังจากวางสาย เขาส่งนายทหารกองพันที่สองไปสมทบยังที่เกิดเหตุภายในเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง!
ในยุคนี้ทหารแตกต่างจากตำรวจมาก นายทหารทุกนายต้องผ่านการต่อสู้และเผชิญกับความขัดแย้งมาหลายครั้ง ทำให้พวกเขาตัดสินใจเด็ดขาดทั้งยังสามารถปฏิบัติการเรื่องต่างๆ ได้อย่างง่ายดาย
รถหุ้มเกราะหลายคันที่บรรทุกทหารติดอาวุธหลายพันนายเลี้ยวเข้าไปในถนนเถ้าธุลี ทันใดนั้นสถานการณ์ทั้งหมดจึงกลับตาลปัตร! ไม่ว่าเหล่าพ่อค้ายาป่าเถื่อนและร่ำรวยเพียงใดก็ไม่มีทางสู้กองทัพทหารที่ได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากรัฐบาล เมื่อผู้บรรดาก่อเหตุจลาจลเห็นว่าเหล่าทหารใช้กระสุนจริงกราดยิง จึงวิ่งกระเจิดกระเจิงหนีตายไปคนละทาง!
แม้แต่เฒ่าหม่าที่กำลังจะเดินทางไปยังคฤหาสน์เริงรมย์ก็ถูกลูกน้องลากตัวให้หลบหนี
กลุ่มคนที่หลงเหลืออยู่บนถนนมีจำนวนไม่มากนักจึงง่ายต่อการจัดการ เหล่าทหารกระจายตัวไปรอบๆ เพื่อจับกุมผู้ที่เกี่ยวข้อง สถานการณ์วุ่นวายครั้งนี้ถือเป็นการก่อเหตุจลาจลครั้งใหญ่ เจ้าหน้าที่จึงต้องลงโทษสถานหนักแก่ผู้กระทำผิดเพื่อให้จิตสำนึกทางสังคมของคนพวกนี้กระเตื้องขึ้นบ้าง!
ตอนนี้ไม่มีใครกล้าตอบโต้อีกต่อไป ทุกคนต่างวิ่งหนีเอาตัวรอดกันจ้าละหวั่น
ณ ชั้นสองของคฤหาสน์หรูบนถนนศักราชใหม่...
หยวนหัวกำลังจะสอบถามเกี่ยวกับสถานการณ์ปัจจุบันบนถนนเถ้าธุลี แต่ลูกน้องคนหนึ่งกลับวิ่งเข้ามาด้วยท่าทางร้อนรนและรีบรายงาน “ลูกพี่หัวครับ! จู่ๆ กองกำลังทหารก็เข้าจู่โจมและใช้กระสุนจริงกราดยิงจนพวกเราต้องหลบหนีเอาตัวรอด! ตอนนี้จำนวนพี่น้องของเราที่ถูกจับกุมบนถนนโชคลาภพุ่งทะลุถึงห้าสิบกว่าคนแล้วครับ!”
“พวกทหารมาแทรกแซงเรื่องนี้ได้ไงวะ?” หยวนหัวประหลาดใจ
“ไม่ใช่การหักหลังแน่นอนครับ! ตอนแรกผมสันนิษฐานว่าเฒ่าหลี่ต้องรายงานเรื่องนี้ไปยังกองบัญชาการเพื่อขอกำลังเสริม...ใครจะคิดว่าเขาติดต่อกับกองทัพแทน!” ลูกน้องตอบ
หยวนหัวขมวดคิ้วพร้อมปัดกระดานไพ่นกกระจอกจนร่วงลงกับพื้นทันทีเมื่อได้ยินเช่นนั้น! เขาก้มลงจุดบุหรี่พลางพูดด้วยน้ำเสียงแหบพร่า “เฒ่าหลี่ซ่อนไพ่ลับไว้...คิดไม่ถึงเลยว่ามันจะมีเส้นสายในกองทัพ!”
ไม่มีใครกล้าพูดอะไรอีก...ทั้งห้องตกอยู่ในสภาวะเงียบงัน
“ในเมื่อเป็นแบบนี้ก็ทำอะไรไม่ได้ คงต้องพอเท่านี้!” หยวนหัวออกคำสั่ง “บอกคนของเราให้ถอยก่อน! ส่งบรรดาหัวโจกไปกบดานที่อื่นจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย!”
“รับทราบครับ!” ลูกน้องของหยวนหัวพยักหน้า “ส่วนพวกอันธพาลสามคนที่เราจ้างไปฆ่าฉินอวี่ทำภารกิจไม่สำเร็จครับ...ไอ้หนุ่มนั่นสามารถยื้อเวลาจนมีคนมาช่วยทัน แต่ได้ข่าวว่ามันบาดเจ็บสาหัส...”
