px

เรื่อง : การกลับมาของฮีโร่
ตอนที่ 6


ตอนที่ 6

 

ชินซูย็องสะดุ้งตื่นจากการนอนหลับ เมื่อคืนที่ผ่านมาเธอนอนหลับอย่างเต็มอิ่ม

 “ฉันเผลอหลับไปตั้งแต่เมื่อไรกัน”

เธอขยี้ดวงตาแล้วสังเกตบริเวณห้อง

เธอยังมีงานมายที่ต้องทำอีกมาก ทั้ง ซักผ้า  ทำความสะอาดบ้าน งานของเธอกองเป็นภูเขา

 “โห้หหห”

แต่เมื่อเธอตื่นขึ้นมา สิ่งแรกที่เธอเห็นเลย คือห้องนอนที่สะอาดสะอ้าน

เสื้อผ้าที่ยังไม่พับกลับถูกพับไว้อย่างเรียบร้อย พื้นบ้านที่เคยฝุ่นเกาะ ตอนนี้กลับเงาวับ แม้แต่ผมซักเส้นยังไม่มี ถังขยะที่ห้องนั่งเล่นก็ถูกนำไปทิ้งแล้วด้วยเช่นกัน

 “แม่ตื่นแล้วเหรอครับ”

ชินซูย็องหันหลังกลับมา

เธอเห็นว่า ซูฮยอนกำลังเปลี่ยนเสื้อผ้าของเขาอยู่ 

ชินซูย็องมองเข้าไปในนอนที่สะอาดเนียนกริ๊บ พร้อมถาม ซูฮยอนว่า

 “ลูกทำเองเหรอ”

 “ทำความสะอาดเหรอครับ?”

 “ใช่”

 “ผมเห็นว่าแม่นอนหลับอยู่ผมจึงไม่อยากปลุก ผมรีดผ้าไม่ค่อยเรียบร้อยเท่าไหร่ ผมจึงพับมันไว้ ส่วนห้องน้ำผมเห็นว่ามันสกปรก ผมจึงลงมือขัดมันจนสะอาดเอี่ยมอ่องแล้วครับ”

ชินซูย็อง ยืนนิ่งเหมือนวิญญาณออกจากร่างไปแล้ว 

ถึงแม้ว่าลูกของเธอจะเคยทำความสะอาดบ้าน แต่ก็นานๆครั้งเท่านั้น 

ชินซูย็อง คิดไม่ถึงเลยว่าลูกของเธอจะแอบมาทำความสะอาดตอนที่เธอหลับ

 “ทุกอย่างเรียบร้อยหมด มันไม่เหลืออะไรให้ฉันต้องทำเลย”

ดูเหมือนว่าเธอจะเหลือเวลาพักผ่อนอีกนาน ก่อนที่จะไปทำงานประจำของเธอ

 “แล้วลูกจะทำอะไรต่อไปล่ะ ลูกมีเป้าหมายหรือยัง”

 “ผมว่าผมจะไปห้องสมุด”

 “ห้องสมุด?”

 “ใช่ครับ ถ้าผมไม่อยู่ห้องสมุด บางที่ผมอาจอยู่บ้านของเพื่อน โทรศัพท์ผมปิดไว้นะครับ แม่ไปทำงานให้สบายใจเถอะไม่ต้องไปห่วงผม

 “ลูกจะเรียนต่อ?”

 “ใช่ครับ ผมจะเข้ามหาวิทยาลัย”

ถึงแม้ว่ามันจะเป็นข้ออ้างที่ไม่ค่อยมีน้ำหนักสักเท่าไหร่ แต่เขาก็คิดวิธีอื่นไม่ออกอีกแล้ว

ซูฮยอนเกาศีรษะของเขาและหันหน้าหนี

 “ผมไปแล้วนะครับ เดียวผมจะรีบกลับ”ซูฮยอนพูดจบก็ใส่ร้องเท้าแล้ววิ่งออกไปข้างนอกทันที

ชินซูย็องมองออกไปด้านนอกที่ดวงตะวันยังไม่ขึ้นดี แล้วพึมพำเบาๆ

 “เรื่องจริงงั้นเหรอ”

เธออาจจะตกใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น เมื่อเธอล้มตัวลงนอน เธอก็หลับปุ๋ย

