ตอนที่ 47
วันที่ 30 มกราคม กิลด์ดัมพ์ถูกยกขึ้นมาถกเถียงกันอีกครั้ง
มันไม่ได้พูดคุยกันแค่ในเว็บไซต์อเวจีออนไลน์เพียงอย่างเดียว แต่ยังลามไปถึงเว็บไซต์อื่นๆอีกด้วย
ที่มันเกิดปรากฏการณ์อีกครั้งเป็นเพราะมี ‘ผู้อื่นขึ้น’ มายืนยันด้วยอีกเสียงว่า กิดล์ดัมพ์มีตัวตนอยู่จริงๆ
-ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา คุณลีจุนโฮ ผู้มีฉายาว่า [ผู้ตื่นขึ้นระดับผันแปร] ได้ออกมายืนยันว่ากิดล์ดัมพ์ที่รวบรวมเหล่าอาชญากรรมเอาไว้เป็นเรื่องจริง...แต่มันจะมีอยู่จริงๆหรือครับกิลด์แบบนั้น
-บอกตามตรงข้อมูลที่เรามี อาจยังบอกไม่ได้ว่ามีหรือป่าว แค่จากการสอบถามจากผู้เชียวชาญหลายคน มันอาจมีตัวตนอยู่จริงๆครับ
-แล้วคุณคิดว่าพรุ่งนี้ กิดล์ดัมพ์จะออกมาสร้างความสูญหมดตามข่าวลือที่กระจายออกมาหรือป่าวครับ
-เรื่องนี้ผมก็ไม่สามารถตอบได้ พวกเราต้องค่อยจับตาดูกันต่อไป...
บี๊บ
ผู้อำนวยการ [สำนักงานรับรองเหล่าสหายผู้ตื่นขึ้น] ปิดทีวีอย่างหงุดหงิด เขาเงยหน้าที่เต็มไปด้วยความโกรธแล้วหันไปถามชายตรงหน้า “เธอจะทำอะไรกันแน่?”
“ท่านหมายถึงอะไร?”ลีจุนโฮตอบกลับอย่างสบายใจ โดยไม่สนใจอารมณ์ของผู้อำนวยการเลยสักนิด เขานั่งบนโซฟาแล้วกระดิกตีนไปมา
ลีจุนโฮตัดสินใจเมินเฉยต่อผู้อำนวยการด้วยข้อหาหมั่นใส่
และดูเหมือนการกระทำของเขาจะสำเร็จ เพราะผู้อำนวยการ ตัวสั่นไปด้วยความโกรธ
“หึ...เรื่องอะไรงั้นเหรอ ก็เรื่องที่เธอพึ่งสัมภาษณ์ไปไง เธอทำไปเพื่ออะไร?”
“ก็ช่วยไม่ได้ ท่านไม่ยอมช่วยผมเอง ผมเลยลงมือทำเอง”ลีจุนโฮตอบ
“แล้วแกกล้าเอ่ยชื่อ กิลด์ดัมพ์ออกมาได้ยังไง ถ้าเกิดพวกมันมีน้ำโหขึ้นมา พวกมันได้ออกมาอาละวาดแน่ๆ”
“อาละวาดก็ช่างหัวมันสิ ท่านคิดว่ามันมีกำลังมากพอที่จะฆ่าพลเมืองของอันยังหมดหรือไง ที่สำคัญยังไงเรื่องพวกนี้ก็ต้องแดงออกมาสักวัน สู้บอกไปเลยไม่ดีกว่าหรือท่าน”
คำพูดของลีจุนโฮไม่มีคำไหนผิดเพี้ยนเลยแม้แต่น้อย ยังไงสักวันหนึ่งเรื่องของกิลด์ดัมพ์ก็ต้องแดงออกมาอยู่....
ก็ดีเหมือนกันที่ทำให้กิลด์ดัมพ์ถูกพูดถึงในสังคม เพราะมันเป็นกิลด์ที่ควรระวังและสมควรปราบปรามออกไปให้หมดไปจากสังคม...
“เฮ้อ..ถึงฉันจะโมโหเธอมาแค่ไหน แค่เรื่องที่เธอพูดมาก็มีเหตุผล แต่เรื่องในเมืองอันยัง เธอก็ไม่น่าไปยืนยันเรื่องนั้นเลย”ผู้อำนวยการกล่าว
แม้แต่ตอนนี้ผู้อำนวยการก็ยังไม่เชื่อเรื่องของลีจุนโฮ
แต่หลังจากกระทู้นิรนามถูกโพสต์ออกไป ทำให้มีข่าวลือมากมายแพร่สะพัดออกทั่ว...จนเกินความปั่นป่วนไปทั่วเมืองอันยัง
“อ้าว...ในเมื่อเรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว แต่ท่านก็ไม่คิดจะช่วยเหลือเลยเหรอ?”
