px

เรื่อง : การกลับมาของฮีโร่
ตอนที่ 42


ตอนที่ 42

 

หลังจากซูฮยอนพูดจบพลังเวทย์ของเขาก็เริ่มแผ่ซ่านออกมา จนทำให้อุณหภูมิรอบๆเพิ่มสูงขึ้น 

ด้วยความเข้มข้นของพลังเวทย์ทำให้ลิชชี่ต้องถอยร่นออกไปด้านหลัง

“งั้นรึ ก็ดีเหมือนกัน ข้าเกลียดคนที่เสแสร้งเป็นฮีโร่มากที่สุด”ลิชชี่พูดอย่างแดกดัน

“ถึงปากของแกบอกไม่ใช่ฮีโร่ แต่การกระทำของแกมันสวนทางกันอย่างชัดเจน แกมีเหตุผลอะไรกัน? ทำไมแกถึงช่วยทหาร? แล้วแกไปเอามั่นใจมาจากไหน ว่าข้าจะไม่ทำร้ายทหารหลังจากที่พวกเขาหลบหนีออกไปแล้ว?”

“อะไรนะ..”แม็กซ์แมนหันไปมองซูฮยอนด้วยความกระวนกระวายใจ “อย่าบอกนะว่า ทหารของข้ายังไม่ปลอดภัย?”

“ต่อให้ทหารพวกนั้นจะเป็นหรือตายข้าก็ไม่สนใจ แต่แกกลับโง่เขลา แกเสียพลังในร่างกายโดยสูญเปล่า เพื่อปกป้องทหารที่กระจอกงอกง่อยพวกนั้น”

“ไม่...มันไม่สูญเปล่า”ซูฮยอนปฏิเสธคำพูดของลิชชี่ และก้าวเดินออกไปด้านหน้า

เขาเหยียบใบดาบที่อยู่ตามพื้น แล้วปลดปล่อยพลังเวทย์ออกมาด้วยความโกรธ

ดวงตาของซูฮยอนเต็มไปด้วยความร้อนแรงของเปลวเพลิงและจ้องมองไปที่ลิชชี่

“ทำไมฉันต้องรู้สึกสูญเปล่าด้วย”ซูฮยอนถาม

“ทหารหลบหนีไปเพราะคำพูดของฉัน ส่วนพี่ชายที่อยู่ด้านหลังก็อพยพ ทหารเพราะฉัน ฉะนั้นหน้าที่ปกป้องทหาร ฉันจึงทำด้วยความเต็มใจ”

ซูฮยอนหันหลังกลับไปมองแม็กซ์แมนแล้วพูด “ถ้าการตัดสินใจของฉันผิดพลาด ฉันจะรับผิดชอบมันเอง”

ความกดดันและภาระที่หนักอึ้งของแม็กซ์แมน ซูฮยอนรับรู้ได้มากกว่าใครๆ

การตัดสินใจของเขาแค่ครั้งเดี่ยวก็สามารถกำหนดชีวิตของผู้คนได้หลายชีวิต...

“ช่างน่าหัวเราะเสียจริง แกกำลังเสียสละตัวเองเพื่อช่วยเหลือคนอื่นหรือไง”

“มันไม่ใช่การเสียสละ แต่มันคือความรับผิดชอบ รับผิดชอบในคำพูดของตัวเอง ไม่รู้ว่าพ่อมดแห่งความรู้จะรู้เรื่องแบบนี้หรือป่าว”

“แน่นอนข้ารู้..”ลิชชี่พูดด้วยความมั่นอกมั่นใจ “แกก็เหมือนกับฮีโร่คนอื่นๆที่ข้ารู้จัก”

“อย่างงั้นเหรอ”

ฉึก....

ซูฮยอนโจมตีลิชชี่ทีเผลอ จนดาบของเขาแทงทะลุเข้าสู่หัวกะโหลกของมัน...

“งั้นก็เอาเป็นว่า สิ่งที่แกคิดอาจถูกต้องก็ได้”ซูฮยอนกล่าว

วุปปปปปปปป

ร่างกายของลิชชี่เริ่มถูกเปลวเพลิงกลืนกิน แสงสว่างของเปลวเพลิงทำให้ชั้นใต้ดินเจิดจรัสไปด้วยแสงสีส้ม....

“คิคิคิคิ”อยู่ๆเสียงหัวเราะที่น่าสะอิดสะเอียนก็ดังออกมาจากปากของมัน.....

