ตอนที่ 46
“นั่นแหละ ดีมาก”
จากนี้ไปซูฮยอนต้องปล่อยพลังเวทย์อ่อนๆออกมา เพื่อหล่อเลี้ยงโพชั่นเร่งปฏิกิริยาเอาไว้ ให้มันอยู่ได้นานมากที่สุด....
ร่างกายของซูฮยอนตอนนี้เริ่มมีความรู้สึกเจ็บปวดวิ่งแล่นตามเนื้อตามตัวไปหมด แถมอุณหภูมิในร่างกายยังเพิ่มขึ้นสูงจนน่ากลัวอีกต่างหาก
“สมาธิ ฉันต้องตั้งสมาธิ”
ความเจ็บปวดเช่นนี้ ซูฮยอนนึกอยู่แล้วว่าต้องเจอ ทำให้เขากัดฟันสู้
พลังเวทย์ของซูฮยอนเริ่มตอบสนองต่อโพชั่น ในที่สุดพลังเวทย์ของเขาเริ่มมีมวลใหญ่ขึ้นและขนายตัวมากขึ้น
“เยี่ยม....ดีมาก”
ซูฮยอนเคยฝันไว้ว่า หลังจากดื่มโพชั่นเร่งปฏิกิริยาเข้าไป พลังเวทย์ของเขาคงจะพัฒนาขึ้นแบบฉุดไม่อยู่
แต่ดูเหมือนฝันที่เคยวาดไว้จะไม่เป็นดั่งใจ เพราะพลังเวทย์ในร่างกายเริ่มหยุดนิ่ง ไม่ไหวติง..
“อืม..หรือเป็นเพราะฉันเร่งรีบเกินไป?”
“ถ้าอย่างงั้น...ฉันคงต้องเก็บมันไว้ก่อน”ซูอยอนคิด
โพชั่นเร่งปฏิกิริยาที่มีมูลค่าถึง 2 ล้านคะแนน เขาไม่สามารถปล่อยให้มันเสียของไปฟรีได้...
ฉะนั้นเขาจึงตัดสินใจเก็บมันเอาไว้ในร่างกายที่ไหนสักที ดีกว่าปล่อยให้มันระเหยออกไปโดยเปล่าประโยชน์
วุป
โพชั่นเร่งปฏิกิริยาที่กระจายอยู่ตามส่วนต่างๆของร่างกาย เริ่มเคลื่อนที่กลับมารวมกัน ณ. จุดศูนย์กลาง
ก่อนที่ซูฮยอนจะดึงมันไปเก็บไว้ที่กล่องดวงใจ ด้วยกระแสเลือดที่ไหลเวียนอยู่ในภายใน เลยทำให้การย้ายโพชั่นผ่านไปได้อย่างราบลื่น....
เมื่อโพชั่นเดินทางมาถึงหัวใจ ซูฮยอนก็ปล่อยพลังเวทย์อ่อนๆออกมาเพื่อป้องกันไม่ในมันละเหย...
“เฮ้อ..ฉันอยากทำให้มันเสร็จเร็วๆอยู่นะ แต่มันยากเกินไป”
“ฉันเดาว่า เจ้าโพชั่นคงจะอยู่ได้อีกไม่นาน..”
*************************
จอห์นเถ้าแก่ของโรงแรมมาร์คดันลัม กำลังเดินขึ้นไปยังห้อง 301 ด้วยสีหน้าบึ้งตึง
ผู้พักอาศัยห้อง 301 จ่ายเงินค่าเช่าแค่ 7 วันเท่านั้น แต่เขากลับไม่ย่างก้าวออกมาจากห้องแม้แต่ก้าวเดียว แม้ว่าเวลามันจะผ่านมานานกว่า 10 วันแล้วก็ตาม...
เนื่องจากแขกที่มาพักได้จ่ายค่าเช้าให้จอห์นถึง 1 อาทิตย์ เลยทำให้จอห์นไม่ได้กลัวว่าแขกท่านนี้จะเบี้ยวค่าเช่า เพราะเจ้าตัวดูมีภูมิฐานและยังดูกระเป๋าหนักอีกต่างหาก...
