ตอนที่ 33
ลีจุนโฮที่กำลังสไลด์มือถือเล่น ทันใดนั้น เขาก็แสดงสีหน้าตกใจออกมา
ลีจุนโฮ ได้เข้าเว็บไซต์ อเวจีออนไลน์ ตามปกติ เพื่อตรวจสอบข่าวสารประจำวัน
อยู่ๆเขาก็ไปสะดุดตา เข้ากับกระทู้ ของผู้ตื่นขึ้น ที่กำลังปีนป่ายไปชั้นที่ 12
“เรีบยร้อยแล้ว?”
คิมบารึมที่นั่งอยู่ข้างๆลีจุนโฮอดสงสัยไม่ได้จึงถามออกไป “อะไร เกิดอะไรขึ้น”
ลีจุนโฮค่อยๆยื่นมือถือของตัวเองไปให้คิมบารึมดู
“คิมซูฮยอน? เขาผ่านชั้นที่ 11 ไปได้แล้วเหรอ”
“ใช่..ดูเหมือนสถิติของซูฮยอนครั้งนี้ ก็น่าตกใจเหมือนทุกครั้ง”
“เฮ้อ ให้ตายสิ ไม่ว่าจะซูฮยอนคนนั้นหรือซูฮยอนคนนี้ ทำไมถึงมีฝีมือที่เก่งขนาดนั้นกันนะ”คิมบารึมผู้ไม่รู้ว่าทั้งสองคนคือคนๆเดียวกันส่ายหัวออกมาเบาๆ
คิมบารึมชื่นชมคิมซูฮยอนที่ปีป่ายอยู่แต่ในหอคอยแห่งการทดสอบเท่านั้น
เพราะคิมซูฮยอนสร้างสถิติใหม่ๆทุกครั้ง เมื่อเขาเหยียบย่ำชั้นถัดไป
คิมบารึมนับถือคิมซูฮยอนเป็นไอดอลของเขา
แต่ลีจุนโฮกลับไม่คิดเหมือนกันกับคิมบารึม
เพราะเขารู้ว่าคิมซูฮยอนที่คิมบารึมนับถือ คือคนๆเดียวกันกับที่เขารู้จัก
“ผมจะไปชั้นที่ 11 เพราะงั้นนายอาจติดต่อผมยากหน่อยนะ”
เวลาในโลกจริงกับหอคอยแห่งการทดสอบมันแตกต่างกันมากๆ
ถ้าคุณอยากติดต่อกับคนในหอคอยแห่งการทดสอบ ผ่านมือถือ มันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้
ที่สำคัญ เรื่องของชั้นที่ 11 ทั้งลีจุนโฮและซูฮยอนพึ่งคุยกันเมื่อไม่นานนี้เอง
ทว่า....
<<เขาทำได้ยังไงกัน แค่ 1 วันก็เคลียร์ชั้นที่ 11 ได้?>>
ทุกๆครั้งที่ซูฮยอนไปชั้นถัดไป เขาจะเลือกระดับที่ 10 เสมอ ซึ่งมันเป็นเอกลักษณ์ติดตัวซูฮยอนไปแล้ว
ผู้ตื่นขึ้นเกือบทุกคนรู้ดี การเคลียร์หอคอยแห่งการทดสอบในแต่ละชั้น ให้เสร็จภายในระยะเวลาหนึ่งวันมันเป็นเรื่องที่ยากมากๆ มันเปรียบเสมือนการเข็นครกขึ้นภูเขาซะมากกว่า แต่ซูฮยอนกลับทำสำเร็จ
<<ความสามารถของเขา ทำให้ฉันพูดไม่ออกจริงๆ>>
ลีจุนโฮดูมือถือแล้วยิ้มไปพลางๆ เขาปรับเตียงในอยู่ในสภาพเดิมแล้วล้มตัวลงนอน
“ถ้าไม่มีเรื่องอะไรแล้ว นายกลับไปพักผ่อนเถอะ วันพรุ่งนี้ฉันก็ออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว ไม่มีอะไรต้องกังวล”
ลีจุนโฮที่กำลังรักษาตัวอยู่ในโลกพยาบาลโบกมือไล่ให้คิมบารึมกลับบ้านไปพักผ่อน
คิมบารุมตีหน้าอกของลีจุนโฮเบาๆอย่างหงุดหงิดพร้อมถามเพื่อนรักกลับไป
“เพื่อน นายจะสู่หอคอยจริงๆเหรอ”
