ตอนที่ 24
ในจังหวะนั้นเอง ซูฮยอนก็ใช้การเคลื่อนไหวรูปแบบใหม่อีกครั้ง
จนร่างกายของเขาหายไปต่อหน้าต่อตาของมัน
กาาา?
อีกาจอมตะกละเมื่อเห็นว่าเหยื่อของมันหายตัวไป
มันจึงมองซ้ายมองขวา เพื่อตามหาเป้าหมายของมัน
หมับ
ไม่ทราบว่าซูฮยอนไปอยู่บนหลังของมันตั้งแต่เมื่อไหร่
เขาจับปีกของอีกาจอมตะกละไว้ด้วยมือทั้งสองข้าง
“อย่างแรก..”
อ๊ากกกกก กาาาา
ซูฮยอนทำการกระชากปีกของมันข้างหนึ่งทิ้งไป
เมื่อปีกมันหายไปหนึ่งข้าง ทำให้มันเริ่มทรงตัวบนอากาศแทบไม่ได้
กาาา
“เหลืออีกข้าง ฉันขอรับปีกของแกไปทำไม้ขนไก่ก็แล้วกัน”
เมื่อซูฮยอนพูดจบเขาก็กระชากปีกอีกข้างของมันออกทันที
ยังไม่หมด ซูฮยอนแถมหมัดที่เต็มไปด้วยความรัก เข้าไปกลางหลังของมันอย่างจัง
ปีกที่ถูกทำลาย และ แรงหมัดของซูฮยอน
ทำให้เจ้าอีกาจอมตะกละไม่สามารถอยู่บนอากาศได้อีกต่อไป ร่างกายของมันจึงร่วงหล่นสู่พื้นดิน
ฟรึบ
ซูฮยอนเหยีบหลังของอีกาจอมตะกละและก็โดดขึ้นไปบนอากาศอีกครั้ง
ในบรรดามอนสเตอร์ทั้งหมด มีแค่ อีกาจอมตะกละเท่านั้นที่บินได้
ส่วนมอนสเตอร์ตัวอื่นๆล้วนอยู่ภาคพื้นดินแทบทั้งสิ้น
ลีจุนโฮถือดาบเอาไว้ในมือแล้วคอยป้องกันมอนสเตอร์ที่พยายามเข้ามาโจมตีสมาชิก
ส่วน อามินซอกก็คอยระวังหลังให้สมาชิกปาร์ตี้คนอื่นๆอยู่
ด้วยการสนับสนุนจากลีจุนโฮและอามินซอก
ทำให้สมาชิกคนอื่นๆที่โจมตีจากระยะไกล
สามารถซัพพอร์ตและโจมตีเป้าหมายได้อย่างเพลิดเพลิน
พวกเขาทุกคนจัดสรรตำแหน่งได้อย่างสมบูรณ์แบบจริงๆ
<>
เมื่อมีคนคอยวาดภาพ
สิ่งที่ขาดไปไม่ได้เลยก็คือการลงสี
ตอนนี้ถึงคราวซูฮยอนที่ต้องระบายสีแล้ว
ซูฮยอนเชื่อว่าปาร์ตี้ของเขาจะปลอดภัย
ถ้าพวกเขายังสามารถรักษารูปแบบขบวนเอาไว้ได้
<>
ซูฮยอนไปปรากฏตัวหลังมอนสเตอร์อีกครั้ง
แล้วทำการกระซวกแทงไปที่หลังของมันที่เผลอ
ฉึก
เมื่อมอนสเตอร์ไม่ทันระวังตัว มันจึงถูกฆ่าไปอย่างง่ายดาย
เลือดสีเขียวมรกตของแมงมุมทมิฬกระฉูดออกมาราวเขื่อนแตก
………….
