ตอนที่ 34
เมื่อมอนสเตอร์โบราณรู้สึกได้ถึงความร้อนของเปลวเพลิงเหนือหัวของมัน
มันจึงหยุดการกระทำทุกอย่างแล้วเงยหน้าขึ้นไปมอง
กร้ากกก
สิ่งที่มันเห็นก็คือ...
ดาบยาวสีครามขนาดใหญ่กำลังส่องประกายระยิบระยับอยู่เหนือศีรษะของมัน
ทันใดนั้นเอง...
ฉัวะ
เส้นสายสีครามที่คล้ายคลึงกับดาบก็ฟาดฟันเข้าใส่ร่างกายของมอนสเตอร์โบราณอย่างจัง
ร่างกายของมอนสเตอร์โบราณค่อยๆล้มลงกับพื้นอย่างช้าๆ
มันพยายามใช้แขนทั้งสองข้างที่แข็งแรงยันพื้นเอาไว้ เพื่อไม่ให้ร่างกายของมันล้มลงไปนอน
ถึงแม้จะพยายามมากแค่ไหน แต่ความตั้งใจของมันก็สูญเปล่า
ในที่สุดร่างที่ใหญ่โตของมัน ก็ค่อยๆแยกออกจากกันเป็น 2 ซึก โลหิตสีแดงสดทะลักออกมาราวเขื่อนแตก
ซูฮยอนยืนมองศพของมันแล้วดับเปลวเพลิงของตัวเอง
‘ฟู่’
เปลวเพลิงสีครามและนกฟีนิกซ์
ทั้งสอง เป็นความสามารถใหม่ของสกิล เพลิงพิโรธ
นี้เป็นครั้งแรกที่ซูฮยอนทดสอบประสิทธิภาพของมัน
พวกมันมีทั้งข้อดีแล้วข้อเสีย
<<ปัญหาจริงๆมันอยู่ที่ปัจจัยเวทย์จริงๆด้วยสินะ>>
ประการแรก เพื่อคงสภาพของนกฟีนิกซ์ทั้ง 2 ตัว
ทำให้ซูฮยอนต้องเสียมานามากเกินไป
อีกอย่างนกฟีนิกซ์คือนกที่ไม่มีวันตาย
ถ้าซูฮยอนมีมานามากพอ เขาสามารถเรียกมันออกมาได้ตลอดเวลา
<<ความสามารถของมันดีก็จริง แต่ใช้บ่อยๆไปก็ไม่ดี”
แม้เจ้ามอนสเตอร์โบราณจะโจมตีนกฟีนิกซ์ด้วยทุกอย่างที่มี
แต่นกฟินิกซ์กลับไม่ตายหรือหายไป
ต้องขอบคุณมานาของซูฮยอนที่คงสภาพของมันไว้ได้
แต่ผลเสียที่ตามมา คือ…
มานาของซูฮยอนถูกสูบออกไปเกือบหมด
มันเป็นสกิลที่ใช้มานาเปลืองจริงๆ
<<ฉันต้องเพิ่มความชำนาญของสกิลอีกเยอะ ที่สำคัญ แม้มานาให้ร่างกายจะหมด แต่ประสิทธิภาพที่ออกมา มันดีเกินคาดจริงๆ>>
กะ…กี้
ดูเหมือนเจ้ามอนสเตอร์จะยังไม่ตายสนิท
ซูฮยอนหันมองดูมันด้วยความประหลาดใจ
เขาคิดไม่ถึงจริงๆว่ามันจะมีชีวิตอยู่ได้แม้ว่าร่างกายจะขาดออกจากกันแล้วก็ตาม
ซูฮยอนอดคิดไม่ได้ว่า ถ้ามนุษย์ถูกผ่าออกจากกันเป็น 2 ซึก
แต่ยังไม่หมดลมหายใจ มันจะเป็นยังไง แค่คิดมันก็สยองแล้ว
แต่พอมาลองคิดดูดีๆ ดูเหมือนจะไม่มีเสียงของระบบแจ้งเตือนเลยสักนิด
ที่แท้มันก็ยังไม่ตายนี้เอง
<<ชีวิตที่ยืนยาว คเป็นลักษณะพิเศษของมัน>>
ถึงแม้จะมีชีวิตที่ยืนยาวแค่ไหน
แต่มาอยู่ในสภาพที่ขยับตัวไม่ได้ มันคงเป็นการทรมานเปล่าๆ
“ถ้างั้น แกก็…”
ฟรึ้บ
ซูฮยอนเรียกเปลวเพลิงออกมาอีกครั้ง
“หลับให้สบายก็แล้วกัน”
ตูม
ซูฮยอนตวัดดาบที่เต็มไปด้วยพลังที่แกร่งแข็งเข้าใส่ร่างกายของมอนสเตอร์โบราณอีกครั้ง
เปลวเพลิงค่อยๆกลืนกินมันอย่างช้าๆ
[คุณได้รับคะแนนความสำเร็จ 50,000 คะแนน]
[คุณประสบความสำเร็จสูงสุด]
[คุณเคลียร์ชั้นที่ 19 ได้อย่างสมบูรณ์]
[ผลงานของคุณจะถูกจัดอันดับ]
[คุณได้อันดับที่ 1 ]
[สุขภาพของคุณเพิ่ม 1 จุด]
….