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน..แต่ฉันรู้สึกว่าตัวเองยังแข็งแกร่งไม่พอ”
“โชคยังดี ครั้งล่าสุดที่นายเข้าไป นายรอดชีวิตกลับมาได้ นายก็รู้กฏของหอคอยแห่งการทดสอบดี ว่าแต่ละชั้นมันยากขนาดไหน”
ยิ่งคุณเลือกระดับสูงมากเท่าไหร่ ความยากของมันก็เพิ่มมากมายมหาศาล
เพราะฉะนั้นผู้ตื่นขึ้นส่วนใหญ่จึงเลือกระดับที่ต่ำ เพื่อไม่ให้ตัวเองต้องเอาชีวีตไปเสี่ยงอันตราย
“ฉันรู้ว่ามันเหมือนกับแมงเม่าบินเขากองไฟ แต่ฉันจำเป็นต้องทำ”
“ทำไมอยู่ๆนายก็เปลี่ยนใจ เมื่อก่อนนายยังพูดอยู่เลย ว่าการปีนหอคอยแห่งการทดสอบ มันเป็นเรื่องที่โง่เขลา”
“ฉันไม่รู้จะบอกนายยังดี แต่ว่า..หลังจากที่ฉันหนีจากความตายมาได้ ความคิดของฉันก็เปลี่ยนไป”
“นายเปลี่ยนไปมากจริงๆ”
“ขอบคุณสำหรับคำชม ฉันจะรอให้ตัวเองพร้อมก่อน ฉันจะลองปีนหอคอยอีกครั้ง”
“นายจริงจัง?”คิมบารึมถามด้วยความประหลาดใจ
ลีจุนโฮอยากเข้าสู่หอคอยอีกครั้ง หลังจากครั้งล่าสุดที่เกือบตายเนี้ยนะ
“ฉันจริงจัง ตราบใดที่ฉันมีลมหายใจอยู่ ฉันจะพยายามปีนหอคอยต่อไป”
“แล้วการโจมตีนดันเจี้ยนล่ะ”
“ฉันขอโทษ ฉันกะว่าจะหยุดพักสักหน่อย ตอนนี้ฉันอยากโฟกัสเรื่องการปีนหอคอยมากกว่า”
คิมบารึมเม้นริมฝีปากหลังจากได้ยินคำตอบของลีจุนโห
เมื่อลีจุนโฮเห็นสีหน้าของคิมบารึมเต็มไปด้วยความเสียใจเขาก็อดรู้สึกสงสารไม่ได้
<<ดูเหมือนพวกเขาทั้งคู่ต้องแยกทางกันสักพัก>>
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมพาพวกเขาทั้งคู่ผ่านการโจมตีดันเจี้ยนด้วยกันมาตลอด
ดูเหมือนคิมบารึมไม่อยากให้ลีจุนโฮไป เพราะถ้าลีจุนโฮจากไป เขาต้องไปหาปาร์ตี้ใหม่
ถึงแม้คิมบารึมจะเสียใจ แต่เขาก็ต้องทำใจยอมรับ เพราะเพื่อนของเขาได้เลือกเดินเส้นทางเดิมอีกครั้ง
คิมบารึมยืนขึ้นแล้วบอกกล่าวในลีจุนโฮหายดี ก่อนที่จะออกจากห้องไป
บอกตามจริง ลีจุนโฮรู้สึกผิดเล็กน้อย แต่ก็โล่งในไปในเวลาเดียวกัน
สิ่งที่ลีจุนโฮพูดออกไป มันเป็นสิ่งที่เขาคิดมาโดยตลอด
อันที่จริงลีจุนโฮก็กลัวเหมือนกันว่าเพื่อนของเขาจะมีอาการยังไง เมื่อฟังความคิดที่ดื้อรั้นของเขา
แต่ในเมื่อเรื่องทุกอย่างมันผ่านไปได้ด้วยดี เขาก็จะโฟกัสการปีนหอคอยอย่างจริงจัง
<<ถ้าฉันเข้าหอคอยอีกครั้ง ฉันจะเป็นอะไรไหมนะ>>
ลีจุนโฮนึกถึงเหตุการณ์ร้ายๆจากในหอคอย ทำให้เขารู้สึกกลัวเล็กน้อย
แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ตัดสินใจแล้ว ว่าจะลองทดสอบดูอีกครั้ง
<<พรุ่งนี้ฉันจะพยายามอีกครั้ง>>
* * *
[คิมซูฮยอนการทดสอบชั้น 12 ของคุณพร้อมแล้ว]
* * *
3 เดือนที่ผ่านมา มีดันเจี้ยนระดับสีเหลืองโผล่ออกมามากมายใน แขวนชงโน
กิลด์เทพสงครามคือกิลด์ที่ถูกเลือกให้มาเคลียร์ดันเจี้ยนออกไป
“ทุกคนขอบคุณสำหรับการทำงานหนัก”
“ขอบคุณสำหรับการพยายาม”
ผู้ตื่นขึ้น นับ 10 คน กำลังทำความเคารพต่อชายหนุ่มคนหนึ่ง
ชายคนนั้นก็ไม่ใช่ใครอื่น เขาคือ จองดงย็อง หัวหน้ากิลด์เทพสองคราม
“เอาล่ะทุกคน กลับบ้านไปพักผ่อนได้ ส่วนฮักจูน นายอยู่ต่อแบบนึง”
“ได้ครับ”
เมื่อได้รับคำสั้งในกลับบ้าน สมาชิกกิลด์คนอื่นๆ ต่างก็พากันเดินกลับบ้านใครบ้านมัน
มีเหลือแค่ ฮักจูน กับ จองดงย็อง เท่านั้นที่ยังอยู่
พวกเขาทั้งสองคนยืนรอรถส่วนตัวกันอยู่
“เป็นไงมั้งวันนี้ เหนื่อยไหม”
“เหนื่อยอะไม่เท่าไหร่ แต่ครั้งนี้กว่าจะผ่านมันไปได้แต่ละที ยากเป็นบ้า ทำไมหัวหน้าถึงต้องทำให้พวกเราลำบากขนาดนี้ด้วย”
“ถ้าฉันลงมือช่วยพวกนายมันก็จะง่ายเกินไปนะสิ อีกอย่างดันเจี้ยนระดับสีเหลืองมันก็ไม่ได้โผล่ออกมาบ่อยๆสักหน่อย พวกนายจะได้ทดสอบความสามารถของตัวเองในสนามรบจริงๆไง”
“ผมก็รู้อยู่หรอก ว่าหัวหน้าหวังดี แต่หัวหน้าไม่กลัวคนอื่นจะเสียชีวิตมั้งเหรอครับ”
“ถ้าเกิดเรื่องแบบนั้นคืน ก็แสดงว่าเขายังมีฝีมือไม่มากพอ”
สีหน้าของฮันจุนเริ่มเหยเกหลังจากได้ยินคำตอบของจองดงย็อง
ดูเหมือนจองดงย็อบจะไม่ค่อยสนใจชีวิตของคนอื่นสักเท่าไหร่
เขาสนแค่การเคลียร์ดันเจี้ยนในเสร็จสมบูรณ์เท่านั้น
“ฉันได้ยินมาว่านายเคยคุยกับคิมซูฮยอนด้วยใช่ไหม”
ใบหน้าของฮักจูนเริ่มตึงขึ้น เขาไม่เคยบอกเรื่องนี้ในกับจองดงย็องรู้เลยสักครั้ง
“ใช่ครับ”
“เขาคือคิมซูฮยอนตัวจริงหรือป่าว ฉันได้ข่าวว่าเขาพึงไปถึงชั้นที่ 15 เมื่อเร็วๆนี้เอง
ชั้นที่ 15 มันเป็นชั้นที่อยู่ระดับกลางๆ
ตอนนี้ฮักจุนถึงชั้นที่ 28 แล้ว
ทุกๆชั้นที่เขาผ่านมา เขาเลือกระดับ 8 มันมาตลอด
แต่ถึงอย่างนั้น ถ้ามีใครถามว่า ระหว่าง ฮักจุนกับซูฮยอนใครเก่งกว่ากัน คงต้องตอบว่าซูฮยอน
เพราะทุกๆชั้นที่ซูฮยอนไป
เขาเลือกการทดสอบระดับที่ 10 ตลอดเวลา
ถึงแม้ซูฮยอนจะอยู่แค่ชั้น 15 แต่เขาก็มีความแข็งแกร่งเท่ากับฮักจุนที่อยู่ชั้นที่ 28
“ถ้าคิมซูฮยอนคนนั้น คือคนๆเดียวกันถ้างั้น..”
“ผมว่าเขาไม่น่าจะเป็นคนๆเดียวกัน”
“นายแน่ใจ?”