“เธอสติไม่ดีหรือไง เธอเองไม่ใช้หรือที่สัมภาษณ์เรื่องบ้าๆแบบนั้นออกไปเอง?”
“ถึงแม้ข้อมูลมันจะไม่เป็นจริง แต่ท่านลงมือช่วยเหลือ ก็ไม่มีอะไรเสียหายไม่ใช่หรือไง”
“แต่กิลด์ดัพม์...มันเป็นปัญหาที่เธอสร้างขึ้น”
“ระหว่างคนตายเพราะกิลด์ดัพม์ กับ ตายเพราะมอนสเตอร์ มันก็ไม่มีอะไรต่างกัน...”
“อ่อ..แสดงว่าท่านจะปล่อยปะละเลย ต่อให้มีคนตายท่านก็ไม่สนสินะ แล้วถ้ามอนสเตอร์บุกมาจริงท่านจะทำยังไง”ลีจุนโฮกล่าว
“นั่นมัน..”
ผู้อำนวยการไม่สามารถตอบกลับลีจุนโฮได้ จะเกิดอะไรขึ้นถ้าเหตุการณ์มันเกิดขึ้นจริงๆ?
ร้ายแรงที่สุดเขาก็ถูกเตะลงจากทำแหน่ง ด้วยข้อหาประมาทเลินเล่อ...
“เฮ้อ...ฉันจะบอกอะไรเธอให้ คำพูดของเธออาจเป็นข่าวได้ แต่มันไม่สามารถบังคับคนอื่นให้คล้อยตามได้หรอกนะ เธอคิดว่าผู้ตื่นขึ้นจะเชื่อคำพูดของเธอหรือไง.”
ลีจุนโฮคือชายที่มีชื่อเสียงมากๆคนหนึ่ง แต่เขาก็ยังดังไม่พอ ถึงแม้ประชาชนบางคนจะเชื่อฟังคำพูดของเขา แต่มันก็ไม่ใช่ทุกคน มันแค่บางส่วนเท่านั้น...
ทำสำคัญ ‘ผู้ตื่นขึ้น’ ส่วนใหญ่ก็ยังไม่ค่อยรู้จักกิลด์ดัมพ์มากนัก ที่รู้จักก็มีแต่พวกที่อยู่แรงค์สูงๆ และคิดเหรอว่าพวกเขาจะเชื่อฟังลีจุนโฮ...
“ถ้าเธอคิดว่าคำพูดของเธอสามารถสร้างแรงกระเพื่อม เธอคิดผิดแล้ว”
“ผมรู้เรื่องนั้นดี..”
“ถึงผมจะรู้ แต่ผมก็ทำให้สิ่งที่ผมสามรถทำได้...”
แม้แต่ตัวลีจุนโฮเอง ก็ยังไม่รู้ข้อมูลอะไรมากนัก...
เขาเองก็พึ่งรู้จากซูฮยอนเหมือนกัน ว่าการระบาดของดันเจี้ยนจะเกิดขึ้นในวันพรุ่งนี้ ที่เมืองอันยัง
หลังจากทราบข่าวลีจุนโฮก็โทรไปหานักข่าวทันที...เขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าซูฮยอนว่างแผนทำอะไรกันแน่ มีแต่เจ้าตัวเท่านั้นที่รู้ว่าจะทำอะไรต่อไป...
“ซูฮยอนคิดจะทำอะไรกันแน่...เขาจะรับมือกับคนอพยพยังไงกันนะ”ลีจุนโฮคิด
“มาลองดูกันดีกว่า ว่าพรุ่งนี้มันจะเกิดอะไรขึ้น...”