[คุณจะไปชั้นถัดไปเลยหรือไม่]
ข้อความแจ้งเตือนเด้งออกมารั่วๆ
ในที่สุดมอนสเตอร์โบราณก็ตายสักที
บททดสอบของชั้นที่ 19 คือปลิดชีพเจ้ามอนสเตอร์โบราณตัวนี้ให้ได้
แน่นอนว่ามันไม่ง่าย เพราะมีกองกำลังที่ชั่วร้ายต้องการฟื้นคืนชีพมอนสเตอร์โบราณเพื่อเป็นเครื่องมือ
แต่โชคร้าย แผนการของพวกมันก็ล้มไม่เป็นท่า เพราะซูฮยอน
ถึงแม้ซูฮยอนจะปลิดชีพมันได้ แต่มันก็ใช้เวลานานเกินไป
มอนสเตอร์โบราณมันถูกผนึกอยู่ใต้ดิน
ซูฮยอนต้องใช้เวลานานถึงสองเดือน กว่าจะหามันเจอและจัดการมันได้
“มะ..มอนสเตอร์”
เด็กหนุ่มที่เคยตะโกนเตือนซูฮยอนก่อนหน้านี้ ล้มตัวลงนั่งกลับพื้น
หลังจากมอนสเตอร์ปรากฏออกมาชาวบ้านทุกคนหนีออกไปจากเมืองกันหมดแล้ว
มันเหลือเพียงแค่ซูฮยอนและเด็กหนุ่มคนนี้เท่านั้น
ซูฮยอนหันมองไปที่เด็กหนุ่ม
เมื่อสายตาของทั้ง 2 มาประสานกัน
ซูฮยอนก็รู้สึกได้ทันทีเลยว่า สายตาของเด็กหนุ่มมีแต่ความหวาดกลัว
<<หืม..ในสายตาของเด็กหนุ่ม เขาเห็นฉันเป็นเหมือนกับมอนสเอตร์สินะ>>
ชั้นที่ 19 ตอนนี้มันเคลียร์โดยสมบูรณ์แล้ว มันไม่มีเหตุผลอะไรที่ซูฮยอนต้องอยู่อีก
เขาเงยหน้ามองท้องฟ้าแล้วพูดออกมา
“ไปชั้นถัดไป”
[คุณขึ้นสู่ชั้นที่ 20]
* * *
เมื่อแสงที่ขาวค่อยๆหายไป
สายตาของซูฮยอนก็ปรับสภาพการมองเห็น
จนในที่สุดเขาก็เห็นเมืองที่ใหญ่โตอยู่ตรงหน้าของเขา
โลกบนชั้นที่ 20 มันเป็นเมืองที่ถูกปกคลุมไปด้วยหิมะ มันมีชื่อว่า ไรยาร์
บนชั้นที่ 20 มันเป็นเมืองที่เงียบเหงา
เพราะอุณหภูมิของมันติดลบถึง 60 องศา
ทำให้มนุษย์อาศัยอยู่ได้อย่างยากลำบาก
เมื่อซูฮยอนเดินเขามาให้เมือง เขาก็ได้ยินเสียงของ 'ผู้ตื่นขึ้น' หลายคนกำลังพูดคุยกัน
ทุกๆ 10 ชั้น ของหอคอยแห่งการทดสอบ
มันจะยกระดับความยากขึ้นอีกหลายเท่า
ยกตัวอย่าง ถ้าคุณเคลียร์ชั้นที่ 21 ไปได้
คุณจะรู้ได้ทันทีเลยว่า ชั้นที่ 20 มันยากกว่าเยอะมาก
ด้วยความยากที่เพิ่มทุกๆ 10 ชั้น
ทำให้ 'ผู้ตื่นขึ้น' ส่วนใหญ่ต้องมาจบชีวิตลง