“แน่ใจสิครับ ถึงแม้ผมจะไม่ได้บอกหัวหน้าก็เถอะ”
“แล้วคนที่นายกำลังคุยอยู่ นายสนิทกับเขาไหม?”
ฮักจุนไม่รู้ว่าควรจะตอบกลับหัวหน้ากิลด์ยังไงดี
ไม่ว่าจะตอบกลับไปยังไง
ผลที่ตามมามันจะเป็นผลเสียต่อเขามากกว่า
เมื่อจองดงย็องเห็นสีหน้าของฮักจุนเริ่มเหยเก เขาจึงยิ้มออกมา
“เด็กน้อย เป็นอะไรไป ฉันก็แค่ถามเท่านั่น ไม่ต้องทำสีหน้าแบบนั้นก็ได้”
“ผมไม่ได้เป็นอะไร ก็แค่…”
“ช่างเถอะ ถึงแม้เขาอาจจะไม่ใช่ตัวจริง แต่นายก็ลองชักชวนเขาให้มาเข้ากิลด์เทพสงครามดูสิ ไม่แน่ถ้าพวกนายสนิทกันมากพอ เขาอาจเรียกฉันว่าพี่ชายก็ได้”
นับวัน กิลด์เทพสงคราม ยิ่งมีขนาดใหญ่โตขึ้นเรื่อยๆ
เมื่อบวกความสามารถของจองดงย็องแล้วการบริหารกิลด์ของเขา ทำให้กิลด์เทพสงครามเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว
“ได้ครับ ผมเข้าใจ”
ฮักจุนตอบพร้อมกับเล่นมือถือไปด้วย
รถยนต์ส่วนตัวของพวกเขาค่อยๆเคลื่อนตัวออกไป เพื่อไปหาดันเจี้ยนแแห่งใหม่
[คิมซูฮยอนการทดสอบชั้นที่ 15 ของคุณเริ่มแล้ว]
* * *
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว
เวลาของโลกไม่เคยรอใคร ต่อให้คุณมีเงินมากแค่ไหน คุณก็ซื้อเวลาไม่ได้
ปี 2021 มันคือปีที่โลกใบนี้เริ่มเกิดการเปลี่ยนแปลง
* * *
กร๊ากกกก
มอนสเตอร์ตัวใหญ่สูงราวๆ 16 ฟุต กำลังคำรามเสียงดังลั่น
เขาทั้งสองข้างของมอนสเตอร์งอกออกมาจากหัวของมัน
ลำตัวของมันมีสีแดงสดเคลือบทั้งหมด
รูปร่างของมันเหมือนกับปีศาจตามตำนานของชาวยุโรปในช่วงยุคกลาง
ซึ่งว่ากันว่า มันถูกปิดผนึกอยู่ใต้เมืองมาตั้งแต่สมัครโบราณ
ซูฮยอนขมวดคิ้วแล้วใช้สายตาที่แหลมคมมองไปที่มอนสเตอร์
“รู้ไหมว่าฉันใช่เวลาไปนานแค่ไหน กว่าจะหาแกเจอ”
“พี่ชาย ระวังตัวด้วยนะครับ”
มีชาวบ้านคนหนึ่งที่ไม่ยอมหนีไป ตะโกนบอกซูฮยอนด้วยความเป็นห่วง
กร๊ากกกก
เมื่อมอนสเตอร์โบราณ ออกมาเจอแสงแดดและท้องฟ้า
มันก็คำรามเสียงดังสนั่น ถ้าลองฟังดูดีๆ มันเหมือนไม่ใช่เสียงคำรามเลยสักนิด
มันเหมือนกับเสียงหัวเราะที่น่าสะอิดสะเอียนมากกว่า
ดูเหมือนมันจะมีความสุข ที่มันสามารถหนีรอดออกมาจากที่ปิดผนึกได้
“พะ..พี่รีบหนีกันเถอะครับ”
ถึงแม้เด็กหนุ่มอยากจะวิ่งหนีสักแค่ไหน แต่เขาก็ไปคนเดียวไม่ได้ ถ้าไม่มีซูฮยอนไปด้วย เขามีหวังต้องตายกลางทางแน่ๆ
ซูฮยอนไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี ทำไมเขาถึงซื่อบื่อแบบนี้นะ
แต่ช่างเถอะ เขาไม่มีเวลาไปสนใจเรื่องอื่น.