ทุกๆครั้งที่ผ่านรอบของมอนสเตอร์
มันจะมีเวลาพัก ให้หายใจหายคอ 10 นาที
จนถึงตอนนี้พวกเขาก็ผ่านไปแล้ว 3 รอบ
<>
ลีจุนโฮที่กำลังพักเหนื่อย เขาใช้สายตามองดูซูฮยอนที่เช็คคราบเลือดอย่างสบายใจ
<>
การจัดการกับมอนสเตอร์ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ
ทุกครั้งที่มอนสเตอร์รอบใหม่ออกมา
ทั้งจำนวนและความแข็งแกร่ง มันเพิ่มขึ้นทุกครั้ง
ทำให้ร่างกายของพวกเขาแบกรับภาระหนักเกินไป
ไม่ใช่แค่ร่างกายเท่านั้น จิตใจของพวกเขาก็เช่นกัน
พวกเขาเกือบทั้งหมด อ่อนล้าจนขยับตัวแทบไม่ไหว มานาในร่างกายก็ร่อยหรอลงเต็มที
<>
การต่อสู้ที่ผ่านมา ลีจุนโฮ มองดูซูฮยอน ราวกับต้องมนต์สะกด
<>
แม้ลีจุนโฮจะรู้อยู่แล้วว่าซูฮยอนเก่งกว่าแรงค์ C ทั่วไป แต่เขาก็นึกไม่ถึงว่า ซูฮยอนจะเก่งเกินมนุษย์มนาขนาดนี้
ลีจุนโฮไม่ได้ตกใจสกิลหรือระดับเวทย์ของซูฮยอน
แต่สิ่งที่เขาตกใจ คือความสามารถทางกายภาพของซูฮยอนมากกว่า
ความสามารถที่ซูฮยอนแสดงออกมามันสมบูรณ์แบบ จนหาข้อบกพร่องไม่ได้เลยสักนิด
*******
ซูฮยอนรู้จักสภาพร่างกายของตัวเองทุกซอกทุกมุม
เลยทำให้เขาสามารถว่างแผน
แล้วใช้ความสามารถของร่างกายได้อย่างคล่องแคล่ว
ไม่ว่าจะเป็นการโจมตี หรือ พลังเวทย์ ซูฮยอนก็ใช้มันได้เต็มที่ 100 เปอร์เซ็นต์
“คิดอะไรอยู่ หน้าบูดเป็นตูดลิงเลย” คิมบารึมแล้วเดินไปหาลีจุนโฮแล้วถาม
เมื่อคิมบารึมเดินมาถึงลีจุนโฮ เขาก็หันหน้าไปมองซูฮยอนด้วยเช่นกัน
“ฉันล่ะสงสัยจริงๆว่าเขาเป็นแรงค์ C เหมือนกับฉันจริงหรือป่าว”
“เขาก็แรงค์ C เหมือนกับนายแหละ ทั้งสกิลและระดับเวทย์เขาก็เหมือนนายไม่ใช่หรือไง”
“จริงเหรอ..แต่ทำไมฉันถึงรู้สึกว่า ฉันกับเขา ถึงแตกต่างกันจัง”
“ไม่รู้สิ นายลองไปถามพระเจ้าดูแล้วกัน”
“แต่ฉันว่า..มันน่าจะเป็นพรสวรรค์ของเขามากกว่า”ลีจุนโฮกล่าว
ไม่ใช่ทุกคนจะมีทักษะการต่อสู้แบบซูฮยอน
แม้แต่ลีจุนโฮที่มีประสบการณ์
ยังเลียนแบบซูฮยอนได้อย่างยากลำบาก
“พรสวรรค์เหรอ..”
