ตอนที่ 11
หลังจากกินปิ้งย่างเสร็จ
ชินซูย็องที่ดื่มเบียร์ไปหลายขวด ก็เริ่มมีอาการเมา
โชคดีที่พรุ่งนี้เธอหยุดงาน
เลยทำให้เธอมีเวลาอยู่ข้างนอกกับซูฮยอนได้นานกว่าปกติ
หลังจากแม่ลูกกลับถึงบ้าน
พวกเขาก็แยกไปนอนห้องใครห้องมัน
เวลาประมาณเที่ยงคืนนิดๆ
ซูฮยอนลืมตาขึ้นแล้วเตรียมความพร้อม เพื่อออกไปข้างนอก
“ซูฮยอน ลูกจะไปแล้ว?”
เสียงของชินซูย็องดังขึ้นที่หน้าประตู
ซูฮยอนยืนมองประตูด้วยสีหน้าเรียบเฉย
เขาพยายามแอบออกไปอย่างเงียบๆ
แต่ใครจะคิดว่าเขาจะมาจ๊ะเอ๋กลับแม่หน้าประตูแบบนี้
“ครับแม่ เดียวผมจะรีบกลับมา”
“ลูกจะไปเที่ยวไหน ไปนานหรือป่าว”
“ผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน ผมว่าจะเที่ยวไปผ่อนคลายความเครียดสักหน่อย”
หลังจากผลสอบเข้ามหาวิทยาลัยออกมา
ซูฮยอนก็ได้ขอแม่ของเขาไปเที่ยว
ซึ่งชินชูย็องก็ไม่ได้คัดค้านอะไร
“รีบกลับบ้านด้วยนะ ถ้ามีเรื่องอะไรโทรหาแม่ได้ตลอดเวลา”
“ได้ครับ แต่แม่ครับ ผมปิดมือถือไว้นะครับ เพราะงั้นแม่ไม่ต้องโทรหาผมนะ”
“เอาอีกแล้ว ทำไมลูกต้องปิดมือถือด้วย”
“โถ่แม่ มันไม่ใช่ครั้งแรกสักหน่อย แม่ไม่ต้องเป็นห่วงผม เดียวผมจะรีบกลับครับ”ซูฮยอนพูดเสร็จออกจากบ้านไปพร้อมกระเป๋าหนึ่งใบ
ซูฮยอนสูดอากาศบริสุทธิ์เข้าไปเต็มปอดแล้วมุ่งหน้าไปที่ภูเขารกล้างทันที
ชั้นที่ 10 มันคือเป้าหมายแรกที่เขาต้องผ่านมันไปให้ได้
ซูฮยอนคิดว่าเป้าหมายแรกของเขา
มันก็แค่เรื่องกล้วยๆใช้เวลาไม่นานเดียวเชาก็ไปถึงจุดหมายที่วางไว้
แต่เขากลับคิดผิด
เพราะว่าเขาใช้เวลานานกว่าที่ว่างไว้มาก
เขาคิดเสมอว่าเขาคงสามารถเคลียร์ชั้นที่ 10 ได้ภายในเวลาหนึ่งปี
แต่ความจริง เขาใช้เวลาไปมากกว่าปีครึ่งกว่าจะมาถึงชั้นที่สิบ
การจะไปถึงชั้นที่ 10 มันยากสมคำร่ำลือจริงๆ
ถ้าไม่ลองด้วยตัวเองไม่มีทางได้ทราบแน่
ฉึก
ซูฮยอนเปิดประตูแล้วกลับเข้าสู่ หอคอยแห่งการทดสอบอีกครั้ง
* * *
เมืองชั้นที่ 10 บรรยากาศของมันช่างมืดมน มันไม่เหมาะแก่การอยู่อาศัยเลยจริงๆ
ซึ่งมันต่างกับชั้นที่ 2 มากพอสมควร บรรยากาศของชั้นที่ 2 ดูร่มเย็นเป็นสุข ผู้คนเดินกันให้ควั่ก
โลกที่มนุษย์กลัวมากที่สุดคือโลกภายในหอคอยแห่งการทดสอบ