**************************
วันที่ 31 มกราคม เป็นวันที่มีหิมะตกทั่วจังหวัดคย็องกี
ณ. เวลานี้ทั่วโลกให้ความสนใจไปกับ 2 เรื่องเท่านั้น
เรื่องที่ 1 ดันเจี้ยนระดับสีเขียวที่โผล่ออกมาในเมืองอันซัน จังหวัดคย็องกี
ว่ากันว่ามันคือดันเจี้ยนที่จัดการยากที่สุด แต่เนื่องจากได้รับความช่วยเหลือจากคิมฮยอนซู ‘ผู้ตื่นขึ้น’ แรงค์ S เลยทำให้การโจมตีผ่านไปอย่างราบรื่น
เรื่องที่ 2 การโจมตีจากผู้ก่อการร้าย ในเมืองอันยัง จังหวัดคย็องกี
ถึงจะเป็นเรื่องที่ถูกพูดถึงกันอย่างกว้างขวาง แต่ผู้คนก็ไม่ค่อยจริงจังกับมัน เพราะมันมีแต่ข่าวลือและเรื่องเล่าที่บอกต่อๆกันมา เลยทำให้พวกเขาไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่ามันเป็นความจริงหรือไม่
อีกอย่างผู้คนก็ประเมินพลังของกิลด์ดัมพ์ต่ำไป เพราะพวกเขาก็เป็นมนุษย์เหมือนกัน มันไม่ใช้มอนสเตอร์ที่แสนน่ากลัวสักหน่อย เลยทำให้ประชาชนส่วนมากไม่มีความกังวลเลยสักนิด ด้วยเหตุนี้เลยทำให้กิลด์ดัมพ์ดังอยู่แต่ในอเวจีออนไลน์แล้วเว็บไซต์อื่นๆเท่านั้น....
*******************
“มีคนอพยพไปมั่งแล้วสินะ”
[ใช่..หลังจากพวกเขาทราบข่าว พวกเขาก็พากันอพยพทันที]
ลีจุนโฮบ่นเรื่องหนักใจให้ซูฮยอนฟัง เขาประสบปัญหามากมายเกี่ยวกับการอพยพผู้คน
เขาป่าวประกาศถึงความหน้ากลัวที่จะเกิดขึ้นในวันพรุ่งนี้ แต่ก็มีคนเชื่อเขาแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น....
“ยังดีนะที่พวกเขา อพยพไปแล้ว 100,000 คน ถึงแม้จะไม่ใช้จำนวนที่แน่ชัด แต่ก็เป็นที่น่าพอใจละนะ”
[ใช่..ฉันเห็นด้วย]
“ต้องขอบคุณนายจริงๆนะลีจุนโฮ การสัมภาษณ์ของนาย อาจเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้พวกเขาตัดสินใจอพยพออกไป”
[ฮ่า ฮ่า ไม่เป็นไร อ๊ะจริงสิ แม่นายไม่ได้อยู่เมืองอันยังงั้นเหรอ]
“ไม่ได้อยู่หรอก เธอย้ายไปเปิดร้านที่เมืองซูว็อนตั้งนานแล้ว”
[เยี่ยมเลย แต่ว่าเมืองอันยังกับซูว็อนมันค่อนข้างอยู่ติดกันนะ]
“ใช้แล้ว..ฉะนั้นฉันจึงส่งเธอไปออกทริปตามภาษารุ่นใหญ่ นายไม่ต้องเป็นห่วง”
[แล้วนายจะทำอะไรกับคนที่เหลือละ ฉันอาจไปที่เมืองอันยังด้วย เพราะตอนนี้ฉันไม่มีแผนโจมตีดันเจี้ยน]
“นายรู้อะไรไหม...ความกลัวไม่ใช่เรื่องเลวร้าย?”ซูฮยอนพูดพร้อมกับแสยะยิ้ม
[หา?]
“งั้น...ตั้งใจฟังในดีๆ....”
ซูฮยอนเริ่มอฺธิบายอะไรบางอย่างในลีจุนโฮฟัง.....
“เป็นไง คิดออกยัง?”
[ดูเหมือนฉันจะจับใจความได้อยู่..]
[แต่มันจะได้ผลเหรอ]
“ถ้าไม่ลองทำ ก็ไม่รู้หรอกจริงไหม”
[พูดนะมันง่าย แต่การลงมือทำมันยากอยู่นะ...] ลีจุนโฮคิดว่าแผนของซูฮยอนไม่น่าเป็นไปได้
ซึ่งมันก็เป็นเรื่องปกติที่เขาจะคิดแบบนั้น เพราะแผนที่ซูฮยอนบอกไป
ยังไม่ได้ลงมือทำ ที่สำคัญเขาก็ไม่รู้เช่นกันว่ามันจะเวิร์คจริงหรือป่าว...
“ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะทำสำเร็จไหม..แค่นี้ก่อนแล้วกันไว้คุยกันใหม่วันหลัง”
ซูฮยอนกดมือถือเพื่อว่างสาย ตอนนี้ถึงเวลาเตรียมการสำหรับขั้นตอนต่อไปแล้ว
“เอาล่ะ พร้อมแล้ว”ซูฮยอนคิด
ซูฮยอนลุกขึ้นจากที่นั่งแล้วไปหยิบชุดที่เตรียมไว้ขึ้นมาใส่ หลังจากเปลี่ยนชุดเรียบร้อยเขาก็เดินไปส่องกระจก...
“เฮ้อ...ไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆว่าโตขนาดนี้แล้วยังต้องมาใส่ชุดซุปเปอร์ฮีโร่อีก น่าอายเป็นบ้า”
ซูฮยอนยกมือขึ้นไปแตะหน้ากาก เพื่อเช็คว่ามันปิดบังใบหน้าของเขาหมดหรือยัง
หลังจากตรวจทานความเรียบร้อยเสร็จ เขาก็ออกจากห้องไปดำเนินแผนการที่เตรียม..
***********************
“ฟู่”
จีว็อนจางฮยอคนั่งอยู่บนพื้นในซอยแคบๆแล้วพ่นควันบุหรี่ออกมา
“แมร่งเอ๋ย...ทำไมไม่มีไอ้หมาตัวไหนเอาเงินมาให้เลยวะ”
เขามีอายุประมาณ 24 ปี ถึงแม้อายุจะขึ้นเลข 2 แต่เขาก็ไม่ทำงานทำการเลยสักนิด
เขายังคงทำตัวเป็นนักเลงหัวไม้ และชอบไถ่เงินจากคนไม่มีทางสู้ ซึ่งเขาก็ทำนิสัยแบบนี้มาหลายปีไม่ยอมเลิกลา...
“เฮ้เพื่อน..วันนี้จะไม่เป็นอะไรจริงๆเหรอวะ”
“ทำไมวะ”
“แกไม่รู้เหรอวะว่าวันนี้ผู้คนจะตกอยู่ความหวาดกลัว”
“หวาดกลัว...หวาดกลัวบ้านป้าแกสิ”
จีว็อนจางฮยอคตะคอกเพื่อนของเขากลับไป
ตัวเขาเองก็เคยได้ยินข่าวมาบ้าง ว่าจะเกิดเรื่องร้ายๆขึ้นในเมืองอันยัง...
แต่ในฐานะที่เขายังหนุ่มยังแน่น ทำให้จีว็อนจางฮยอคไม่เชื่ออะไรง่ายๆ
“เฮ้อ....พวกแกนี้มันหัวสมองมีแต่ขี้เลื่อย อายุก็เยอะแล้วยังไปเชื่อคำพูดไร้สาระพวกนั้นอีก”
“แต่.. ‘ผู้ตื่นขึ้น’ ลีจุนโฮบอกว่ากิลด์ดัมพ์มีอยู่จริงๆนะ”
“แล้วไง? มันก็แค่พูดเพ้อเจ้อ แกไม่เห็นหรืองไง ว่า ‘ผู้ตื่นขึ้น’ คนอื่นๆก็ออกมายืนยันแล้วว่ากิลด์ดัมพ์จะยังไม่ออกมาตอนนี้”
“แต่ว่า...”
“เชี้ยเอ๊ยทำไมแกขี้ขาดตาขาวจังวะ”
“ทำไมแกต้องดุขนาดนั้นด้วยวะ กูก็แค่เป็นห่วงเอ็งเท่านั้นเอง”
“ห่วงกู?..ห่วงกันตูดแกสิ ที่แกพูดออกมาเพราะแกมันขี้ขาด”
“อ่าวเห้ย..แกอยากมีเรื่องกับกูหรือไง”
ในขณะที่จีว็อนจางฮยอคกำลังทะเลาะกับเพื่อนอยู่นั้นเอง อยู่ๆก็มีเสียงนิรนามก็ลอยตามลมออกมา....
“อุ๊ยตายมีคนอยู่แถวนี้ด้วยเหรอ ในซอยที่เหม็นอับเนี้ยนะ ไหนขอดูหน้าหน่อยสิ”
พวกเขาทั้ง 4 คน รวมทั้งจีว็อนจางฮยอคหันหน้าไปมองเจ้าของเสียงพร้อมกัน
พวกเขาสงสัยจริงๆว่าไอ้หมาตัวไหนมันกล้ามาเหยียบถิ่นของพวกเขา
ซึ่งผู้มาใหม่ก็ไม่กลัวพวกเขาเลยสักนิด แถมยังกล้าเดินมาเผชิญหน้ากับพวกเขาอีกต่างหาก
“ไอ้หน้ากาก?”จีว็อนจางฮยอคพูดออกมา
จีว็อนจางฮยอคก็ไม่ทราบเช่นกันว่าทำไม มันถึงแต่งตัวแบบนั้น มันจะไปถ่ายหนังที่ไหนหรือไง...