ร่างกายของลิชชี่ที่กำลังถูกสกิลเพลิงพิโรธเผาไหม้ กลับอันตรธานหายไปอย่างไร้ร่องรอย

ดูท่าทางมันจะใช้เวทย์มนตร์ลวงตาได้

“แกเป็นคนที่คุยสนุกจริงๆ ฮีโร่...ไม่สิ แกรู้เรื่องของข้ามากแค่ไหน”ลิชชี่พูด

“ก็..รู้นิดหน่อย”ซูฮยอนตอบ

“แกเคยได้ยินชื่อเทพแห่งความตายหรือไม่ มันเป็นชื่อที่ผู้คนต่างเรียกขานกัน ...ข้าคิดว่าแกคงได้เคยยินชื่อของราชันลิชชี่มาบาง”

ราชันลิชชี่ หรือ เทพแห่งความตาย คือมอนสเตอร์ที่มีสติปัญญาหลักแหลม...

ส่วนลิชชี่ที่ยืนอยู่ตรงหน้าของซูฮยอนเป็นเพียงแค่สาวกของราชันลิชชี่เท่านั้น

ซูฮยอนก้มหน้าแล้วมองไปยังพื้นของชั้นใต้ดินที่มีอักขระขีดเขียนไว้อยู่ ซึ่งมันเป็นอักขระที่ดูซับซ่อนมากๆ

แต่เขาเคยเจอเจ้าสิ่งนี้มาก่อนเมื่อชีวิตที่แล้ว....

“กลืนกินพลังแห่งความตาย”

[กลืนกินพลังแห่งความตาย] เป็นชื่อที่ ‘ผู้ตื่นขึ้น’ตั้งขึ้น มันเป็นสกิลที่จะกลืนกินวิญญาณจากผู้เสียชีวิตบริเวณรอบๆ เพื่อมาเสริมสร้างความแข็งแกร่งในตนเอง

มันเป็นเวทย์ที่สาวกของราชันลิชชี่นิยมใช้กัน...

ซูฮยอนเองก็ตะขิดตะขวงใจตั้งแต่แรกอยู่แล้วว่าทำไมถึงห้ามฆ่าใคร ที่แท้ก็เป็นแบบนี่นี้เอง

“ถ้ามีคนตาย เจ้าลิชชี่จะแข็งแกร่งมากขึ้นสินะ”

ไม่แปลกใจว่าทำไมผู้อารักขาถึงเตือนซูฮยอนว่า “อย่าฆ่าใคร”

“คิคิคิ แกช่างโง่เขลายิ่งนัก ที่คิดตั้งตนเป็นศัตรูกับราชันลิชชี่ของข้า”

“พล่ามอะไรของแก มันก็เป็นแค่โครงกระดูกเดินที่มีความแข็งแกร่งนิดหน่อย แกต่างหากที่โง่เขลา คิดอะไรอยู่ถึงไปรับใช้เจ้าราชันลิชชี่”

“ฮ่า ฮ่า แกช่างโง่เขลาเสียจริง แกยังไม่รู้ซึ้งถึงความแข็งแกร่งที่แท้จริงของราชันของข้าดีพอ...”

“ต่อให้มันจะเก่งสักแค่ไหน ฉันคนนี้จะบดขยี้หัวกะโหลกมัน แล้วเอาไปลอยอังคารให้ด้วย”ซูฮยอนตัดบทพูดของลิชชี่

เมื่อซูฮยอนกล่าวว่าจะฆ่าราชันลิชชี่ สาวกลิชชี่ที่นับถือราชันดุจเทพเจ้าก็หยุดหัวเราะแล้วจ้องมองซูฮอนด้วยสายตาอาฆาต

“อะไรกัน ไม่พอใจงั้นเหรอ ฉันขอสาบานเลยว่า ถ้าฉันเจอราชาลิชชี่ที่โลกอื่น ฉันคนนี่จะกระทืบมันให้กลับบ้านเก่าเลยยค่อยดู”ซูฮยอนกล่าว

“ไอ้เด็กเหลือขอ แกมันก็ดีแต่ปาก”ลิชชี่ตวาดกลับ

“อย่างงั้นเหรอ ถ้างั้นแกก็จับตาดูให้ดีแล้วกันว่าคำพูดของฉันจะเป็นจริงหรือป่าว”

ราชันลิชชี่ คือผู้กำเนิดกองกำลังของสาวก นั้นคือเหตุผลว่าทำไมลิชชี่ทุกตัวถึงนับถือมันดุจเทพเจ้า

ในช่วงเวลาที่เกิดการระบาดของดันเจี้ยน ซูฮยอนเคยปราบราชันลิชชี่มาแล้ว

หลังจากฆ่าราชันได้ ซูฮยอนก็ไล่ล่าสังหารลิชชี่ทั้งหมดบนโลกจนแทบสูญพันธุ์...