“มันเป็นแค่คนต่ำต้อยไร้ความสำคัญแต่กล้าตั้งตัวเป็นศัตรูกับเราเพราะเรื่องฉีหลิน...ถ้าไม่สั่งสอนเสียหน่อยไอ้เฒ่าหลี่ก็คงได้ใจ!” หยวนหัวตอบขณะพ่นควันบุหรี่ “ปล่อยมันไปก่อน...เรื่องนี้อาจทำให้มันขวัญกระเจิงสักพัก ฉันจะรอดูว่ามันจะกล้าเหิมเกริมอีกหรือไม่!”
“รับทราบ!”
“ออกไปได้แล้ว!” หยวนหัวสั่ง
จากนั้นหยวนหัวก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาพลางเดินไปยังหน้าต่าง ก่อนกดโทรหาเส้นสายที่แฝงตัวอยู่ในกองบัญชาการตำรวจ
ไม่กี่วินาทีต่อมา เสียงตะคอกจากปลายสายก็ดังขึ้น “คุณรู้ตัวไหมว่าทำบ้าอะไรลงไป?! ต้องการอะไรกันแน่?!”
“หากพวกเราไม่รีบเคลื่อนไหวสร้างช่องทางการค้า เฒ่าหม่าก็จะสร้างช่องทางใหม่ขึ้นอีกครั้ง ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงคุณรู้ไหมว่าพวกเราจะขาดทุนย่อยยับขนาดไหน?! คุณจะให้พวกผมเฝ้าดูอยู่เงียบๆ โดยไม่ทำอะไรเลย แล้วรอให้ความหายนะมาเคาะประตูบ้านรึไง?!” หยวนหัวตอบ
“แต่คุณจะทำตามใจตัวเองแบบนี้ไม่ได้! รู้ไหมว่ากองบัญชาการต้องรับแรงกดดันมากแค่ไหน?”
“สุดท้ายคุณก็ยังปล่อยให้กองทัพทหารเข้าแทรกแซงอยู่ดีไม่ใช่หรือ?” หยวนหัวตอบอย่างใจเย็น “อีกทั้งยังจับคนของพวกเราไปไม่น้อย!”
ปลายสายเงียบลง...
“คุณไม่จำเป็นต้องช่วยคนของผมออกมาตอนนี้หรอกสารวัตรอู๋… ตอนนี้ไม่ว่าเบื้องบนมีคำสั่งยังไงผมยินดีให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ แต่ครั้งนี้เราต้องทำให้เฒ่าหม่ารู้สึกเจ็บปวด!” หยวนหัวพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด “ในเมื่อตัดสินใจลงมือทำแล้ว ก็ต้องมั่นใจว่าจะถอนรากถอนโคนออกให้หมดในครั้งเดียว!”
“ผมจะกดดันสำนักงานตำรวจที่ดูแลพื้นที่ถนนเถ้าธุลีเอง” ปลายสายตอบอย่างหนักแน่น “คุณควรให้ความร่วมมือมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ถ้าคุณหาหลักฐานที่สามารถปรักปรำเฒ่าหม่าได้ก็จะยิ่งดี!”
“ได้ ผมจะพยายาม” หยวนหัวตอบรับ
อิทธิพลของตระกูลหม่าในเขตถนนเถ้าธุลีแข็งแกร่งกว่าตระกูลหยวนมาก แต่การปะทะกันระหว่างทั้งสองฝ่ายในครั้งนี้ตระกูลหม่าต้องเผชิญการสูญเสียครั้งใหญ่!
ทำไมถึงพลิกผันได้?
คงเป็นเพราะคณะอันทรงอิทธิพลที่มีหยวนหัวเป็นผู้นำก้าวไปสู่จุดที่สามารถร่วมโต๊ะกับคนผู้นำทางการเมืองระดับสูงได้ แต่ในทางกลับกันเฒ่าหม่าไม่ได้มีโอกาสเช่นนั้น
ตระกูลหม่าค้าขายยาด้วยความซื่อสัตย์ ทั้งยังขายในราคาที่ถูกกว่าในโรงพยาบาลหรือร้านขายยาถึงสามสิบเปอร์เซ็นต์ ด้วยเหตุนี้ตระกูลหม่าสร้างชื่อเสียงและอิทธิพลในตรอกเถ้าธุลีได้อย่างรวดเร็ว
ผู้ป่วยและคนอ่อนแอที่พยายามดิ้นรนเพื่อเอาชีวิตรอดบนโลกที่โหดร้ายจึงรู้สึกซาบซึ้งในความเมตตาของตระกูลหม่าอย่างยิ่ง ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงเต็มใจช่วยเหลือตระกูลหม่าในช่วงเวลาคับขัน
ทว่าชื่อเสียงที่ตระกูลหม่าสร้างขึ้นกลับพังทลายลงเมื่อเผชิญกับอำนาจมืดจากชนชั้นปกครอง...