ไม่แปลกใจถ้าคุณจะเห็น 'ผู้ตื่นขึ้น' หลายคน กำลังรวบรวมสมาชิกเพื่อเคลียร์ชั้นด้วยกัน
<<ในที่สุดฉันก็มาถึง ชั้นที่ 20 ตามแผนสักที>>
ซูฮยอนมุ่งมั่นเพื่อไปให้ถึงชั้นที่ 20 ก่อนสิ้นปี
ตอนแรกเหมือนว่าแผนการของเขาจะเป็นไปได้อย่างราบลื่น
แต่เขาก็มาหยุดชะงักลงที่ชั้น 19 นานไปหน่อย
ถึงแม้เขาจะมาถึงชั้นที่ 20 ได้ตามเป้าหมายที่วางไว้
แต่ก็มีบางอย่างที่เขากลับพลาดเป้าไป
<<อย่างที่คิด ดูเหมือนระดับ 7 จะอยู่อีกห่างไกล>>
ตามจริงเป้าหมายของซูฮยอนอีกอย่างหนึ่งก็คือ
เขาอยากบรรลุปัจจัยเวทย์ 70 และ ระดับเวทย์ 7
แต่ดูเหมือนความฝันที่หวังไว้ของเขาจะพังทลายลง
[ชื่อ:คิมซูฮยอน]
[ปัจจัยเวทย์:68] [ระดับเวทย์:6]
[ความแข็งแกร่ง:71] [ความไว:78]
[สุขภาพ:69] [สะท้อนกลับ:80]
[สกิล : กระโดด *รายละเอียด..]
[สกิล : จำแลง *รายละเอียด..]
[สกิล : เพลิงพิโรธ…..]
…
[ความเหนื่อยล้า 15]
เมื่อลองเทียบสเตตัสกับเมื่อสองปีที่แล้ว
สเตตัสของเขาตอนนี้พัฒนาไปเยอะมาก
2 ปี.
มันเป็นเวลาที่ผ่านไปช้ามากๆ
แต่สำหรับซูฮยอน 2 ปีที่ผ่านมา เวลามันช่างผ่านไปเร็วเหลือเกิน
ถ้า ‘ผู้ตื่นขึ้น’ คนอื่นได้เห็นสเตตัสของซูฮยอนเข้าละก็
กรามของพวกเขาคงยืดติดพื้นแน่ๆ
สองปีที่ผ่านมาสเตตัสของเขาพัฒนามาโดยตลอด
ถึงแม้มันจะไม่เร็วมาก แต่มันก็ทำให้เขาบรรลุเป้าหมายได้ แค่นี้ซูฮยอนก็ดีใจแล้ว
[คะแนนความสำเร็จ: 1,981,400]
ซูฮยอนตรวจสอบคะแนนความสำเร็จของตัวเองที่เขาเก็บสะสมมานาน
ถึงแม้มันจะเยอะ แต่เขาไม่ค่อยพอใจสักเท่าไหร่
ถ้าได้อีก 20,000 คะแนน เขาจะมีคะแนนสะสมถึง 2,000,000 คะแนนความสำเร็จ
ซึ่งมันคือค่าใช้จ่ายที่ซูฮยอนตั้งไว้ 'เพื่อพัฒนาศักยภาพของตัวเอง'
สิ่งที่ซูฮยอนต้องการมากที่สุดก็เหมือนกับ 'ผู้ตื่นขึ้น' คนอื่นๆ นั้นก็คือระดับเวทย์ และ ปัจจัยเวทย์
ถึงแม้อาวุธกับสกิลจะมีความสำคัญ
แต่ถ้าคุณขาดระดับเวทย์กับปัจจัยเวทย์
สกิลที่คุณครอบครองก็ไร้ความหมาย
<<ก่อนที่ฉันจะไปชั้นที่ 21 ฉันจะเก็บสะสมคะแนนได้ถึง 2,000,000 คะแนนไหมนะ>>