แต่ที่จอห์นเดินมาเยี่ยมเยียนห้อง 301 เพราะเขาได้รับเรื่องร้องเรียนมาจากผู้พักอาศัยคนอื่นๆว่าห้อง 301 มีกลิ่นแปลกๆโชยออกมา
“อะไรกัน..ข้าได้กลิ่นแปลกปลอมจริงๆด้วย”
เมื่อจอห์นเดินมาถึงชั้น 3 เขาก็ได้กลิ่นเหม็นเน่าลอยฟุ้งอยู่ตามอากาศ
ที่สำคัญกลิ่นแปลกปลอมที่ว่า มันเหม็นยิ่งกว่าชั้นที่ 2 ถึง 2 เท่า ซึ่งกลิ่นของมันน่าพะอืดพะอมแบบบอกไม่ถูก...
“มันเป็นกลิ่นอะไรกันแน่..ทำไมมันถึงเหม็นขนาดนี้?”
กลิ่นที่ลอยโชยออกมาตามลม มันเป็นเหมือนกลิ่นของซากศพ จอห์นอยากรู้จริงๆว่าห้อง 301 ทำอะไรกันแน่ ทำไมถึงมีกลิ่นเหม็นลอยโชยออกมาแรงขนาดนี้ หรือว่าแขกที่พักอยู่จะเสียชีวิตแล้ว....
“ปล่อยเอาไว้ไม่ได้แล้ว...ข้าต้องรีบตรวจสอบเพื่อไขข้อข้องใจโดยเร็วที่สุด”
ปัง ปัง ปัง
เมื่อจอห์นเดินมาถึงหน้าห้อง 301 เขาก็เคาะห้องด้วยความเร่งรีบ...
“แขกผู้มีเกียรติ ท่านตื่นหรือยังครับ ท่านยังไม่ได้จ่ายค่าที่พักเลยนะครับ”
คลิ๊ก
ประตูห้องพัก 301 ค่อยๆแง้มออกมา จอห์นขยับปากยุ่บยั่บเพื่อเตรียมเทศนาเทศนาซูฮยอนสักชุด
แต่พอประเปิดกว้าง ปากของเขากลับเปิดไม่ออก...
เพราะกลิ่นในห้องมันเหม็นยิ่งกว่าหน้าโถงทางเดินซะอีก.......
“อะ..อุ๊ป”
จอห์นเริ่มทนต้องกลิ่มเหม็นฉุดไม่ไหว เขายกมือขึ้นมาปิดปากของตัวเอง แล้วรีบเผ่นแนบจากไปทันที
ตอนนี้เขาไม่มีอารมณ์มาต่อล้อต่อเถียงเขาซูฮยอนอีกต่อไป สิ่งที่เขาต้องการมากที่สุดคือหาที่อาเจียน เพื่อระบายของเหลวในปากที่กำลังพวยพุ่งออกมา...
“เอ่อออ…...”
ซูฮยอนรู้อยู่แล้วว่าถ้าเปิดประตูออกมา เขาจะเห็นภาพอะไร ซึ่งมันก็ตรงกับจินตนาการของซูฮอนแบบเป๊ะๆ
“นี้ฉันมุดหัวอยู่แต่ในห้องนานแค่ไหนกันนะ...”
การดูดซับโพชั่นเร่งปฏิกิริยา กินเวลานานกว่าที่ซูฮยอนคิดมากนัก เขาเองก็ไม่ทราบเช่นกันว่าใช้เวลาไปนานแค่ไหน....
เหตุผลที่ทำให้เขาลืมวันลืมคืน เป็นเพราะซูฮยอนใจจดใจจ่ออยู่กับการดูดซับมากเกินไป จนทำให้เขาลืมเวลารอบข้าง
“ดูท่าทางฉันต้องจ่ายค่าห้องเพิ่มสินะ”
ซูฮยอนยืนเกาหัวอยู่หน้าประตู ก่อนที่จะเดินไปอาบน้ำ เพื่อชำระสิ่งสกปรกออกจากร่างกาย
หลังจากอาบน้ำจนเนื้อตัวหอม ซูฮยอนก็ลงไปด้านล่างแล้วจ่ายค่าปรับให้กับเถ้าแก่.....