“เป็นอะไรไป นายอิจฉาเหรอ”
“แล้วแกล่ะ แกไม่รู้สึกอิจฉาเลยหรือไง”
“หืม..ก็นิดหน่อย”ลีจุนโฮพึมพำแล้วถอนหายใจ
“ตอนแรกฉันก็เฉยๆนะ แต่มาตอนนี้ฉันรู้สึกอิจฉาเป็นบ้า”
ความอิจฉาของผู้คนจะก่อตัวขึ้น เมื่อคุณรู้สึกอ่อนด๋อยกว่าฝ่ายตรงข้าม
ลีจุนโฮตอนนี้รู้สึกอิจฉาซูฮยอนจริงๆ
ที่มีพรสรรค์มาขนาดนั้น
“เฮ้”
“หืม..มีอะไรเหรอ”
“ฉันลองมาคิดๆดูแล้ว ถ้าการโจมตีดันเจี้ยนแห่งนี้ผ่านไปได้ด้วยดี ฉันจะลองกลับไปคิดดูว่า ควรจะปีนหอคอยอีกดีไหม”
เมื่อคิมบารึมได้ยินคำพูดของลีจุนโฮ
เขาก็แสดงสีหน้าตกใจออกมา
“เพื่อนหัวสมองนายกระทบกระเทือนหรือป่าววะ นายพูดจริงดิ”
“เป็นอะไรของแก ทำหน้าอย่างกับเห็นผีอย่างงั้นแหละ”
“เดี๋ยวก่อนนะ ทำไมนายถึงอยากปีนหอคอยล่ะ ก็ในเมื่ออาทิตย์ก่อนนายบอกไม่อย่างปีกมันแล้วนี่”
“จริงอยู่ที่ฉันเคยพูดแบบนั้นไป”ลีจุนโฮหันไปมองใบหน้าของซูฮยอนแล้วหันไปตอบกับคิมบารึมด้วยน้ำเสียงมั่นคง
“พูดตามตรง..เมื่อก่อนฉันเป็นคนที่ภูมิใจในตัวเองมาเกินไป”
<< “เพื่อน นายไม่ต้องการปีนป้ายหอคอยจริงดิ”>> เมื่อนานมาแล้วคิมบารึมถามลีจุนโฮเกี่ยวกับเรื่องการปีนหอคอย ว่าเขาอยากลองอีกสักครั้งไหม
เมื่อลีจุนโฮได้ฟัง เขาก็หัวเราะเสียงดังลั่นแล้วตอบกลับ “ฉันว่าฉันมาถึงจุดอิ่มตัวแล้ว ทำไมฉันต้องเขาตัวเองไปเสี่ยงด้วย”
“แต่ว่า..ถ้าพวกเราไปด้วยกัน..”
<<“เพื่อนนายหยุดพูดเถอะ ฉันบอกแล้วใช่ไหมว่าฉันพอแล้ว”>>>
เมื่อก่อนลีจุนโฮคิดว่าการตัดสินใจของเขาถูกต้อง
แต่มาตอนนี้ เขารู้แล้วว่าเขาคิดผิด เขามันก็แค่กบในกะลาตัวหนึ่ง
ณ. เวลานี้ เขารู้แล้วว่า ถ้าคุณอยากมีชีวิตรอดและยืนด้วยลำแข้งของตัวเอง
อย่างแรกที่คุณต้องมีคือความแข็งแกร่ง
แต่ความแข็งแกร่งของเขาตอนนี้
มันยังต่ำเตี้ยเรี่ยดินนัก
“ฉันคงต้องขอบคุณซูฮยอนสินะ ถ้าไม่ได้เขา พวกเราคงตายกันหมด”
เขาต้องขอบคุณซูฮยอนจริงๆ ภาระที่หนักอึ้งในจิตใจของเขาถูกลบหายออกไปจดหมด
เขาเคยปฏิญานแล้วว่าจะไม่เข้าสู่หอคอยแห่งการทดสอบอีก
แต่เมื่อมาโจมตีดันเจี้ยนแห่งนี้
มันทำให้เขาได้รับแรงจูงใจในการเขาสู่หอคอยอีกครั้ง
“อืม”
คิมบารึมเอาคางวางไว้ตรงหัวเข่าแล้วกล่าวว่า “นายว่าเขาเป็นตัวจริงใช่ไหม”
ลีจุนโฮหันไปมองคิมบารึมแล้วพูดตอบ “อะไรคือตัวจริง?”