“เฮ้”
ซูฮยอนเมินเฉยต่อคำพูดของเด็กหนุ่ม
เขากลับร้องทักมอนสเตอร์แทน
“แกรู้ไหม ว่าแกไม่ควรหัวเราะในเวลาแบบนี้”
กี้ กี้ กี้
เมื่อมันได้ยินซูฮยอนดูถูก มันก็หันหน้าจ้องมองไปที่ซูฮยอนทันที
มันไม่เข้าใจจริงๆว่าทำไมซูฮยอนถึงไม่กลัวมันเลยสักนิด
“แกกำลังมองอะไรอยู่ ฉันอยู่ทางนี้โว้ย”
เสียงขอซูฮยอนไปอยู่ด้านหลังของมันตอนไหนก็ไม่ทราบ
ฉัวะ!
ซูฮยอนสะบั้นดาบลงไปกลางหลังของเจ้ามอนสเตอร์โบราณอย่างจัง
แผลของมันเป็นรูโบ๋ขนาดใหญ่ พร้อมกับเลือดที่พวยพุ่งออกมา
ตุบ ตุบ
กี้ กี้
มอนสเตอร์โบราณคำรามขู่ซูฮยอน พร้อมกับร่างกายที่ค่อยทรุดลงกับพื้น
ซูฮยอนเหวี่ยงดาบในมือ 2-3 ครั้ง
เขารู้สึกว่าดาบของตัวเอง เริ่มสึกหรอลงไปเรื่อยๆ
“อย่างที่คิด ดาบเล่มนี่เริ่มถึงขีดจำกัดของมันแล้ว”
ผิวของมอนสเตอร์โบราณมันแข็งแกร่งจนเกินไป มันทำให้ดาบของซูฮยอนฟันมันไม่ค่อยเข้า
หนึ่งปีที่ผ่านมาเขาใช้ดาบเล่มนี้มาโดยตลอด ทำให้ความคมของมันเริ่มทื่อลง
<<จริงสิ อาวุธที่ของให้ลุงสร้าง ใกล้ได้แล้วนี้น๊า>>
ถึงแม้ดาบขอเขาจะไม่คม ดูไม่น่าเกรงขาม
แต่มันก็เพียงพอแล้วสำหรับซูฮยอนในการจัดการกับมอนสเตอร์ตรงหน้า
“ถ้างั้น..”
วุป วุป
กี้ กี้
เปลวเพลิงค่อยลุกโชนออกมาจากดาบของซูฮยอน
ไม่ใช่แค่นั้น รอบๆตัวของเขายังมีนกไฟอีก 2 ตัวปรากฏออกมา
ซึ่งพวกมันถูกสร้างมาจากเปลวเพลิงของซูฮยอน
พวกมันคล้ายๆกับ นกฟินิกซ์ในตำนาน ที่กำเนิดมาจากเปลวเพลิง
“เด็กๆ ไปขย้ำมันซะ”
กี้ กี้
ฟินิกซ์ทั้ง 2 ตัว บินเข้าหามอนสเตอร์ ตามคำสั่งของซูฮยอนทันที
เมื่อมอนสเตอร์เห็นท่าทางไม่ดี มันจึงพ่นเปลวเพลิงทมิฬออกมาจากปากของมัน
นกฟินิกซ์ทั้ง 2 ตัว ถูกเปลวเพลิงของมอนสเตอร์โบราณอาบไปทั่วทั้งตัว จนมันหายไปกับเปลวเพลิง
เมื่อมอนสเตอร์เห็นว่านกฟินิกซ์หายไป มันจึงหันไปสนใจซูฮยอนต่อ
กี้ กี้
งับ งับ
แต่มีหรือ ที่ตำนานอย่างนกฟินิกซ์ ที่เป็นเจ้าแห่งเปลวเพลิงทั้งปวง จะเสียท่าให้กับเปลวเพลิงห่วยๆของมัน
เมื่อนกฟินิกซ์ออกมาจากเพลิงทมิฬได้
มันถึงเข้าประชิดตัวมอนสเตอร์โบราณ แล้วทำการขย้ำมันทันที
กร้ากกก
มอนสเตอร์โบราณพยายามตั้งสมาธิและสะบัดการขย้ำของนกฟีนิกซ์ในหลุด
จนมันมองข้ามบางสิ่งบางอย่างไป
เพราะตอนนี้ ซูฮยอนมาอยู่เหนือหัวของมันแล้ว….