หลายครั้งที่ความคิดเห็นของประชาชนนับหมื่นคนมีน้ำหนักไม่มากเท่าความคิดเห็นของเจ้าหน้าที่ระดับสูงเพียงคนเดียว!
วันถัดมา… สารวัตรอู๋แห่งกองบัญชาการตำรวจสั่งการเสียงกร้าวระหว่างการประชุม “ปราบปรามเครือข่ายค้ายาของตระกูลหม่าให้สิ้นซาก!” ผู้มีอำนาจในกระทรวงอื่นๆ ของรัฐไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากปฏิบัติตามคำสั่งของเขาอย่างเคร่งครัด
เหล่าตำรวจจึงเริ่มตรึงกำลังจับกุมสมาชิกของตระกูลหม่าที่ก่อจลาจลในคืนก่อน...
แม้บรรดาลูกน้องจากบริษัทของหยวนหัวจะถูกจับกุมขังคุกตั้งแต่เมื่อคืนวาน แต่ผู้บัญชาการระดับสูงกลับเพิกเฉยต่อสิ่งนี้อย่างชัดเจน ทั้งยังปล่อยให้คนเหล่านั้นออกมาจากคุกและเดินทางไปไหนมาไหนอย่างเปิดเผย หากเป็นลูกน้องของตระกูลหม่าบ้างล่ะ? เขาจะปฏิบัติต่อพวกเขาด้วยมาตรฐานเดียวกันหรือไม่?!
แน่นอนว่าคำตอบคือไม่! กลุ่มคนผู้เคราะห์ร้ายเหล่านี้ทำได้เพียงหลบหนีการจับกุมอย่างหัวซุกหัวซุนเท่านั้น!
ภายในเวลาไม่ถึงสิบสองชั่วโมงคนในการปกครองของตระกูลหม่าถูกตำรวจในเขตซ่งเจียงจับกุมไปมากกว่าสิบคน และเมื่อรวมกับยอดผู้ที่ถูกจับกุมเมื่อคืนวาน...หากจะกล่าวว่ากิจการของตระกูลหม่าถึงคราวล่มสลายแล้ว คงไม่ใช่เรื่องเกินจริงแต่อย่างใด!
คืนถัดมา...
เฒ่าหม่ากดเบอร์โทรหาแมวเฒ่าก่อนพูดเข้าประเด็นอย่างตรงไปตรงมา “ฉันหวังว่านายจะช่วยดามินและหม่าเหลาเอ๋อออกมาได้ เพราะตอนนี้ฉันไม่สามารถเคลื่อนไหวอย่างอิสระได้อีกแล้ว...”
แมวเฒ่าซึ่งนั่งอยู่ในโรงพยาบาลกล่าวตอบด้วยน้ำเสียงที่แสดงถึงความจนปัญญา “ก็แน่ล่ะสิ! ลุงไม่สามารถเคลื่อนไหวได้อีกแล้ว วันก่อนคำสั่งถูกส่งตรงลงมา...ลุงคือหนึ่งในรายชื่อที่สำนักงานตำรวจเพิ่งออกหมายจับ”
“เฒ่าหลี่ว่ายังไงบ้าง?” เฒ่าหม่าถาม
“เฒ่าหลี่ก็ไม่มีอำนาจพอจะทำอะไรได้...ปัญหาครั้งนี้สาหัสเกินไป” แมวเฒ่าขมวดคิ้ว “เขาเองก็ถูกกดดันอย่างหนักเช่นกัน”
“ก็ได้ ฉันเข้าใจแล้ว” เฒ่าหม่าไม่ได้ขอความช่วยเหลือจากผู้เฒ่าหลี่ เขาพูดต่ออย่างใจเย็น “ครั้งนี้ฉันจะยอมมอบตัว...”
“อืม...มาดูกันว่าจะเป็นยังไงต่อไป”
บทสนทนาผ่านโทรศัพท์ระหว่างทั้งคู่สิ้นสุดลง...
ยี่สิบเอ็ดนาฬิกา...ผู้กำกับการหลี่ที่มีท่าทางอ่อนล้าหลังจากผ่านการประชุมอย่างหนักหน่วงมาทั้งวันก้าวเท้าขึ้นรถประจำตำแหน่งพร้อมเอ่ยถาม “ตอนนี้ฉินอวี่อยู่ที่ไหน?”
“รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลครับ”
“งั้นก็ไปที่นั่นเถอะ” ผู้การหลี่ออกคำสั่งพลางถอนหายใจ “ฉันมีเรื่องต้องคุยกับเขา”
……………………………………………………..