“ฉันหมายถึง คิมซูฮยอนนะ”
“อ่า..นายจะพูดเรื่องนี้อีกแล้วเหรอ”ลีจุนโฮหันกลับไปมองซูฮยอนที่กำลังยืนพิงผนังถ้ำอยู่
“ตอนแรกฉันก็ไม่เชื่อนะว่าเขาจะเป็นตัวจริง”
เขามั่นใจว่า
ผู้ตื่นขึ้นแรงค์ C คิมซูฮยอนที่ยืนอยู่ตรงหน้าของเขา น่าจะเป็นตัวปลอมหรือคนชื่อเหมือนกัน
เพราะผลงานที่คิมซูฮยอนแสดงออกมามันไม่ควรอยู่แรงค์ C ด้วยซ้ำ
แต่หลังจากได้เห็นความสามารถของซูฮยอน
ลีจุนโฮก็คิดว่า…เขาอาจจะเป็นตัวจริงก็ได้
<>
มีข้อสงสัยมากมายที่ลีจุนโฮอยากรู้
ในเมื่อซูฮยอนมีความสามารถขนาดมากนั้น
แล้วเขาจะอยู่แรงค์ C ได้ยังไง
ถ้าดูจากสถิติที่ผ่านมา ด้วยระยะเวลา 1 ปี ระดับแรงค์ของซูฮยอนต้องมากกว่านี้แน่
แต่ทำไมกัน…
<>
ลีจุนโฮสายหัวแล้วไล่ความคิดฟุ้งซ่านออกไป
ตอนนี้เขาต้องโฟกัสกลับปัญหาตรงหน้ามากกว่า
เพราะมันสำคัญกับความตายของเขา
……………
“ฟู่ ฟู่”
“แฮ่ก แฮ่ก”
ลีอึนมีและอามินซอกถอนหายใจอย่างเหนื่อยล้า
พวกเขาหันไปมองดูบ่อเลือด ที่เต็มไปด้วยซากของมอนสเตอร์
กว่าพวกเขาจะผ่านพวกมันมสได้ ร่างกายของพวกเขาแทบระเบิด
“แล้ว..พวกเราเหลืออีกที่รอบกัน”
“อ่า..น่าจะอีกรอบหนึ่ง”
ดูเหมือนพวกจะเหนื่อยล้าเกินไป เพราะคำพูดของพวกเขาดูตะกุกตะกัก
ซูฮยอนหันไปดูสมาชิกปาร์ตี้ที่นอนหมดแรง แม้แต่แรงพูดยังแทบไม่มี
<>
พวกเขาประสบความสำเร็จในการต่อสู้กับมอนสเตอร์
ซึ่งตอนนี้มันก็ผ่านไปแล้ว 9 รอบ
ถ้าคุณลองสังเกตบริเวณรอบไป คุณจะเห็นว่ามีแต่ซากมอนสเตอร์มากมายกองอยู่เป็นภูเขาเลากา
ยิ่งรอบสูงขึ้นมากเท่าไหร่ จำนวนของมันก็เยอะขึ้นตามไปด้วย
มันเลยเห็นเหตุให้ร่างกายและจิตวิญญาณของพวกเขาเหนื่อยล้าเต็มทน
<>
มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ยังพอมีแรงเหลืออยู่ นั้นก็คือ ลีจุนโฮ ด้วยความที่เขาอยู่แรงค์ B บวกกับสกิลที่เขาครอบครอง
เลยทำให้มีแรงเหลืออยู่นิดหน่อย
<>
ซูฮยอนแสร้งทำเป็นเหนื่อย เขาหาที่สบายๆแล้วนั้งลงไป
ซูฮยอนใช้สายตาที่แหลมคมกวาดไปมองสมาชิกปาร์ตี้ทุกคน
<>
สมาชิกปาร์ตี้ทุกคนล้มตัวลงนอนไปด้วยความเหนื่อยล้า
แต่มีเพียงคนเดียวเท่านั้น
ที่ยังเคลื่อนไหวอยู่เงียบๆ
<>
ตุบ ตุบ
มันเหลือเวลาพักอีกไม่นาน ก่อนที่รอบสุดท้ายจะเริ่มขึ้น
อีกฝากหนึ่งของประตู เธอได้ยินเสียงของมอนสเตอร์ที่ชนประตูดังอยู่ตลอดเวลา
ดูเหมือน พวกมันอยากจะออกมาใจแทบขาด
ทุบ ทุบ