* * *

ตอนเช้ามืด เวลาตี 5 

ผู้คนยังดูบางตา มีแค่ไม่กี่คนเท่านั้นที่รีบไปทำงานแต่เช้า

 “ฉันควรจะเรียนสักหน่อย”

เนื่องจากเขาใช้ข้ออ้างการเรียน เขาจึงต้องทำมันเพื่อไม่ให้แม่ของเขาสงสัย

 “ฉันต้องแบ่งเวลาให้ดี การเรียนจะต้องไม่มากจนเกินไป”

เมื่อชาติที่แล้ว ซูฮยอนได้เข้าเรียนมหาวิทยาลัยที่ได้รับการยอมรับของเกาหลี เลยทำให้เขามีความรู้จากอดีตพอสมควร

 “แต่ก่อนอื่นเลย”

ซูฮยอนรีบมุ่งหน้าไปที่ซอยคับแคบ เขามั่นใจว่าซอยแห่งนี้จะไม่มีคนผ่านมาอย่างแน่นอน 

ที่เขาบอกกับแม่ว่าจะไปห้องสมุดจริงๆแล้วเขาโกหก

 “ฮ่า ฉันกำลังจะทำอะไรอยู่งั้นเหรอ”

เขาไม่ได้กำลังจะไปขโมยของใคร แต่ถ้ามีคนมาเจอซูฮยอนที่ซอยแห่งนี้เข้าละก็ พวกเขาคงคิดว่าซูฮยอนเป็นโจรแน่ๆ

 “มันไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว ฉันจำเป็นต้องหาที่แอบ”

อีกไม่กี่ปีข้างหน้า 'ผู้ตื่นขึ้น' จะโดนจับตามองเป็นพิเศษ

ดังนั้นถ้าไปหอยคอยแห่งการทดสอบ กลางถนน มันคงสร้างความแตกตื่นให้แก่สังคมแน่ๆ

 “ฉันไม่สามารถหันหลังกลับไปได้อีกแล้ว”

ฉีก..

ไม่นานประตูมิติหรือเส้นทางเข้าหอคอยก็ปรากฏอยู่ตรงหน้า เมื่อก้าวเข้ามาคุณจะเห็นหอคอยขนาดยักษ์ที่สูงเสียดฟ้า

เขาใช้ชีวิตอยู่ในหอคอยมาหลายปีทำให้เขารู้จักเส้นทางเกือบทั้งหมด

ไม่นานวิสัยทัศน์ของซูฮยอนก็เปลี่ยนไปเป็นสีขาว ฉากต่างๆเริ่มชัดขึ้น 

ถึงแม้ซูฮยอนจะเข้าหอคอยมาหลายรอบ แต่เขาก็อดที่จะตื่นตาตื่นใจกับฉากตรงหน้าไม่ได้

 [ยินดีต้อนรับสู่หอคอยแห่งการทดสอบ]

ข้อความปรากฏขึ้นในสมองของเขา

ซูฮยอนมาปรากฏภายในเมืองที่กว้างใหญ่ ซึ่งมีคนมากหน้าหลายตา เดินกันให้ควั่ก

 “หอคอยแห่งการทดสอบ”

หรือที่คนภายนอกเรียนกันว่า  “ก้นบึ้งสู่ขุนนรก”

 

ชื่อของมันดูมืดมัวและน่าเศร้า แต่ความจริง 

ในที่แห่งนี้สามารถอาศัยอยู่ได้โดยไม่ต้องเคลียร์ชั้น มันเป็นที่ๆน่าอยู่พอสมควร

 “มันเป็นสถานที่ดี”

ในอนาคตโลกของมนุษย์เกือบถูกทำลาย โลกเต็มไปด้วยซากศพ แล้วสิ่งก่อสร้างที่ปรักหักพัง

มันเลยเป็นเหตุให้โลกแห่งนี้น่าอยู่มากกว่าเดิมซะอีก

 “เพราะวันนั้น มันเป็นวันแห่งการเฟ้นหา....”