ซูฮยอนไม่รู้ว่า เขาจะผ่านชั้นที่ 20 ไปได้ไหม
แต่ถ้าซูฮยอนมี คะแนนความสำเร็จ 2,000,000 คะแนน เขามั่นใจเลยว่าชั้นที่ 20 น่าจะผ่านไปได้ง่ายๆ เหมือนปอกกล้วยเข้าปาก
แต่น่าเสียดาย ที่เขายังขาดคะแนนอีกเยอะ แต่ก็ไม่เป็นไร เพราะซูฮยอนยังไม่พร้อมเคลียร์ชั้นที่ 20 ตอนนี้
<<จริงสิ อาวุธของฉันน่าจะได้วันนี้ใช่ไหม>>
คิมแดโฮบอกว่าอาวุธของซูฮยอนจะใช้เวลาสร้างประมาณ 1 ปี ซึ่งเวลาของมัน ก็ใกล้เข้ามาแล้ว
“เขาบอกว่าจะเสร็จวันนี้ใช้ไหม ลองไปดูดีกว่า”
“เฮ้พวกเรา การจัดอันดับมีการเปลี่ยนแปลงอีกแล้ว”
ทันใดนั้นเอง ตรงใจกลางเมืองก็มี 'ผู้ตื่นขึ้น' คนหนึ่งตะโกนออกมาด้วยเสียงดังฟังชัด
“การจัดอันดับงั้นเหรอ ใครได้ที่หนึ่งล่ะ”
“อย่างบอกนะว่า..”
“จะเป็นใครไปได้อีกนอกจาก คิมซูฮยอน คนเดิม ตอนนี้เอาอยู่ชั้นที่ 20 แล้วด้วย"
เมื่อ 'ผู้ตื่นขึ้น' คนอื่นๆ รู้ว่าซูฮยอนอยู่ชั้นที่ 20
พวกเขาก็รวมกลุ่มกันพูดคุย จนเสียงของมันดังออกไปนอกเมือง
ตารางจัดอันดับของชั้นที่ 19 ได้รับการอัพเดท แสดงว่าตอนนี้ซูฮยอนกำลังอยู่ที่ชั้น 20
“ไม่ได้การแล้ว ฉันต้องรีบหนีออกจากที่นี่โดยเร็ว”
ซูฮยอนพยายามเร้ยกายออกจากฝูงชนอย่างเงียบๆ
เขาหาซอยเล็กๆภายให้เมือง ซึ่งเขาคิดว่าไม่น่าจะมีผู้คนมาเพ่นพ่านมากนัก
ซูฮยอนยื่นมือออกไปด้านหน้าแล้วทำการเปิดประตูกลับสู่โลกแห่งความจริง
ฉึก
* * *
เมื่อซูฮยอนกลับมาสู่โลกจริง เขาก็รีบเดินกลับไปขึ้นรถของตัวเองทันที
รถที่ซูฮยอนขับอยู่มันคือรถสปอร์ตสีแดงสด
แค่มองดูจากภายนอก ก็รู้ได้ทันทีเลยว่ามันมีราคาที่แพงมากๆ
แต่โชคร้ายที่ผู้คนไม่ค่อยยลโฉมของมันมากนัก
เพราะส่วนใหญ่ซูอยอนชอบขับขึ้นมาบนภูเขาแล้วจอดมันทิ้งไว้เฉยๆ
ความจริงซูฮยอนก็ไม่ได้สนใจรถมากนัก
แต่เพราะเขาได้รับมันมาฟรีๆ ถ้าเขาจอดทิ้งไว้เฉยๆคงเสียของแย่
<<เฮ้อ มีรถ แต่ไม่มีเวลาขับ >>
ต้องขอขอบคุณผู้ใหญ่ใจดีอย่าง ลีจุนโฮ ที่มอบรถราคาแพงในเขา
ในเมื่อซูฮยอนมีรถ ไม่ว่าเขาจะไปไหน การเดินทางของเขา ก็สะดวกสบายขึ้นเป็นมาก
ปรึ้น!!!!!!