เพราะแต่ละชั้นของหอคอยแห่งการทดสอบ
มันเต็มไปด้วยโลกที่แสนพิศวงมากมายนับไม่ถ้วน
แถมแต่ละโลกก็มีเรื่องราวและวัฒนธรรมเป็นของตัวเอง
ในชั้นที่ 10 สุริยัน จันทรา ไม่เคยโผล่ขึ้นมาให้แสงสว่างเลยแม้แต่ครั้งเดียว
ถึงแม้มีชาวบ้านอาศัยอยู่ แต่ท่าทางของพวกเขาก็ดูหดหู่ไม่น่ามอง
ซูฮยอนเดินตามเส้นทางในชั้นที่ 10 ไปเรื่อยๆ
ทั้งซ้ายและขวาของเขา มันเป็นกำแพงสีดำทมิฬล้อมรอบอยู่
ผู้คนมักกล่าวขานมันว่า 'เส้นทางสู่จุดจบ'
ในนานซูฮยอนก็เห็นว่าด้านหน้าของเขามีประตูยักษ์ตั้งอยู่
“ หนุ่มน้อย เธอจะเข้าไปข้างในใช้ไหม”
ผู้อารักขาประตูถาม เขาดูเหมือนชายวัยกลางคน ใบหน้ายาวเรียว ร่างกายมีมัดกล้ามเล็กน้อย
เขานั่งอยู่บนพื้นปูนที่สกปรกแล้วชำเลืองมองซูฮยอน
เขาคือผู้อารักขาประตูยักษ์บานนี้
“อย่าลืมจ่ายค่าผ่านทาง”ผู้อารักขา เอื้อมมือไปหาซูฮยอนเพื่อทวงค้าผ่านประตู
หลายๆคนอาจเข้าใจผิดว่าเขาเป็นเพียงขอทานกระจ้อยร่อย
แต่ซูฮยอนรู้จักเขา
'ผู้ตื่นขึ้น' ต่างเรียกเขาว่า 'ผู้ส่งสาร'
ณ. เวลาหนึ่ง ได้มีผู้ตื่นขึ้นรายหนึ่งได้จ่ายค่าผ่านประตูให้เขาเป็นจำนวนมาก
มันทำให้ 'ผู้ตื่นขึ้น' รายนั้น ได้รับรู้ความลับบางอย่างของการทดสอบในชั้นที่ 10
เมื่อข่าวคราวรั่วออกไปด้านนอก
มันทำให้ 'ผู้ตื่นขึ้น' รายอื่นๆต่างพากันทำตาม
แต่ผลลัพธ์ที่ออกมา คือเสียค่าผ่านทางไปแบบฟรีๆ
จนในที่สุด ก็ได้มี 'ผู้ตื่นขึ้น' คนหนึ่งตั้งข้อสังเกตว่า
ข้อมูลลับของชั้นที่ 10 มันน่าจะเป็นของคนที่เจอคนแรกมากกว่า
ถึงแม้ซูฮยอนจะไม่เคยเจอ แต่เขาก็เคยได้ยินมันมาเหมือนกัน
เพราะฉะนั้นข้อมูลที่เขาเคยได้ยิน มันน่าจะเป็นความจริง
ซูฮยอนยืนมือออกไป
[คุณใช้คะแนนความสำเร็จ 5000 คะแนน]
เขาเสียคะแนนความสำเร็จไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
แม้ว่าในปีกว่าๆที่ผ่านมาเขาได้รับคะแนนความสำเร็จมาเยอะมาก
แต่เมื่อสักครู่เขาพึงเสีย 5000 คะแนนไป
ถึงแม้มันจะไม่เดือดร้อนสำหรับเขามาก
แต่ซูฮยอนก็ทำใจไม่ได้อยู่ดี
ตั้ง 5000 เลยนะ มันเป็นมูลค่าที่เยอะมาก
แต่เพื่อผลลัพธ์ที่เขาต้องการ
ทำให้การเสียคะแนนแค่นี้ เป็นเรื่องเล็กน้อยสำหรับเขา