ซูฮยอนส่ายหน้าและไล่ความคิดที่ฟุ้งซ่านออกไป ตอนนี้เขาต้องเตรีมตัวให้พร้อม และรอวันการเลือกเฟ้นที่จะมาถึงในอนาคต

ซูฮยอนมุ่งหน้าไปที่ย่านการค้าที่ตั้งอยู่ในเมืองทันที

รอบๆเมืองมันเต็มไปด้วยชาวบ้านท้องถิ่น ซึ่งซูฮยอนไม่สามารถตรวจสอบสถานะของพวกเขาได้

ใช้เวลาไม่นาน ซูฮยอนก็มาถึงร้านค้าที่ตามหา

เมื่อซูฮยอนเดินเข้ามาในร้าน เสียงที่สดใสก็ดังขึ้น “สวัสดีค่ะ ไม่ทราบว่าคุณลูกค้าของการอะไรเอ่ย”

เธอเป็นคนที่สวยงามมาก ผมสีดำ ผิวขาวเนียนกระจ่างใสน่าสัมผัส และรูปร่างที่เหมือนกับนาฬิกาทราย

 “คุณลูกค้าสนใจสินค้าชิ้นไหนเป็นพิเศษไหมคะ”

ซูฮยอนจ้องมองเธอ

ช่างเป็นผู้หญิงที่งดงามและมีเสน่ห์ยิ่งนัก ซูฮยอนรู้ว่าเธอเป็นใคร

เธอคือ ดาร์คเอลฟ์เวลล์ลี่ เธอเป็นหนึ่งในแม่ค้าของชั้นที่สอง ของหอคอยแห่งการทดสอบ ส่วนมาก เธอมักจะขายหนังสือสกิล

ดาร์คเอลฟ์เป็นชื่อที่รู้จักกันดีในหมู่ 'ผู้ตื่นขึ้น' ถึงแม้ว่า เวลล์ลี่จะไม่ใช่ เอลฟ์ แท้ 100% แต่ความสวยงามของเธอก็เหมือนกับเอลฟ์จริงๆ

เมื่อได้ยินเสียงของเวลล์ลี่ ซูฮยอนก็เดินเข้าไปหาเธอ 

 “คุณลูกค้ามาที่นี่ครั้งแรกหรือป่าวค่ะ”

 “คุณคิดว่าไงล่ะ”

 “ฉันพึ่งเคยเจอคุณเป็นครั้งแรก แต่แววตาของคุณมันบอกว่าไม่ใช่ มันเหมือนกับว่าคุณกลับมาอยู่สถานที่เก่ามากกว่า”

 “อย่าไปสนใจเลย คุณคิดแค่ว่า ผมเป็นลูกค้าที่ผ่านทางมาก็พอ”

 “ช่างมันแล้วกัน แล้วไม่ทราบว่าคุณลูกค้าต้องการซื้ออะไรคะ ส่วนใหญ่ฉันมักจะขายหนังสือสกิล ถ้าคุณลูกค้าไม่รู้จะซื้ออะไร เดี๋ยวดิฉันจะแสดงรายชื่อ ไอเทม ให้คุณลูกค้าเลือกเองก็แล้วกัน”

เมื่อซูฮยอนมายืนใกล้ๆกับเวลล์ลี่ เขาใช้สายตากวาดมองขึ้นๆ ลงๆ 

ความเย้ายวน และความงามอันไรฐิติ

ไม่แปลกใจเลยทำไมผู้คนหลายคนพยายามจะเอาชนะใจเธอ แต่คนพวกนั้นก็กลับไปแบบคอตก 

เพราะเวลล์ลี่ไม่สนใจพวกเขาเลยซักนิด

 “คุณมีหนังสือสกิล จำแลง ไหม”

 “ห๊ะ อะไรนะ”

 “คุณขายมันเท่าไหร่ ว่ามาได้เลย ”

 “ฉันมี..ว่าแต่จะเอามันไปทำอะไร”

 “เพราะผมต้องการมัน”

 “คุณจ่ายไหวเหรอ มันมีราคาถึง 1000 คะแนนเลยนะ”

คนที่พึ่งมาจากชั้นที่ 1 จะมีถึง 1000 คะแนนได้เหรอ  คำตอบคือมันเป็นไปแทบไม่ได้

 “สกิล จำแลง สามารถใช้ได้เฉพาะคนที่มี ระดับเวทย์ ระดับ 2 เท่านั้น แต่คุณพึงเคลียร์ชั้นแรก ดังนั้นฉันคิดว่า..”