ซูฮยอนเร่งเครื่องรถสปอร์ตเต็มที่ เพื่อไปให้ถึงบ้านของคิมแดโฮโดยเร็ว
ขับมาได้ไม่นานในที่สุดซูฮยอนก็มาถึง ภูเขา ยังพย็องสักที
เขาจอดรถแถวๆเนินเขาแล้วเดินเท้าเข้าไปแทน
ตุบ ตุบ ซ่าส์ ซ่าส์
ยิ่งซูฮยอนใกล้ถึงบ้านของคิมแดโฮมากเท่าไหร่
เขาก็ได้ยินเสียงเหล็กกระทบกันอย่างสม่ำเสมอ
ซูฮยอนอยากรู้จริงๆ ว่าคิมแดโฮ มีเวลาพักผ่อนหรือป่าว
ด้วยความที่เขาชอบตีเหล็ก ไม่ใช่ว่าเขาฝืนสังขารตัวเองมานั่งตีเหล็กทุกวันหรอกนะ
“คุณลุง ผมมาหาแล้วครับ”
ตึ่ง..
หลังจากซูฮยอนตะโกนออกไป เสียงตีเหล็กที่เคยดังก็เงียบลง
ไม่นานคิมแดโฮก็เดินออกมาต้อนรับ พร้อมเหงื่อที่กำลังท่วมตัว
“ไอ้หนู มีธุระอะไรกับฉันหรือไง ถึงมาแต่เช้าเลย”
"ก็ลุงรับปากผมไปแล้วไม่ใช่หรือไง ว่าอาวุธของผมจะเสร็จวันนี้”
“ใครบอกว่าจะเสร็จวันนี้ ฉันบอกหลังปีใหม่ไม่ใช่หรือไง”
“โถ่ลุง มันก็เหมือนกันไม่ใช่หรือไง อีกไม่กี่เดือนมันก็ปีใหม่แล้ว”
“ฮ่า ฮ่า จริงๆฉันสร้างเสร็จตั้งนานแล้ว เด็กน้อยเข้ามาก่อนสิ”คิมแดโฮพูดจบก็เดินกลับเข้าไปในบ้านทันที
เข้าไม่ได้เดินไปหยิบอาวุธเหมือนทำปกติ
แต่คิมแดโฮกลับชวนซูฮยอนเข้าไปในบ้านแทน
ซึ่งมันทำให้ซูฮยอนอดแปลกใจไม่ได้
โดยปกติคิมแดโฮจะไม่อนุญาตให้คนอื่นเข้ามาในโรงตีเหล็กของเขาโดยเด็ดขาด
ถ้ามีไอ้บ้าคนไหนถือวิสาสะเข้ามาโดยพลการ
คงโดนคิมแดโฮใช้ไอเทมฝาดกลับไปจนหลังลายแน่ๆ
ที่คิมแดโฮเชิญซูฮยอนเข้ามาในโรงตีเหล็ก เป็นเพราะเขายอมรับซูฮยอนในเป็นมิตรสหายของเขา
ในอดีตซูฮยอนก็เคยเข้ามาให้โรงตีเหล็กเหมือนกัน แต่มันก็ไม่ได้เร็วขนาดนี้
กว่าซูฮยอนจะได้รับอนุญาตให้เข้าไปได้ มันก็ผ่านไปแล้ว 3 ปี
ด้านหลังบ้านของคิมแดโฮถูกออกแบบมาเพื่อตีเหล็กโดยฉะเพราะ
เมื่อซูฮยอนเดินเข้ามาภายใน เขาก็เห็นอาวุธมากมายแขวนอยู่ตามผนังห้อง
<<ความรู้สึกแบบนี้ น่าคิดถึงจริงๆ>>
ความร้อนของเต่าหลอมทำให้ผิวกายของซูฮยอนเริ่มร้อน
ขนาดซูฮยอนเป็น 'ผู้ตื่นขึ้น' เขายังรับรู้ได้ถึงคลื่นความร้อน แล้วคิมแดโฮหล่ะ เขาไม่ร้อนมั่งเหรอ ที่ต้องนั่งอยู่ในห้องนี้ทั้งวัน
