ตอนที่ 50 ลังเลใจ
ณ โรงพยาบาล
ในที่สุดยาสลบก็หมดฤทธิ์ ฉินอวี่นอนบนเตียงคนไข้ด้วยใบหน้าซีดเซียวและอ่อนแรง เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่พลางกล่าว “หึ! หยวนหัวเข้าใจเลือกเป้าหมายดีนี่ มันไม่กล้าแตะต้องเฒ่าหลี่หรือนายเพราะกลัวว่าจะโดนโต้กลับรุนแรงเลยมาระบายความโกรธที่ฉันแทนสินะ”
แมวเฒ่ามองฉินอวี่ด้วยความรู้สึกผิด “ฉันผิดเองที่ไม่คิดให้ดีก่อนลากนายเข้ามาเกี่ยว ทั้งที่นายตัดสินใจถูกตั้งแต่แรกแล้วว่าจะไม่ช่วยฉีหลิน พวกมันไม่กล้าแตะต้องฉันเพราะมีเฒ่าหลี่หนุนหลัง แต่กับนาย…”
“มันผ่านไปแล้ว จะพูดให้ได้อะไรขึ้นมา?” ฉินอวี่ตอบพร้อมแตะผ้าพันแผลบริเวณต้นขา “ในเมื่อยังจับมันไม่ได้ก็ต้องระวังตัวกันไปก่อน ”
“ไม่ต้องห่วง พวกเราจะผลัดกันเฝ้าหัวหน้าเอง” จู้เหว่ยที่ยืนอยู่ข้างหน้าต่างเอ่ยขึ้น “เหตุจลาจลครั้งนี้ดึงความสนใจประชาชนมาก ที่กองบัญชาการตำรวจก็วุ่นวายมากเหมือนกัน ผมเดาว่าช่วงนี้พวกมันคงไม่กล้าบุ่มบ่ามเคลื่อนไหวหรอกครับ”
“ขอบใจนะ จู้เหว่ย... กวนฉี... ที่ช่วยชีวิตฉันเอาไว้” ฉินอวี่กล่าวขอบคุณจากใจจริง
“ไม่เป็นไรครับ” กวนฉีโบกมือ “หายไวๆ นะครับหัวหน้า”
ประตูห้องเปิดออกขณะที่พวกเขากำลังพูดคุยกันก่อนที่ผู้กำกับการหลี่จะเดินเข้ามา
“ผู้การหลี่!”
ทุกคนรีบลุกขึ้นทำความเคารพทันที
ผู้กำกับการหลี่กวาดสายตามองรอบห้องก่อนเอ่ยขึ้น “ขอทุกคนยกเว้นแมวเฒ่าออกไปก่อน ฉันอยากคุยกับสองคนนี้เป็นการส่วนตัวสักครู่”
“ครับผม!”
จู้เหว่ยและกวนฉีพยักหน้ารับก่อนเดินออกไปอย่างรวดเร็ว
“ผู้การหลี่…” ฉินอวี่พยายามดันตัวขึ้นนั่ง
“นอนเถอะ” ผู้กำกับหลี่เดินไปตบบ่าฉินอวี่ข้างเตียง ก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้ที่แมวเฒ่ายกมาให้พร้อมขมวดคิ้ว “สถานการณ์ไม่ค่อยดี…”
“ที่กองบัญชาการตึงเครียดมากเหรอครับ?” แมวเฒ่าถาม
“มากกว่าที่นายคิดอีก” ผู้กำกับการหลี่จุดบุหรี่ก่อนกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “เมื่อคืนก่อนมีการเคลื่อนย้ายร่างผู้เสียชีวิตสามสิบรายออกจากถนนเถ้าธุลีและมีผู้บาดเจ็บกว่าร้อยราย นักข่าวจากสถานีวิทยุและสถานีโทรทัศน์แห่มาล้อมสำนักงานเหมือนฝูงแมลงหวี่เพื่อคดีนี้ ถ้ากองบัญชาการตำรวจไม่ปิดเรื่องเอาไว้ สื่อทุกสำนักแม้แต่ในเฟิงเป่ยคงรายงานข่าวนี้กันใหญ่”
คำพูดของผู้กำกับหลี่ทำให้แมวเฒ่าและฉินอวี่รับรู้ได้ว่าสถานการณ์เข้าขั้นฉุกเฉินเพียงใด
“โชคดีที่ทหารมาถึงทันเวลา ขืนเหตุการณ์บานปลายเป็นหมื่นคน ฉันคงถูกไล่ออกหรือโดนอัยการยื่นฟ้องให้รับผิดชอบแน่” ผู้กำกับการหลี่ตอบด้วยสีหน้าเหนื่อยล้าพลางถอนหายใจเฮือกใหญ่ “พรุ่งนี้เช้าฉันจะไปพบอดีตที่ปรึกษาที่เฟิงเป่ย”