“แกรู้ไม ว่าแกพูดในสิ่งที่ไม่ควรพูดออกมา เพราะข้าจะฆ่าแกซะ เพื่อพิสูจน์ภักดีของข้า”ลิชชี่กล่าวเสียงต่ำ

คลื่น คลื่น

พลังเวทย์ของซูฮยอนและลิชชี่เริ่มต้นปะทะกันอีกครั้ง แม็กซ์แมนที่ยืนอยู่ด้านหลัง เริ่มหาที่จับยืดพร้อมกับขาที่เริ่มสั่นเทา

“นะ..นี่มัน พลังแบบนี้ มันต่างกับโลกที่ข้าอาศัยอยู่จริงๆ”แม็กซ์แมนคิด

แม็กซ์แมนรู้อยู่แล้วว่าซูฮยอนแข็งแกร่งขนาดไหน เพราะเขาเห็นมันด้วยตาตนเอง

เปลวเพลิงที่น่าพิศวงและความเข้มข้นของเวทย์ ไหนจะทักษะดาบที่ทรงพลังและสูงส่งอีก

แม็กซ์แมนกล้าพูดได้เต็มปากเลยว่าซูฮยอนเป็นคนที่น่ามหัศจรรย์มากๆ เขาคิดมาเสมอว่า 

เขาน่าจะช่วยอะไรซูฮยอนได้สักอย่าง แต่มาตอนนี้.....

“ข้ากำลังทำเรื่องบ้าอะไรอยู่กันแน่…”

เขาค้นพบความลับของปราสาท จนเจอตัวการอย่างลิชชี่ที่กำลังหลอกใช้ทหารเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้ตัวเอง

ถึงแม้ข้อเท็จจริงจะได้ผลสรุปทั้งหมด แต่แม็กซ์แมนก็ไม่สามารถช่วยเหลือซูฮยอนได้อยู่ดี

เพราะความแข็งแกร่งของเขามีน้อยนิด ยิ่งไปกว่านั้นถึงเขาจะเข้าไปช่วย เขาก็เป็นได้แค่ตัวถ่วงเปล่าๆ

ฉ่า!!!!!!!!!!!!!!!!!!!

บอลเวทย์มนตร์ของทั้ง 2 เข้าปะทะกัน จนเกิดแสงสว่างจนแสบลูกหูลูกตา

เมื่อแสงเริ่มจ่างหายไป แม็กซ์แมน ก็ลืมตาขึ้น แต่ปรากฏว่า พวกเขาทั้งคู่หายไปไหนไม่รู้

“หายไปไหนกัน?”

ถึงแม้พวกซูฮยอนจะหายไปแล้ว แต่ไอพลังของพวกเขาก็ยังทำให้แม็กซ์แมนรู้สึกแสบผิวอยู่ดี

คลื่น คลื่น

พื้นใต้ดินของปราสาท เริ่มสั่นสะเทือนอีกครั้ง....

แม็กซ์แมนที่กำลังมองหาสหายตัวน้อยของเขาอยู่ ทำให้เขาลืมหาที่จับยึด 

ร่างกายของแม็กซ์แมนจึงโคลงเคลงไปมาตามแรงสั่นสะเทือน

****************************

ซูฮยอนถือดาบแกรมให้กระชับมือ และเหวี่ยงดาบเข้าใส่ร่างกายของลิชชี่อย่างเต็มรัก

ย๊ากกกกก

ฉึก

รัศมีของดาบแกรมถูกพลังของลิชชี่ก่อกวน จนทำให้วิถีดาบของซูฮยอนบิดเบี้ยว

แต่ด้วยแรงผลักดันที่มหาศาลของดาบแกรม ทำให้พลังมิติบิดเบี้ยวของลิชชี่ไร้ความหมาย

“อย่างที่ข้าคิดไว้..”ลิชชี่นึกในใจ

ปิ้ว!!