 “คุณหยุดพูดก่อน เอานี้ 1000 คะแนนของฉันรับไปสิ”

 “อะไรกัน เป็นไปไม่ได้”

 “ส่งของมาให้ฉันได้แล้ว”

เวลล์ลี่ยืนนิ่งไปสักพักแล้วค่อยๆหยิบหนังสือสกิลที่ ซูฮยอนต้องการออกมา

 “รับไปสิ มันคือหนังสือสกิล จำแลง ที่คุณต้องการ”

 “ขอบคุณ”

 [คุณใช้คะแนนความสำเร็จ 1000 คะแนน]

 “คุณคะ ดิฉันมีเเรื่องที่อยากถามหน่อยคะ”

 “อยากถามอะไรครับ”

 “คุณพึงจะเคลียร์ชั้นแรกไปจริงๆเหรอคะ ทำไมคุณคะแนนมากขนาดนั้น ”

 “คุณไม่ต้องอยากรู้เรื่องของผมมากขนาดนั้นก็ได้ ผมอยู่ชั้นนี้ไม่นานหรอก”

 “ก็ได้คะ”

 “จริงสิ คุณมีสกิล กระโดด ด้วยใช่ไหม รู้สึกว่าจะ 150 คะแนน”

 “คนแบบคุณไม่ควรอยู่บนชั้น 2 เลยจริงๆ”

เวลล์ลี่มองซูฮยอนอย่างสงสัย แต่เธอก็ยังหยิบสกิลกระโดดมันให้เขาอยู่ดี

การแสดงอารมณ์ของเธอดูแตกต่างไปจากตอนแรก

ครั้งแรกที่เธอเจอกับซูฮยอน เธอรู้สึกเฉยๆกับเขา 

ทว่าตอนนี้เธอกลับแสดงสีหน้าอยากรู้อยากเห็นออกมา

ซูฮยอนมั่นใจว่า เธอต้องรู้คุณค่าของ สกิล จำแลง อย่างแน่นนอน เพราะเธอไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไป

ทำเธอถึงมาอยู่เมืองนี้ ไม่มีใครรู้แน่ชัด ชาวเมืองของที่นี่ก็มีความลับเกือบทุกคน

 “หมดธุระของผมแล้ว ถ้างั้นผมขอตัวก่อน”

ซูฮยอนเดินออกมาจากร้านของเวลล์ลี่ และแวะไปซื้อของที่ร้านอื่นๆต่อ

ถ้าคุณต้องการเอาอุปกรณ์บ้างอย่างออกจากหอคอยแห่งการทดสอบ มันจำเป็นต้องใช้ไอเทมบางอย่างที่สำคัญมากๆ แต่ไอเทมที่ว่า ไม่สามรถหาได้จากซื้อได้จากชั้นที่ 2

ซึ่งมันแตกต่างกับสกิล ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหนสกิลที่คุณมีก็จะติดตัวไปด้วยตลอดเวลา

 “อย่างน้อยมันก็คุ้มค่ากับคะแนนที่เสียไป”

เขาเสีย 300 คะแนน สำหรับยากับผ้าพันแผล และของอื่นๆ

อีก 700 คะแนนที่เหลือเขาก็ใช้ซื้อ ตัวเร่งปฏิกิริยามานาระดับต่ำ

 “ประเมิน”

 [สกิล จำแลง]

-ระดับเวทย์ 2

-เลเวล 1

-เลียนแบบควาสามารถของเป้าหมาย การเลียนแบบขึ้นอยู่กับระดับเวทย์ของผู้ใช้ ยิ่งเป้าหมายมีความยากขึ้น การเลียนแบบก็จะยากไปด้วย

 [กระโดด]

-ระดับเวทย์ 2

-อบิลิตี้ 0

-สามารถกระโดดไปมาบนอากาศได้มากกว่า 1 ครั้ง และจำนวนการกระโดดกับความสูงจะเพิ่มขึ้นตามอบิลิตี้

สกิลทั้งหมดเป็นสกิลที่เขาซื้อมาจากร้านของเวลล์ลี่

ซูฮยอนรู้ว่าพวกมันเป็นสกิลที่มีประโยชน์และมีประสิทธิภาพมากที่สุดของชั้นที่ 2

“คิดถูกจริงๆที่ชื้อมัน”

สกิลที่มีมูลค่าถึง 1000 คะแนน

ความจริงมันเกือบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะได้รับมันมาในชั้นที่ 1 