ฉินอวี่ตั้งใจฟังผู้กำกับการหลี่พูดโดยไม่ขัดจังหวะ
“แค่เพราะเป็นอดีตที่ปรึกษาไม่ได้หมายความว่าเขาจะช่วยฉันอย่างไม่มีเงื่อนไข เราต้องเสนอสิ่งตอบแทนที่น่าพึงพอใจถ้าต้องการแรงสนับสนุนจากเบื้องบนเพื่อจัดการเรื่องหยวนหัว” เฒ่าหลี่กล่าวเสียงเรียบนิ่ง “ไม่ว่าฉันจะได้อะไรตอบแทนหรือไม่ได้นั้นไม่สำคัญ สิ่งสำคัญอยู่ที่เราจะโน้มน้าวให้เบื้องบนเชื่อว่าจะได้รับการตอบแทนอย่างสมน้ำสมเนื้อได้หรือไม่”
“ท่านมีแผนอะไรเหรอครับ?” ฉินอวี่ถามอย่างระมัดระวัง
“ตอนนี้ตระกูลหม่าถูกปราบปรามจนไม่เหลืออำนาจในเมืองพื้นทมิฬแล้ว ฉันจะสนองความต้องการของเบื้องบนได้ยังไงถ้าไม่อาศัยกำลังของตระกูลหม่า?! ฉันไม่มีเงินเยอะพอจะควักกระเป๋าเองหรอก!” เฒ่าหม่ากล่าว “ดังนั้นกุญแจสำคัญของเรื่องนี้คือตระกูลหม่า พวกเขาต้องทำธุรกิจค้ายาอีกครั้งจึงจะสามารถต่อกรกับหยวนหัวได้ เมื่อมีเงินหมุนเวียนอยู่ตัวแล้ว เราก็ไม่ต้องกังวลเรื่องการสร้างเส้นสายอีกต่อไป”
“เข้าใจแล้วครับ” ฉินอวี่พยักหน้า
“ช่องทางการค้าของตระกูลหม่าถูกทำลายหมด” แมวเฒ่าขมวดคิ้ว “หลังจากอาหลงตายพวกเขาก็หาช่องทางใหม่ไม่ได้เลย ถึงเฒ่าหม่าจะรวมกลุ่มต่างๆ เข้าด้วยกันก็ยังไม่สามารถทำธุรกิจได้อยู่ดี”
“นั่นคือสิ่งที่ฉันกำลังพยายามอยู่” ผู้กำกับการหลี่มองฉินอวี่อย่างตั้งใจ “ฉันอยากให้นายติดต่อกับฉีหลิน ไม่ว่ายังไงก็ต้องหาช่องทางที่อาหลงผูกขาดไว้ก่อนหน้านี้ให้ได้ ถ้ามีช่องทางการจัดหายาใหม่ ตระกูลหม่าก็จะสามารถดำเนินธุรกิจต่อไปและสร้างผลกำไรมหาศาล นี่คือเบี้ยตัวสำคัญที่ฉันต้องใช้เจรจาเพื่อให้เบื้องบนหนุนหลังเรา!”
“ท่านพูดถูกครับ ช่องทางการจัดหายาคือหัวใจของทุกสิ่ง” ฉินอวี่พยักหน้าเห็นด้วย “ส่วนเหตุผลที่หยวนหัวพยายามกำจัดตระกูลหม่าก็เพราะพวกเขาสามารถเข้าถึงยาราคาถูกแต่คุณภาพสูงได้”
“ถูกต้อง” ผู้กำกับหลี่พยักหน้า
“แต่ฉีหลินบอกผมว่า อาหลงทิ้งเบอร์ติดต่อไว้จริงแต่เขาหาเบอร์นั้นไม่เจอแล้วครับ” ฉินอวี่ตอบด้วยน้ำเสียงวิตกและโกรธเคือง
ผู้กำกับหลี่พ่นควันบุหรี่พลางหรี่ตามองฉินอวี่ “รู้ซึ้งถึงผลร้ายของสิ่งที่ทำลงไปแล้วหรือยัง?”
คำถามนั้นทำฉินอวี่ชะงักไปเล็กน้อย
“คืนที่พวกนายยืนกรานจะช่วยฉีหลินออกจากถนนเถ้าธุลี ฉันก็ถูกพวกนายบังคับด้วยเหมือนกัน! การกระทำของพวกนายไม่เพียงทำให้หยวนหัวโกรธแต่ยังรวมถึงคู่ค้าของเขาด้วย ถ้าเราใช้ช่องทางจัดหายาสร้างเส้นสายกับเบื้องบนเพื่อสู้กับฝ่ายหยวนหัวไม่สำเร็จก็นับถอยหลังรอเวลาที่พวกมันจะมาล้างแค้นได้เลย!” ผู้กำกับการหลี่กล่าวอย่างเคร่งเครียด “ถึงตอนนั้นคงยากที่จะเห็นฉันเป็นผู้กำกับการตำรวจ… หรือแม้แต่นายจะยังมีชีวิตรอดในเขตพิเศษที่เก้ารึเปล่า!”