ลูกบอลทรงกลมถูกยิงไปทางซูฮยอน แต่ซูฮยอนกลับไม่หลบ

ซูฮยอนยกดาบแกรมขึ้นมาแล้วตัดลูกบอลทรงกลมทิ้งไป...

ฉัวะ ฉัวะ

บูม บูม บูม

บอลทรงกลมถูกดาบแกรมตัดออกจากกันอย่างง่ายดาย จนพวกมันแยกจากกัน ก่อนที่จะระเบิดออกมา...

ลิชชี่เลิกสนใจร่างกายของซูฮยอน แล้วไปจดจ่ออยู่กับดาบในมือของเขาแทน

“เป็นดาบที่น่าโมโหเป็นบ้า”ลิชชี่บ่นพึมพัมออกมา

ความสามารถของซูฮยอนไม่ธรรมดาก็จริง แต่ดาบที่เขาถืออยู่ มันน่าหวาดกลัวยิ่งกว่าตัวซูฮยอนซะอีก

ที่ผ่านมาซูฮยอนไม่ได้ใช้พลังเวทย์ออกมาอย่างเต็มที่เลยสักนิด

เขาพยายามเก็บรักษาพลังเวทย์ของตัวเองเอาไว้ เพื่อใช้ในยามจำเป็น...

แค่ดาบและพลังเวทย์อีกนิดหน่อย ซูฮยอนก็สามารถต่อสู้กับลิชชี่ได้เกือบสูสี

ลิชชี่ไม่อย่างจะเชื่อสายตาเลยจริงๆว่าเจ้าดาบที่ดูธรรมดาเล่มหนึ่ง กลับสามารถตัดพลังเวทย์ของมันอย่างง่ายดาย...

“ที่สำคัญพลังนั้น...”

วุปปปปป

เปลวเพลิงของซูฮยอนลุกโชนขึ้นรอบๆบริเวณ จนทำพลังแห่งความมืดของลิชชี่ถูกเปลวเพลิงกลืนกินไปจนหมดแทบไม่เหลือ...

มันจึงเป็นเหตุผลว่า ทำไมลิชชี่ถึงเข้าประชิดตัวของซูฮยอนไม่ได้ เพราะเปลวเพลิงเป็นปฏิปักษ์ต่อพลังความมืดของมันนั้นเอง...

“ใครจะไปคาดคิดว่า เจ้าเด็กนี้มันจะน่าปวดหัวขนาดนี่”ลิชชี่พูดออกมาพร้อมกับกระทืบพื้นอย่างอารมณ์เสีย

ถ้าเป็นแบบนี่ต่อไปลิชชี่มีแต่เสียกับเสีย ยิ่งไปกว่านั้นสกิลที่มันเตรียมไว้ก็ยังไม่สมบูรณ์ ต่อให้คนโง่มาคิดวิเคราะห์ พวกเราก็รู้ได้ทันทีว่าลิชชี่กำลังเสียเปรียบอยู่

“ถ้างั้น...”ลิชชี่คิดอะไรบ้างอย่าง ก่อนจะวิ่งเข้าหาซูฮยอนด้วยความเร็ว

ลิชชี่เป็นพ่อมดผู้เชี่ยวชาญด้านเวทย์มนตร์ แต่มันกลับวิ่งเข้ามาหานักดาบเนี้ยนะ??

ดวงตาของซูฮยอนกระพริบด้วยความแปลกใจ เพราะเหตุการณ์แบบนี้มันไม่ควรเกิดขึ้น

“มันคิดจะทำอะไรกันแน่?”ซูฮยอนคิด

ลิชชี่ยืนมือออกไปด้านหน้า เพื่อหวังจับร่างกายของซูฮยอนให้ได้...

ณ. เวลานี้ หัวสมองของซูฮยอนหมุนเร็วไปด้วยความคิดมากมาย “ มันตัดใจจะทำอะไรกันแน่ ตกลงมันเบื่อชีวิตหรือมันกำลังวางแผนอะไรอยู่?”

ด้วยความคิดที่ยุ่งเหยิง ทำให้เปลวเพลิงของซูฮยอนเกิดการเปลี่ยนสี

ตูม

เปลวเพลิงของซูฮยอนถูกเปลี่ยนเป็นสีครามสดใส ที่สำคัญขนาดของเปลวเพลิงก็มีมวลหนาแน่นขึ้นอีกต่างหาก

“ฉันคนนี้ไม่ใช้คนขี้ขาด ฉะนั้นการหลบหนีจึงไม่มีอยู่ในพจนานุกรม ในเมื่อแกเลือกเผชิญหน้ากับฉัน ฉันก็ขอเลือกเผชิญหน้ากับแก”

เมื่อซูฮยอนตัดสินใจได้แล้ว การรักษาพลังเวทย์ ก็ไม่จำเป็นอีกต่อไป....