เธอเข้าหาประตูอย่างช้าๆที่ละก้าวสองก้าว
ยิ่งเธอเข้าใกล้มากเท่าไหร่ เธอก็ได้ยินเสียงคำรามที่เดือดจัด ของเหล่ามอนสเตอร์จากด้านหลังของประตู
<>
เหตุผลที่เธอที่นี่ เพราะเธออยากออกจาก สถานที่บ้าแห่งนี้เต็มทน
ช่วงเวลานี้หัวใจของเธอเต้นแรงเป็นอย่างมาก
เธอค่อยๆเอื้อมมือไปหยิบกุญแจที่แขวนอยู่ตรงผนัง
ถึงแม้เวลาจะผ่านมานาน
แต่สมาชิกปาร์ตี้ทุกคน ก็ไม่ใครรู้ว่าเลยเธอได้หายตัวไปแล้ว
<>
ต้องขอบคุณสกิลหายตัวของเธอ ที่ทำให้แผนการที่วางไว้ ผ่านไปได้ด้วยดี
สกิลหายตัวที่เธอมี เธอได้รับมันมาจากการเคลียร์หอคอยแห่งการทดสอบ
จนมาถึงตอนนี้ มีน้อยคนนัก ที่รู้ว่าเธอมีสกิลหายตัว
เธอรอจนสมาชิกในปาร์ตี้หมดแรงก่อน
แล้วรอโอกาสที่เหมาะสม จึงใช้สกิลหายตัวออกมา
แม้แต่ลีจุนโฮ 'ผู้ตื่นขึ้น' แรงค์ B ยังไม่รู้ว่าเธอได้หายไปแล้ว
<>
หมับ
เธอหยิบกุญแจที่แขวนอยู่บนผนังถ้ำออกมา
“ตรงนี้สินะ”
ขณะที่เธอกำลังไขประตู ข้างหลังของเธอมีเสียงบางอย่างเกิดขึ้น
แต่มันสายไปแล้ว
คลิ๊ก
กุจแจถูกแม่กุญแจดูดเข้าไปอย่างช้าๆ
ไม่นานประตูที่ขังมอนสเตอร์ไว้ ก็เกิดการสั่นสะเทือน
[เหลือเวลาอีก 1 นาที ก่อนที่มอนสเตอร์จะออกไป]
[ประตูลับด้านหลังเปิดแล้ว จงวิ่งแล้วมีชีวิตรอด]
สำเร็จ แค่นี้ก็ออกไปได้แล้ว..
“โห..เผยท่าแท้ออกมาแล้วสินะนางงูพิษ ทำได้ดีมาก”
“…?”
เธอหันหลังไปมองตามเสียง ในนานเธอก็เห็นใบหน้าที่เธอคุ้นเคย
มันคือใบหน้าซูฮยอน
“ดะ…ได้ไงกัน”
เธอไม่มีเวลามาคิดอีกแล้ว
ตอนนี้เธอต้องหนีออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด
ฟรึบ
“จะรีบไปไหนละ อยู่คุยกันก่อนสิ”
หมับ
ก่อนที่คิมเยอึนจะหนีได้สำเร็จ
ซูฮยอนได้ใช้สกิลกระโดด แล้วมาจับคอของเธอไว้ได้ทัน
ซูฮยอนบีบคอของเธอ ด้วยแขนที่แข็งแรงของเขา
“แค่ก”
คิมเยอึนมองซูฮยอนด้วยสายตาเบิกกว้าง
เธอไม่เข้าใจว่ามันเกิดเรื่องแบบนี้กับเธอได้ยังไง
'เป็นไปได้ไงกัน'
สกิลหายตัว เป็นสกิลที่หายากมากๆ แต่โชคดีที่เธอได้รับมันจากหอคอยแห่งการทดสอบ
เมื่อเธอใช้สกิลหายตัวออกมา
ร่างกายของเธอจะอยู่ในสภาพโปร่งใส
ถ้ามองด้วยตาเปล่ามันแทบจะมองไม่เห็น
มันเป็นสกิลที่เหมาะแก่การลอบฆ่าเป็นอย่างมาก
ถ้ามันเป็นไปตามแผนที่เธอวางไว้
เธอจะใช้สกิลหายตัวในช่วงจังหวะที่สมาชิกปาร์ตี้ทุกคนเหนื่อยล้า แล้วแอบหนีไปคนเดียว
แต่แผนที่เธอวางไว้ก็ผังหมด
'เขาหาฉันเจอได้ไง?'