ฉินอวี่เข้าใจสิ่งที่ผู้กำกับการตำรวจต้องการสื่อทันที
พูดง่ายๆ ก็คือหากพวกเขาล้มเหลวในการรักษาเส้นทางจัดหายาเอาไว้ ผู้กำกับการหลี่คงไม่สามารถปกป้องแม้แต่ตัวเอง แล้วนับประสาอะไรกับพวกเขาทั้งสองคน! เมื่อถึงตอนนั้น ฉินอวี่ผู้ต้องเผชิญกับความโกรธเกรี้ยวของศัตรูจำนวนมากโดยไร้แรงสนับสนุนคงถึงฆาตเป็นแน่!
“ฉันจะพูดตามตรงนะ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเราต้องหาช่องทางซื้อขายยาของอาหลงให้เจอ ไม่อย่างนั้นฉันขอแนะนำให้นายหนีออกจากเขตพิเศษที่เก้าให้เร็วที่สุด!” ผู้กำกับการหลี่แนะนำ “ถ้าหยวนหัวคิดจะแก้แค้นแล้วล่ะก็ มันไม่สนหรอกว่านายเป็นตำรวจรึเปล่า!”
ฉินอวี่ครุ่นคิดครู่ใหญ่ “ผมจะไปเขตพัฒนาเพื่อคุยกับฉีหลินเองครับ”
“ถ้าอย่างงั้นก็พักผ่อนเถอะจะได้หายเร็วๆ นายต้องจัดการเรื่องนี้ให้เร็วที่สุด” ผู้กำกับการหลี่กล่าวพร้อมลุกขึ้นยืน “พรุ่งนี้ฉันจะไปหาที่ปรึกษาคนก่อนที่เฟิงเป่ย”
“รับทราบครับ”
“อ้อ… อีกอย่างนายต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าเฒ่าหม่ากบดานอย่างปลอดภัย เพราะกองบัญชาการมีหลักฐานมัดตัวเขาและส่งมอบหมายจับให้ฉันแล้ววันนี้” ผู้กำกับการหลี่เสริม
ความเงียบเข้าปกคลุมชั่วครู่ก่อนแมวเฒ่าจะเอ่ยขึ้น “แล้วเรื่องดามินกับหม่าเหลาเอ๋อล่ะครับ? ผมสัญญากับเฒ่าหม่าไว้แล้วว่าจะช่วยพวกเขาออกมา”
“ฉันจะช่วยพวกเขาท่ามกลางสถานการณ์แบบนี้ได้ไง?! บอกเขาให้รออีกหน่อย” ผู้กำกับการหลี่ทิ้งท้ายก่อนเดินออกจากห้องไป
กลิ่นน้ำยาฆ่าเชื้อคละคลุ้งไปทั่วห้องพัก ฉินอวี่นอนจ้องเพดานว่างเปล่าด้วยสีหน้าสับสนพลางถอนหายใจเฮือกใหญ่ “แค่เขตพัฒนาก็ยุ่งยากพอแล้ว ไม่คิดว่าเขตพิเศษที่เก้าที่ดูปลอดภัยอย่างนี้จะมีมนุษย์กินคนตัวจริงแฝงอยู่ด้วย”
“ฉันก็เสียใจที่วันนั้นดึงนายเข้ามาพัวพันเรื่องนี้” แมวเฒ่ารู้สึกแย่กับสิ่งที่เกิดขึ้นเช่นกัน
ฉินอวี่เลียริมฝีปาก “ฉันไม่ใช่คนประเภทที่มองย้อนกลับไปหลังตัดสินใจแล้วหรอกนะ หยุดพูดซ้ำๆ สักที! น่ารำคาญ!”
แมวเฒ่าเงียบไปชั่วครู่ก่อนพูดขึ้น “ฉันจะไปเขตพัฒนากับนายด้วย”
“เฒ่าหลี่ไม่อนุญาตหรอก” ฉินอวี่ตอบ
“ถ้าฉันเป็นคนชอบหนีปัญหา ฉันคงไม่ช่วยฉีหลินหรอก” แมวเฒ่าตอบโดยไม่ลังเล “ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว ฉันจะไปกับนาย!”
ฉินอวี่มองแมวเฒ่าพลางหัวเราะแผ่วเบา
…
ณ เขตพัฒนา
ฉีหลินค่อยๆ ใช้ไม้ค้ำยันเดินเข้าไปในบ้านเก่าคร่ำคร่า แม่ของเขานั่งอยู่บนเตียงนอนเย็นเฉียบพลางจัดสัมภาระ
“แม่ทำอะไรอยู่เหรอ?”
“แม่กำลังจัดเสื้อผ้าของพวกเราน่ะ” หญิงชรากล่าวพร้อมดึงกระเป๋าสีดำออกจากกระเป๋าเดินทาง
ฉีหลินอึ้งไปชั่วขณะเมื่อเห็นกระเป๋าสีดำก่อนอุทานด้วยความประหลาดใจ “แม่! กระเป๋าใบนั้น!”
………………………………….