นัตน์ตาของผู้อารักขาเปิดกว้าง “ หนุ่มน้อย เธอใจดีจัง”
“ใจดีอะไรกันครับ ผมก็แค่ให้ค่าเหนื่อยของคุณก็แค่นั้น”
ผู้อารักขายิ้มเมื่อได้ยินคำตอบของซูฮยอน “ฮ่า ฮ่า ของคุณสำหรับค่าเหนื่อย ว่าแต่เจ้าหนุ่ม เจ้าต้องการทดสอบระดับที่เท่าไหร่ล่ะ”
“ระดับที่ 10 ผมต้องการทดสอบในระดับยากสุด”ซูฮยอนตอบกลับ
นัตน์ตาของผู้อารักขาเบิกกว้างขึ้น สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปอย่างไม่น่าเชื่อ
“เอางี้เจ้าหนุ่ม ในเมื่อข้าได้รับค่าผ่านทางของเจ้ามากเยอะ ข้าจะบอกความลับให้เจ้าอย่างหนึ่งก็แล้วกัน”
ดูเหมือนเรื่องที่ซูฮยอนเคยฟัง จะเป็นความจริง
ผู้อารักขาลังเลอยู่สักพัก
เขาก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าควรบอกความลับนั่นดีไหม
ซูฮยอนหวังว่าข้อมูลที่เขาได้รับ มันจะช่วยให้เขาผ่านระดับที่ 10 ได้ง่ายขึ้น
ความยากในชั้นต่างๆจะเพิ่มมากขึ้น ทุกๆ 10 ชั้น
‘ผู้ตื่นขึ้น’ ทุกคนต่างกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า ชั้นที่ 11 กับ 12 ยังง่ายกว่าชั้นที่ 10 หลายเท่า
ตามความรู้ของซูฮยอนยังไม่เคยใครสามารถเคลียร์ชั้นที่ 10 ในระดับความยากระดับ 10 ได้ได้เลยสักคน
นั้นเป็นเหตุผล ว่าทำไม่ซูฮยอนถึงจ่ายค่าผ่านทางให้กับผู้อารักขามากขนาดนั้น
เมื่อได้ข้อมูลที่สำคัญ ระดับความยากระดับที่ 10 คงลดลงอีกหน่อยหนึ่ง
ผู้อารักขาครุ่นคิดสักครู่ก่อนกล่าว “เจ้าหนุ่ม เจ้าจงจับตามองหัวหน้าหมู่บ้านให้ดี”
“หัวหน้าหมู่บ้านเหรอครับ?”
“อืมใช่ ข้าบอกต่อเจ้าได้เพียงเท่านี้ เจ้าหนุ่มข้าขอให้ความตั้งใจของเจ้าสมหวัง”ผู้อารักขากล่าวจบบทสนทนาแบบดื้อๆ
ข้อมูลที่เขาได้รับจากผู้อารักขามันน้อยกว่าที่เขาคิดมากนัก
มันทำให้ซูฮยอนไม่สามารถปะติดปะต่อเรื่องราวอะไรได้เลย
ระวังหัวหน้าหมู่บ้าน…ซูฮยอนท่องจำคำนี้ไปมาภายในหัว
มันไม่มีเหตุผลอะไรที่ผู้อารักขา จะโกหกเขา
“ขอบคุณครับ ผู้อาวุโส”
เมื่อซูฮยอนกว่าขอบคุณเสร็จ เขาก็เดินผ่านเข้าไปในประตู ไม่ช้าฉากสีขาวที่เห็นเป็นประจำก็ปรากฏออกมาตรงหน้าซูฮยอน พร้อมข้อความที่แสนคุ้นเคย
[คิมซูฮยอน การทดสอบชั้นที่ 10 เริ่มได้]
[โปรดเลือกระดับความยากของคุณ]