เถ้าแก่นั่งอยู่บนเก้าอี้ด้วยสภาพอิดโรยเหมือนคนอดหลับอดนอน เนื่องจากอาหารที่พึ่งทานไปเมื่อกลางวัน ถูกอ้วกของเขาดึงออกมาจากท้องจนหมดไส้หมดพุง
เมื่อซูฮยอนเห็นภาพนั้น เขาจึงยอมจ่ายคะแนนความสำเร็จให้เถ้าแก่ถึง 3,000 คะแนน ซึ่งมันเป็นจำนวนที่เยอะมากๆ เพราะเขาสามารถอาศัยอยู่ในโรงแรมของจอห์นได้ถึง 1 เดือนเต็มๆ
“10 วัน....”
หลังจากซูฮยอนกลับมาสู่โลกจริง เขาก็นับวันที่เหลือ...
“เหลือเวลาอีก 18 วัน..”ซูฮยอนคิด
ตอนนี้เวลาขีดเส้นตายเริ่มใกล้เข้ามา เขาต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อช่วยเหลือพลเมืองให้ได้..
“ฉันควรไปขอความช่วยเหลือจากผู้อำนวยด้วยตัวเองดีไหม?”
ถ้าซูฮยอนไปเจอเขาด้วยตัวเอง ผู้อำนวยการอาจเชื่อถือคำพูดของซูฮยอนขึ้นมาก็ได้...
“เป็นความคิดที่ไม่เข้าท่าเลยจริงๆ...การตัดสินใจขอผู้อำนวยการอาจเป็นเหมือนเดิมอีกก็ได้ใครจะรู้...”
ในเมื่อมีเวลาคิดไม่มาก ทำให้ซูฮยอนไล่ความคิดที่ไร้สาระทิ้งไป
ซูฮยอนรู้จักนิสัยของผู้อำนวยการดีกว่าใครๆ ผู้อำนวยการรักแต่ความสะดวกสบายจนเริ่มลืมความเป็นมนุษย์ ซูฮยอนแปลกใจจริงๆที่เขาดำรงตำแหน่งอยู่ได้...
“สิ่งที่ฉันทำได้..คงมีแต่วิธีนั้นจริงๆสินะ.”
แม้เขาจะกล่าวกับลีจุนโฮว่าไม่ต้องห่วง แต่แผนของเขาก็ดูไม่ฉลาดเลยจริงๆ
“เฮ้อ..ดูเหมือนชีวิตที่เงียบสงบของฉันจะจบลงแล้วสินะ.. แต่ก็ช่างเถอะ”
ตามจริงซูฮยอนก็ไม่อยากเปิดเผยตัวตนของเขาเลยสักนิด แต่ในเมื่อเป้าหมายหลายๆอย่างของเขาได้บรรลุเป็นที่เรียบร้อย เขาก็ไม่จำเป็นต้องปิดบังอะไรอีกต่อไป
ซูฮยอนเดินไปหาโต๊ะคอมพิวเตอร์แล้วเข้าเว็บไซต์ อเวจีออนไลน์ แล้วเข้าระบบโดยไม่ระบุตัวตน
ซูฮยอนได้เขียนกระทู้ทิ้งเอาไว้ 1 กระทู้............
****************************
คลิ๊ก คลิ๊ก
ในวันที่ 17 มกราคมที่ผ่านมา ได้มีกระทู้ 1 หัวข้อ เป็นที่นิยมอันดับหนึ่งในเว็บไซต์อเวจีออนไลน์
ตอนที่กระทู้ถูกโพสต์ครั้งแรก ไม่มีใครให้ความสนใจเลยสักนิด แต่ดูเหมือนเจ้าของกระทู้จะไม่ยอมแพ้
เขาโพสต์กระทู้แบบเดิมรั่วๆ จนผู้คนเริ่มให้ความสนใจ เนื้อหาในกระทู้อธิบายเหตุการณ์ที่จะเกินขึ้นในอนาคต ซึ่งตัวอักษรที่ใช้เล่าเรื่องราวมันเหมือนกับคำสะกดจิต เพราะผู้อ่านหลายคนเชื่อว่ามันจะเกินขึ้นจริงๆ.........