สมแล้วที่เขาได้รับฉายา ว่าเป็นช่างฝีมือ ‘มือฉมัง’
“เป็นไงมั้ง ตะลึงไหม” คิมแดโฮถาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
ดูเหมือนคิมแดโฮจะคาดหวัง เพราะเขาอยากเห็นสีหน้าที่ตกตะลึงของซูฮยอน
ถ้าคนทั่วไปมาเจออาวุธพวกนี้ พวกเขาจะต้องอ้าปากค้างแน่ๆ
“ฮ่าๆ..ผมตกตะลึงจนใจเต้น ตึกตัก เลยครับ”
“ใจเต้นตึกตัก? ไอ้หนูแกโกหกได้ไม่เนียนเลยจริงๆ”
เมื่อคิมแดโฮได้ยินคำพูดของซูฮยอน เขาก็อดไม่ได้ที่จะเสียใจเล็กน้อย คิมแดโฮคาดไม่ถึงจริงๆว่าซูฮยอนจะแสดงสีหน้ากระด้างกระเดื่องออกมา
ซูฮยอนหัวเบาๆ แล้วหันไปสนใจอาวุธที่แขวนอยู่ตามผนัง
มันมีอาวุธหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็น ดาบ หอก สนับมือ เกราะอก เกราะขา และอื่นๆอีกมากมาย
ในบรรดาอาวุธทั้งหมด ที่เข้าตาซูฮยอนมากที่สุดคงเป็นอาวุธ ประเภท ดาบ
<<อย่างที่คิด…ดูเหมือนคุณภาพของมัน จะเหนือกว่าของที่ขายจากข้างนอกหลายเท่า>>
อาวุธของคิมแดโฮมีหินฮีเธอร์ผสมอยู่เกือบครึ่งหนึ่ง
ซึ่งมันเยอะกว่าที่ขายตามเว็บซะอีก
อีกอย่างการหลอมละลายหินอีเธอร์ ก็เป็นเรื่องที่ยากมากๆ ถ้าคุณไม่เชี่ยวชาญ คุณอาจเสียหินอีเธอร์ไปฟรีๆ
แม้จะหลอกละลายมันสำเร็จ แต่การขึ้นรูปอาวุธก็ยากเอาเรื่อง มีช่างฝีมือแค่ไม่กี่คนเท่านั้นที่ทำได้
ซูฮยอนเชื่อว่าในยุคปัจจุบัน ไม่มีใครเลย ที่มีฝีมือมากไปกว่า คิมแดโฮ
<<ถ้าหากอาวุธพวกนี้ หลุดออกไปขายด้านนอกล่ะก็..>>
มันคงทำให้โลกทั้งใบเกิดความปั่นป่วนแน่ๆ
“หยุดมองไปที่เศษเหล็กพวกนั้นได้แล้ว อาวุธของเธอไม่ได้อยู่ตรงนั้น เดียวฉันไปหยิบมาให้”
เศษเหล็ก?
อาจจะเป็นคำพูดที่ดูถูกเกินไปหน่อย ซูฮยอนคิดว่ามันก็ไม่ได้เหมือนเศษเหล็กมากขนาดนั้น
แต่สำหรับคิมแดโฮ อาวุธที่แขวนอยู่ตรงทางเข้า
พวกมันเป็นผลงานที่ล้มเหลว ฉะนั้นเขาจึงเรียกมันว่าเศษเหล็ก
ผลงานที่สมบูรณ์ของคิมแดโฮ เขามักเก็บรักษาเอาไว้อย่างดีในชั้นใต้ดิน
“เธอจะต้องประหลาดใจกับอาวุธชิ้นนี้แน่ๆ”
ในบรรดาอาวุธที่สร้างมา คิมแดโฮเชื่อว่าผลงานชิ้นนี้แหละ คือผมงานชิ้นเอกของเขา