[ระดับ 1 – 10]
[ยิ่งเลือกระดับความยากสูงขึ้น ของรางวัลก็สูงขึ้นเช่นกัน]
เริ่มแล้วสินะ
ซูฮยอนรู้สึกตื่นเต้นทุกครั้งที่เริ่มการทดสอบครั้งใหม่
“ระดับ 10”
[คุณเลือกระดับ 10 การทดสอบเริ่มได้]
ฉากสีขาวได้เกิดการเปลี่ยนอีกครั้ง ไม่นานฉาก วิวทิวทัศน์หน้าหมู่บ้านก็ปรากฏอยู่ตรงหน้าของเขา
ท้องนภาแสนมืดมิด สภาพแวดล้อมอับชื้นและดูมืดมน ด้านหน้ามีหมู่บ้านที่ดูเรียบง่ายและเงียบสงบตั้งอยู่
ซูฮยอนเงยหน้าขึ้นมองท้องนภา
[การทดสอบเริ่มขึ้น]
[คุณได้มาถึงหมู่บ้านที่ไม่รู้จัก หมู่บ้านแห่งนี้กำลังตกอยู่ในอันตราย]
[ปกป้องหมู่บ้านจากภัยอันตราย]
[และเอาชีวิตให้รอด]
[รางวัลที่ได้ ขึ้นอยู่กับผลงานของคุณ]
คำอธิบายของการทดสอบมันดูเรียบง่าย
ซูฮยอนส่งสัยว่าคำอธิบายมีแค่นี้เองเหรอมันน้อยเกินไป
แถมคำอธิบายก็มีข้อส่งสัยหลายอย่าง
ปกป้องหมู่บ้านและมีชีวิตรอด
มีชีวิตรอดงั้นเหรอ แล้วมีชีวิตจากอะไรกันล่ะ
ทันใดนั้นคำพูดของผู้อารักขาประตูยักษ์ก็วิ่งแล๋นเข้ามาให้หัวของซูฮยอน
เขาบอกให้ซูฮยอนจับตามองหัวหน้าหมู่บ้านเอาไว้ดีๆ..
ช่างเถอะ อย่างแรกเข้าหมู่บ้านก่อนแล้วกัน
คำเตือนให้จับตามองหัวหน้าหมู่บ้านไว้ มันคงมีเหตุผลอะไรสักอย่างแน่ๆ
ไม่แน่หัวหน้าหมู่บ้านอาจเป็นกุญแจสำคัญในการผ่านบททดสอบชั้นที่ 10 ก็ได้
ทุบ ทุบ
ซูฮยอนเริ่มก้าวเดินไปทางหมู่บ้านอย่างช้าๆ
แต่แทนที่ซูฮยอนจะรีบตรงไปหาหัวหน้าหมู่บ้าน
เขากลับเงยหน้ามองท้องนภาที่มืดมิดแทน
ใบหน้าของซูฮยอนเริ่มหม่นหมองลง
“ที่แห่งนี้ ทำไมมันมีความดูคุ้นตาจัง”
ท้องนภาสีดำ เสมือนโดนหมึกดำแต้มสีสัน
มันช่างแตกต่างกับแสงจันทราที่ส่องสว่างยามค้ำคืนจริงๆ
ซูฮยอนจำได้ว่าเขาไม่ได้เห็นท้องนภาแบบนี้มาหลายปีแล้ว
สถานที่แห่งนี้ เหมือนเขาเคยเห็นที่ไหนมาก่อน
มันเหมือนกับหมู่บ้านแห่งนี้ไม่มีผิด
ไม่นานผู้คนก็เริ่มรวมตัวออกมาจากบ้านช่องแล้วมองสำรวจซูฮยอน
มีแม่ลูกหนึ่งคู่ กับชายแก่อีกสองสามคน
พวกเขามองดูซูฮยอนอย่างหวาดระแวง
มันไม่ใช่ครั้งแรกที่ชาวบ้านได้เจอคนแปลกหน้า แต่พวกเขาก็ไม่ไว้ใจซูฮยอนอยู่ดี
เดี๋ยวก่อนนะ ดูเหมือนว่าฉันจะนึกอะไรออกแล้ว