ฮักจุนที่นั่งผ่อนคลายอยู่...กำลังเลื่อนมือถือดูกระทู้ในเว็บไซต์อเวจีออนไลน์ ที่ขึ้นอันดับ 1
[หัวข้อ: อันยัง 31 มกราคม]
*ในวันที่ 31 มกราคน ตั้งแต่เวลา 18.00 น. ขึ้นไปจะมีภัยพิบัติเกิดขึ้นในเมืองอันยัง สิ่งที่คุณต้องระวังมีมอนสเตอร์และกิลด์ดัมพ์
คุณรู้จักกิลด์ดัมพ์หรือไม่ ถ้าไม่รู้จักเดียวผมจะแถลงไขให้ฟัง กิลด์ดัมพ์ คือกิลด์ที่ผู้ตื่นขึ้นสร้างขึ้น สมาชิกในกิลด์หลักๆของมันเต็มไปด้วยกากเดนที่สังคมรังเกียจ ที่พวกคุณไม่เคยได้ยินชื่อจักกิลด์ดัมพ์เพราะตัวตนที่แท้จริงของมันยังคงหลบซ่อนอยู่ในเงามืด......ผู้อ่านทุกท่าน คุณรู้อะไรไหม ขณะที่ผมกำลังพิมพ์กระทู้นี้อยู่ ชีวิตของผมอาจถูกหมายหัวโดนกิลด์ดัพม์แล้วก็ได้........ถ้าคุณยังรักชีวิตตัวเอง คุณควรออกมาจากเมืองนั้นโดยเร็ว ผมขอจบการเตือนแต่เพียงเท่านี้.....
“…”
ที่กระทู้นี้เกิดความนิยม เป็นเพราะกิลด์ดัมพ์ที่ไม่เคยมีใครพูดถึง กลับถูกเอ่ยออกมาโดยผู้เขียนนิรนาม
มันเลยเป็นตัวจุดชนวนทำให้ผู้คนทุกเพศทุกวัยต่างกระเสือกกระสนสรรหาความจริง ว่าข้อความที่เขียนขึ้น มันเป็นความจริงหรือไม่
“นายคิดว่าไง?”จองดงย็องถามฮักจุน
ฮักจุนปิดหน้าจอมือถือแล้วตอบกลับไป “ผมคิดว่ามีโอกาส 50/50 ที่จะเกิดขึ้นจริง”
“นายหมายถึงมันมีสิทธิ์เป็นไปได้?”จองดงย็องถามอีกครั้ง
“ใช่ครับ..”
“ดูเหมือนเขาจะไม่ใช้คนธรรมดาซะด้วย เพราะเขารู้จักการดำรงอยู่ของกิลด์ดัมพ์”
กิลด์ดัมพ์ เป็นกลุ่มที่เริ่มถูกพูดถึงในหมู่ ‘ผู้ตื่นขึ้น’ ที่มีแรงค์สูงๆเท่านั้น...
พวกมันเป็นกิลด์ที่ค่อยก่อความไม่สงบต่อสังคมมนุษย์
เมื่อก่อนกิลด์ดัมพ์ไม่กล้าเผยตัวตนออกมาสู่สังคมสาธารณะ พวกมันอาศัยอยู่แต่ในมุมมืดของสังคมใต้ดินเพียงอย่างเดียว....
แต่พักหลังๆไม่รู้ว่าพวกมันกินอะไรเข้าไป กลุ่มของพวกมันเริ่มออกมาสร้างความปั่นป่วนจนพลเมืองบางคนหวาดระแวงไปเลยก็มี...
“แล้ว...ทำไมกิลด์ดัมพ์ต้องทำแบบนั้นด้วย มันไม่สมเหตุสมผลเลย นายเห็นด้วยกับฉันไหม?”
“ผมเห็นด้วย....ผมคิดว่ามันยังขาดหลักฐานไปบ้าง..”ฮันจุนพูด
เขาเปิดมือถือขึ้นอีกครั้ง เพื่อมาดูคอมเม้นที่ตอบกระทู้ ซึ่งก็มีความคิดเห็นที่แตกต่างกันออกไป..
-กิลด์ดัมพ์? อะไรวะนั้น ไม่เห็นจะเคยได้ยินเลย
-ดัมพ์ ฉันรู้จัก มันคือชื่อนิยายใช่ไหม?
-จริงดิ บางที่ฉันก็ควรระวังตัวไว้บ้าง
-คนเขียนกระทู้ยังอยู่สบายดีไหม นายไม่กลัวอำนาจมืดเลยเหรอ ระวังโดนอุ้มฆ่านะเพื่อนฝูง
-แต่ทำไมกิลด์ดัมพ์ต้องทำแบบนั้นด้วย....ในเมื่อพวกเขากำลังหลบซ่อนกันอยู่ ทำไมถึงมาสร้างความวุ่นวายเอาตอนนี้?”