มีแค่คนบ้าเท่านั้นแหละที่กล้าแต่งตัวแบบนี้ออกมาจากบ้าน.... ตอนนี้ในสมองของจีว็อนจางฮยอคเริ่มสรรหาวิธีรังแกคนตรงหน้าแทน เพราะมันน่าจะสนุกกว่าทะเลาะกับเพื่อนฝูงของเขาเยอะ
“แกเป็นใคร แล้วมาที่นี่ทำไม?”
“จะรู้ไปทำไม?...แกอยากทำอะไรกับฉันบอกมาเลยดีกว่า ไม่ต้องพูดให้มากความ”ชายส่วมหน้ากากถาม
“หึ..ถามโง่ๆ พวกกูจะอัดแกให้เละจนกลับไปร้องห่มร้องไห้ฟ้องแม่ไงล่ะ”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า”
หลังจากได้ยินคำพูดของจีว็อนจางฮยอค พรรคพวกของเขาก็หัวเราะออกมาอย่างสะใจ
พวกเขาต่างมองไปทางชายสวมหน้ากากแล้วพากันหัวเราะออกมาไม่ยอมหยุด
โดยปกติท่าคนทั่วไปมาเจอสถานการณ์แบบนี้ พวกเขาคงกลัวจนแขน ขา สั่นไปหมด....แต่มันไม่ใช่กับซูฮยอน
“หึ...ฉันละอยากรู้จริงๆว่าฝืมือของแกดีเหมือนปากหรือป่าว”
ไม่แปลกใจว่าทำไมจีว็อนจางฮยอคและพรรคพวก ถึงไม่กลัวชายสวมหน้ากาก
เพราะการแต่งตัวของซูฮยอนมันดูไม่น่าเกรงขามเลยสักนิด มันดูเหมือนนักแสดงตลกตามงานวัดมากกว่า..
แต่เมื่อสายตาของจีว็อนจางฮยอคไปสบตากับชายสวมหน้ากาก
อยู่ๆขนแขนของจีว็อนจางฮยอคก็ลุกชูชันขึ้น
“อะไรกัน...ความรู้สึกนี้”จีว็อนจางฮยอคคิด
ไมใช่แค่จีว็อนจางฮยอคเท่านั้นที่รู้สึกขนลุก แม้แต่เพื่อนๆของเขาก็รู้สึกไม่สบายใจด้วยเช่นกัน
วุป
ทันใดนั้น เปลวเพลิงปริศนาก็ลุกออกมาบนฝ่ามือของชายสวมหน้ากาก
เมื่อจีว็อนจางฮยอคและพรรคพวกเห็นภาพนั้น พวกเขาจึงพากันเดินถอยหลังออกไป 2-3 ก้าว พร้อมกับขาที่สั่นพั่บๆ
“เชี้ยไรวะเนี้ย”
“ยะ...อย่าบอกนะว่ามันคือ ‘ผู้ตื่นขึ้น’?”
“อะไรนะ? ทำไม ‘ผู้ตื่นขึ้น’ ถึงมาอยู่ในซอยสกปรกแบบนี้ด้วยวะ?”
“ไม่นะ..หรือว่าเขาคือ...”
“เมื่อครู่แกถามฉันสินะว่าเป็นใคร”
เปลวเพลิงปริศนาในมือของชายสวมหน้ากาก อยู่ๆก็กลายเป็นบอลเพลิงขนาดยักษ์ ก่อนที่มันจะลอยออกไปเพื่อโจมตีอาคารบ้านเรือนที่อยู่รอบๆ
ตูม ตูม
ด้วยขนาดของเปลวเพลิงที่ใหญ่ยักษ์ จึงทำให้ท้องฟ้าในเมืองอันยังเต็มไปด้วยเขม่าควัน
หลังจากซูฮยอนโชว์ของระลอกแรกไปเสร็จ เขาก็หันหน้าไปมองจีว็อนจางฮยอคด้วยสายตาแดงก่ำและพูดด้วยน้ำเสียงกระหายเลือด
“ฉันจะเป็นใครไปได้อีก นอกจากมหาวายร้าย ผู้กระหายเลือดยังไงล่ะ”
จุดเริ่มต้นของโชว์สุดพิเศษที่แสนตระการตากำลังเริ่มขึ้นต่อจากนี้...........