“ มันคือที่นี้เองเหรอ” ดูเหมือนซูฮยอนจะเข้าใจคำอธิบายของระบบที่ให้ปกป้องหมู่บ้านแล้ว
สถานที่แห่งนี้จะถูกทำล้ายในอนาคต
ถึงแม้ว่าเขาจะยังไม่แน่ใจนัก แต่ที่แห่งนี้กำลังตกอยู่ในสภาวะล่มสลายในไม่ช้า
เมื่อซูฮยอนกำจัดความคิดที่ไม่จำเป็นออกไป เขาก็หันหน้าไปมองชาวบ้าน แล้วกล่าวทักทาย
“ สวัสดีครับ”ซูฮยอนยิ้มหวานแล้วเดินไปหาขาวบ้าน
เมื่อซูฮยอนพูดจบปฎิกริยาของชาวบ้านก็ดูเฉยเมย
มีเด็กน้อยบางคนพยายามวิ่งมาหาเขา แต่ก็ถูกพ่อกับแม่ห้ามไว้
นี้เป็นครั้งแรกที่ซูฮยอนพบว่ามีคนกลัวเขา
ซึ่งมันทำให้เขาไม่รู้จะยังไงต่อไปดี
ซูฮยอนถอยหายใจอย่างเศร้าใจ “คือผมจะพักที่นี่สักสองสามคืน ไม่ทราบว่ามีที่พักไหมครับ”
เงียบ…ความเงียบถูกปกคลุมไปทั่วหมู่บ้าน
เขาน่ากลัวขนาดนั้นเลยเหรอ ใครก็ได้ช่วยพูดกับเขาที
“ไม่ทราบว่าหัวหน้าหมู่บ้านอยู่ไหมครับ”
เมื่อซูฮยอนถามหาหัวหน้าหมู่บ้าน ชาวบ้านที่ออกมาดูก็กระซิบกระซาบกันเบาๆ
ดูเหมือนว่าพวกเขาก็เห็นด้วย เรื่องการให้หัวหน้าหมู่บ้านมาคุยแทน
ระหว่างที่ชาวบ้านกำลังปรึกษากัน
ซูฮยอนก็แอบสังเกตปฏิกิริยาของชาวบ้านไปด้วย
ไม่นานความคิดอย่างหนึ่งก็ปรากฏขึ้นในหัวของเขา
ดูเหมือนว่าชาวบ้านจะไม่ค่อยชอบคนแปลกหน้าสักเท่าไหร่
พวกเขาอาจมีประสบการณ์ที่ไม่ดีจากคนแปลกหน้าก็ได้
ยาเสพติด ข่มขืน ฆาตกรรม ความไม่เสมอภาค มันเป็นปัญหาของโลกทุกแห่ง
ไม่ว่าโลกแห่งนั้นจะมี วัฒนธรรม หรือ อารยธรรม แต่งต่างกันสักแค่ไหน แต่กำพืดของมนุษย์ก็คล้ายคลึงกัน
โลกทุกใบจะน่าอยู่ขึ้น ถ้าทุกคนช่วยเหลือเกื้อกูลซึ่งกันและกัน มันเป็นสังคมที่นึกถึงก็เป็นมีแต่ความสุขแล้ว
ดินแดนยูโทเปีย เป็นดินแดนที่ทุกคนเท่าเทียมกัน
มันไม่มีเหล้า เบียร์ การพนัน หรือสิ่งยั่วยุใดๆ
ไม่ว่าคุณจะรวยแค่ไหน คุณก็อยู่ใต้กฎหมายอยู่ดี
แต่ ดินแดนยูโทเปียที่กล่าวมา มันก็เป็นเพียงแค่ ดินแดนในจิตนาการเท่านั้น
มันไม่มีทางเกิดขึ้นจริงอย่างแน่นอน
ถ้าจะมีได้ คงต้องรอให้พวกคนชั่วตายไปให้หมดซะก่อน
ไม่นานคนที่ซูฮยอนอยากเจอมากที่สุดก็โผล่มา
“เจ้าหนุ่ม ข้าเองที่หัวหน้าหมู่บ้าน”
ชายชราหลังค่อมเดินผ่าออกมาจากกลางวงล้อมของชาวบ้าน
[ฝากติดตามแฟนเพจด้วยนะครับ >> อ๊ปไปแปล ]