-นั้นนะสิ ฉันเห็นด้วย
************************
“ฉันเดาว่าความคิดเห็นคงแตกไปหลายทางสินะ?”
“ใช่ครับ”
“ฉันว่าตอนนี้ คงมีคนตามหาคนเขียนกระทู้กันให้จ้าละหวั่นแล้วมั้ง”จองดงย็องกล่าว
“คุณก็สงสัยด้วย?”
“หืม..ก็นิดหน่อย ฉันก็แค่สงสัยว่าใครกันแน่ที่กล้าเขียนกระทู้นี้ขึ้นมา”จองดงย็องกล่าว
ในฐานะที่ฮันจุนอยู่กับจองดงย็องมาหลายปี ทำให้เขารู้ได้ทันทีว่าหัวหน้ากิลด์กำลังอารมณ์ไม่ดีอยู่
“ทำไมกัน..?.”ฮัจุนคิด
“ทำไมเขาถึงรู้สึกไม่ดีกับกระทู้นี่ล่ะ?”
ฮักจุนเองก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าทำไมหัวหน้ากิลด์ของเขาถึงอารมณ์ไม่ค่อยดีหลังจากอ่านเนื้อหาในกระทู้นั้นไป...
“เดี๋ยวก่อนนะ....หรือว่า...”ฮักจุนจมลงไปกับความคิด
“กิลด์ดัพม์กับกิลด์เทพสงครามจะมีความเกี่ยวข้องกัน...ไม่...มันไม่น่าเป็นไปได้......”
เมื่อไม่มีธุระอะไรให้คุยกันอีก จองดงย็องจึงนำฮันจุนไปส่งที่ดันเจี้ยนแห่งใหม่ เพื่อทดสอบสมถรรภาพของตัวเอง
หลังจากส่งฮักจุนเสร็จ เขาก็กลับมาออฟฟิตแล้วทิ้งตัวลงนอนบนโซฟาหนังอย่างดีจากต่างประเทศ...
“ฉันละเกียจความรู้สึกแบบนี้จริงๆ”
จองดงย็องชักชวนฮักจุนให้มาอยู่กิลด์เทพสงครามกับเขา เพื่อให้เป็นสุนัขรับใช้ที่แสนซื่อสัตย์
เขาเห็นถึงจุดอ่อนของฮักจุนเลยทำให้เขาใช้คำพูดหว่านล้อมจนสำเร็จ จองดงย็องดูแลฮักจุนดีกว่าคนอื่นๆซะอีก...
“ไอ้หมอนั่นกำลังทำอะไรอยู่กันแน่?”
จองดงย็องหยิบมือถือขึ้นมาแล้วเข้ากระทู้ที่ฮักจุนพึ่งอ่านไป หลังจากที่ได้เห็นเนื้อหาในกระทู้ครั้งแรก
เขาแปลกใจจริงๆ ที่มีคนกล้าพูดถึงกิลด์ดัมพ์อย่างเปิดเผย โดยไม่กลัวความตาย
ด้วยความสงสัยว่าใครเป็นคนเขียนกระทู้นี้ขึ้นมา ทำให้จองดงย็องบอกลูกน้องให้ไปตรวจสอบดู IP ของอินเตอร์เน็ต
ถึงแม้มันจะผิดกฎหมายแต่เขาก็ไม่สน..........
“คิมซูฮยอน”เขาบ่นพึมพัม
หลังจากได้ยินลูกน้องรายงานมา ทำให้จองดงย็องนึงถึงฮันจุนทันที
“อืม..ฉันค่อยข้างแน่ใจว่าพวกเขาเคยติดต่อกันมาก่อน มันเป็นเพราะโชคชะตาหรือความบังเอิญกันแน่..”
จองดงย็องอยากจะถามเรื่องนี้กับฮักจุนอีกครั้ง แต่เขาก็ไม่สามารถทำได้ เพราะเจ้าตัวไม่อยู่..
“คิมซูฮยอน..”เขากล่าวทบทวนอีกครัง
จองดงย็องอยากรู้จริงๆว่าซูฮยอนว่างแผนจะทำอะไรกันแน่..