แต่เมื่อประมาณ 10 ปีก่อน ได้มี 'ผู้ตื่นขึ้น' คนหนึ่งเลือกระดับที่ 9 แล้วทำการเคลียร์ชั้นแรกได้

ทำให้เขาได้คะแนนมาเยอะจนสามารถซื้อสกิลจำแลงได้ ถึงขนาดออกข่าวโด่งดังไปทั่ว

เขาไม่รู้สึกเสียดาย 1000 คะแนนเลยซักนิด เพราะมันเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าอยากมากสำหรับเขา

 “ยิ่งระดับสูง สกิลก็ยิ่งดีขึ้น”

สกิลจำแลง มันไม่เหมือนกับสกิลกระโดด สกิลกระโดดมันไม่ได้ยืดติดกับพลังเวทย์มากนัก แต่มันถูกกำหนดโดยค่าอบิลิตี้ ยิ่งอบิลิตี้ของคุณสูง สกิลของคุณก็จะสูงตามไปด้วย

ส่วนสกิล จำแลง มันถูกกำหนดค่าด้วยระดับเวทย์ ยิ่งระดับเวทย์สูงมากเท่าไหร่ สกิลก็จะมีประสิทธิภาพสูงตามไปด้วย

สกิลที่ดีที่สุดและมีประสิทธิภาพมากที่สุดควรเป็นสกิลคล้ายๆกับสกิลกระโดดมากกว่า

เพราะมันไม่จำเป็นต้องมีระดับเวทย์สูงๆ ก็สามารถทำให้สกิลแรงหรือพัฒนาไปได้

แต่สกิลส่วนใหญ่ไม่ได้เป็นแบบนั้น

 “ตอนนี้ไม่มีอะไรที่ฉันต้องการอีกแล้ว..”

ซูฮยอนได้ใช้ 50 คะแนนซื้อกระเป๋าใบเล็กๆใบหนึ่งเพื่อใส่ของใช้ต่างๆของเขา

ซูฮยอนได้ใช้คะแนนความสำเร็จจากการเคลียร์ชั้นแรกไปหมดแล้ว

“เฮ้อถือซะว่าซื้อความสำเร็จในอนาคตแล้วกัน”ซูฮยอนกล่าว

“แต่ก่อนอื่นเลย…”

ซูฮยอนเดินไปแหล่งที่พักอาศัย แล้วขึ้นไปบนห้องที่เขาได้ทำการเช่าไว้ 

ผู้อยู่อาศัยทุกคนจำเป็นต้องใช้คะแนนความสำเร็จแทนค่าของสกุลเงิน

คลิก

เมื่อซูฮอนก้าวเข้ามาภายในห้อง

เขาก็เอาดาบและหอกไปว่างไว้ที่มุมของห้อง

จากนั้นเขาจึงหยิบขวดสีม่วงที่ใส่ไว้ในกระเป๋าข้างเอวขึ้นมา

 [ตัวเร่งปฏิกิริยามานาระดับต่ำ]

-ตัวเร่งปฏิกิริยามานาระดับต่ำ ที่ถูกเจือจาง เมื่อใช้จะเพิ่มระดับเวทย์และปัจจัยเวทย์อย่างถาวร ปล.การเพิ่มของพลังเวทย์ขึ้นอยู่กลับร่างกายขอผู้ใช้

เมื่ออ่านคำอธิบายเสร็จ บางคนอาจคิดว่าเสียไป 700 คะแนน มันเป็นการเสียของซะป่าว มันเอาไปทำอย่างอื่นได้ตั้งเยอะ

แต่ความจริง ผู้ใช้พลังเวทย์แทบทุกคนต้องการให้ปัจจัยเวทย์ของตัวเองสูงเข้าไว้

แต่ถ้าคุณใช้ตัวเร่งปฏิกิริยามานาไปเมื่อไหร่

คุณจะต้องเสี่ยงดวงไปกับมัน เพราะผลลัพธ์ที่ได้ของแต่ละคนไม่เหมือนกัน

 “มาดูกันว่าดวงของฉันดีไหม"

อึก..

ซูฮยอนไม่รอช้า เขาเปิดขวดสีม่วงแล้วทำการดื่มมันหมดภายในครั้งเดียว 

 


[ฝากติดตามแฟนเพจด้วยนะครับ >> อ๊ปไปแปล ]

รีวิวผู้อ่าน