[สกิลจำแลง : อิมูกิ]

[เพลิงพิโรธ]

[กายาทรหด]

ร่างกายของซูฮยอนเริ่มมีเกล็ดของอิมูกิปกคลุมผิวหนังอีกครั้ง

เปลวเพลิงสีครามที่กำลังลุกโชนก็ปกคลุมดาบและห่อหุ่มร่างกายของซูฮยอนอีกหนึ่งชั้นเพื่อปกป้องร่างกายจากภัยอันตรายต่างๆ...

ร่างกายของซูฮยอนตอนนี้แข็งแกร่งยิ่งเหล็กทุกชนิดบนโลกซะอีก

เขาไม่จำเป็นต้องรักษาพลังเวทย์อีกต่อไป...ถ้าพลังทั้งหมดสามรถโค่นลิชชี่ลงได้ มันก็คุ้มค่าที่จะลองดู..

“อะไรกัน...”เสียงของลิชชี่ตะโกนออกมาด้วยความตกใจ

“พลังของมันมากกว่าที่ข้าจินตนาการไว้เสียอีก....”

เมื่อระยะห่างของทั้งคู่ย่นเข้ามาใกล้กัน ซูฮยอนจึงเหวี่ยงดาบไปทางลิชชี่เต็มกำลัง

ฉัวะ

ตูม

เวทย์มนตร์สีครามกับเวทย์มนตร์แห่งความมืด เข้าปะทะกันอีกครั้ง จนเกิดคลื่นกระแทกไปทั่วชั้นใต้ดินของปราสาท

***************************

เมื่อคลื่นกระแทกหายไป ปราสาทที่เคยสั่นสะเทือนก็หยุดนิ่ง

เศษฝ้าเพดานของปราสาทเริ่มถล่มลงมา แม็กซ์แมน ยกมือขึ้นเพื่อป้องกันศีรษะของของเขา

“แค็ก แค็ก”

เศษหินมากมายทั้งเล็กทั้งใหญ่ต่างตกลงมากเต็มไปหมด ไม่ทราบว่าเป็นเพราะโชคช่วยหรือพระเจ้าอวยพร ทำให้แม็กซ์แมนรอดชีวิตไปได้อย่างปาฏิหาริย์

แม็ซ์แมนคิดว่าถ้าเขาเป็นผู้ใช้พลังเวทย์ เขาคงตายไปนานแล้ว โชคดีที่พื้นฐานของเขาคือนักดาบ ทำให้ร่างกายมีความบึกบึนมากกว่าปกติ

“เกิดอะไรขึ้นกันแน่....”

“ปะ...ปราสาทมัน..”

ใต้ดินที่เคยเต็มไปด้วยความว่างเปล่า บัดนี้มีแต่เศษหินเต็มไปหมด

แสดงว่าผลจากการระเบิดมันไม่ได้มีผลกระทบแค่ชั้นใต้ดินเท่านั้น มันยังกระทบไปถึงด้านบนอีกด้วย

ไม่น่าเชื่อว่าแค่ พลังทั้ง 2 มาปะทะกัน จะเกิดผลที่ตามมารุนแรงขนาดนี้

“เจ้าหนุ่มนั่น จะเป็นอะไรหรือป่าว”

“ข้าหวังว่าเขาจะปลอดภัย”แม็กซ์แมนรีบยืนขึ้นแล้วปัดเศษฝุ่นตามร่างกายก่อนจะเริ่มมองหาซูฮยอน

แต่ในขณะนั้นเอง แม็กซ์แมนก็สัมผัสได้ถึงการมีอยู่ของใครบางคนจากด้านหลัง...

กองหินที่ทับถมกันอยู่เริ่มเกิดการเคลื่อนย้ายเล็กน้อย...ก่อนที่เศษหินจะหล่นลงมา

เมื่อมีช่องว่างมากพอ แขนข้างหนึ่งก็โผล่ออกมาเพื่อชมอากาศที่บริสุทธิ์....

 

รีวิวผู้อ่าน