ไม่สิก่อนอื่น…
'เขาอยู่ด้านหลังของฉันตอนไหนกัน'
“แค่ก แค่ก”
ในตอนที่เธอกำลังให้ความสนใจกับประตู
ซูฮยอนก็คงแอบย่องมาเข้าด้านหลังแบบเงียบๆ
ไม่สิ เขาไม่ได้พยายามเข้าใกล้เธอ
แต่เขารอให้เธอเปิดประตูซะมากกว่า
แต่ทำไมกัน..
“เธอคงอยากรู้สินะว่าทำไมฉันถึงไม่ห้ามเธอ ฉันก็แค่อยากรู้ว่าเธอจะทำอะไรต่อก็แค่นั้นเอง”
ตุบ
ซูฮยอนจับคอของเธอแล้วกดลงกับพื้นให้แน่นกว่าเดิม
หลังจากที่เธอถูกกดให้นอนลงกับพื้น
คิมเยอึนก็รู้สึกว่าร่างกายของเธอเจ็บปวดไปทั่วทั้งร่างกาย
ไม่ว่าจะหน้าอก หรือ ใบหน้า มันปวดไปหมด
เธอมีข้อสงสัยเต็มไปหมดแต่เธอก็ไม่กล้าถามซูฮยอน
‘เขารู้ทุกอย่างอยู่แล้วสินะ’
เขารู้การคงอยู่ของเธอตลอดเวลา แต่เขาก็ไม่ร้องทักเธอเลยสักนิด
เมื่อเธอกำลังจะเปิดประตู เขาก็ไม่ห้าม
แถมเขายืดมองอยู่เฉยๆ จนประตูเปิดเสร็จอีก
‘แถมก่อนหน้านี้ ซูฮยอนยังชมเธอ ว่าทำได้ดีอีก’
ทั้งความกลัว ความสับสน ก่อขึ้นในจิตใจของคิมเยอึนอย่างช้าๆ
ไม่ว่าเธอจะพยายามขยับตัวมากแค่ไหน
เธอก็ไม่สามารถสลัดการกดทับของซูฮยอนไปได้
“อืม..นี้คือบททดสอบของกิลด์ดัมพ์ใช้ไหม”
เมื่อซูฮยอนก้มลงไปกระซิบข้างหูของเธอ
สีหน้าตกใจของคิมเยอึนก็ปรากฏขึ้น
เมื่อซูฮยอนเห็นสีหน้าตกใจของคิมเยอึน มุมปากของเขาก็ยกยิ้มขึ้นอย่างเยาะหยัน
กิลด์ดัมพ์ เป็นกิลด์ที่รวบรวมเหล่าอาชญากรรมเอาไว้เป็นจำนวนมาก
ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นอาชญากรรมที่ไม่เคยอยู่แก๊งไหนมาก่อน
มันกิลด์ที่ซูฮยอนเกียจมันเป็นอย่างมาก
“หืม..ดูจากสีหน้าแล้ว ดูเหมือนฉันจะเดาถูกนะ”
“เดี๋ยวก่อน..”
“ไม่ต้องกลัว เดียวก็สบายแล้ว”
กร็อบ กร็อบ
เมื่อซูฮยอนเพิ่มแรงแขนคอของคิมเยอึน ก็เกิดเสียงแตกหักขึ้น
“ความจริง ถึงแม้เธอจะไม่ใช่สมาชิกของกิดล์ดัมพ์ ฉันก็จะฆ่าเธออยู่ดี ฉันไม่อยากเก็บงูเห่าเอาไว้ เพื่อรอมันมาแว้งกัดในอนาคตหรอกนะ”