ตอนที่ 18 เข้าพบ อุซึมากิ มิโตะ
หลังจากฝึกเสร็จ ซึนาเดะ ก็วิ่งมาหา อาคาบาเนะ
“ตอนนี้คุณย่ากำลังทานอาหารเช้าอยู่ ฉันจะพานายไปเดินเล่นรอบ ๆ บ้านของเราระหว่างรอท่าน” เธอพูดขณะถือข้าวปั้นครึ่งปั้น
อาคาบาเนะ อดไม่ได้ที่จะพึมพำขึ้น “อันที่จริง…ฉันนั่งรออยู่แถวนี้ก็ได้”
แต่เห็นได้ชัดว่า ซึนาเดะ ไม่ฟังเธอลากเขาเดินไปรอบๆบ้านของเธอ
อาคาบาเนะ ไม่สามารถขัดขืน ทำได้เพียงเดินตามเท่านั้น
ทั้ง 2 เดินคู่กันไปตามทาง
“ครอบครัวของเราเป็นตระกูลใหญ่โต ฉันหวังว่านายคงจะไม่ตกใจ”
ซึนาเดะ พูดด้วยรอยยิ้ม
"ฉันไม่….."
แม้ว่า อาคาบาเนะ อยากจะปฏิเสธ แต่เธอก็ตัดบทเขาพร้อมกับอธิบายเกี่ยวกับประวัติของตระกูล
“อย่างที่นายเห็น แม้ว่าตอนนี้พวกเราจะมีสมาชิกไม่มากนักในตระกูล แต่ในอดีตพวกเราเป็นตระกูลอันดับ 1 และเราไม่ได้บังคับการแต่งงานระหว่างครอบครัวภายใน ดังนั้นตอนนี้ตระกูล เซนจู เหลือเพียงไม่กี่ครอบครัวเท่านั้น”
“…...”
อาคาบาเนะ ตัดสินใจฟังเธออย่างเงียบๆ
“ที่ใหญ่ที่สุดคือลานบ้านของคุณย่า ปกติฉันก็อาศัยอยู่ที่นั่น แต่จริงๆ แล้ว ฉันมีพื้นที่ส่วนตัว อยู่ที่นั่นไง..”
ซึนาเดะ ชี้ให้เขาเห็น โดยพื้นฐานแล้วเธอจะอธิบายทุกอย่างที่พวกเขาเดินผ่าน
อย่างไรก็ตาม อาคาบาเนะ สังเกตุเห็นแม้ว่าตระกูลเซนจูจะไม่ใหญ่โตเหมือนในอดีต แต่บ้านเรือนกลับถูกอำพรางไว้ในสถานที่ที่ไม่ธรรมดา บางแห่งมักจะเห็นยันต์อำพรางของตระกูลอุซึมากิด้วย
อาคาบาเนะ แอบคิดอยู่ภายในใจ
เมื่อเทียบกับ ตระกูลคุรามะ ความสามารถทางกายภาพของตระกูลเซ็นจูอาจเปรียบได้กับสัตว์ประหลาด แต่พวกเขาไม่มีความพิเศษทางสายเลือดที่จะส่งต่อไม่น่าแปลกใจเลยที่อัตราการตื่นของขีดจำกัดทางสายเลือดของพวกเขาจะลดลงไปเรื่อยๆในอนาคต
“จริงๆแล้วที่นี่ไม่มีอะไรน่าสนใจให้ดู คงทำได้แค่เพียงรอคุณย่าเท่านั้น”
พูดได้ไม่กี่คำทั้ง 2 ก็เดินเกือบรอบตระกูลเซนจูแล้ว
อาคาบาเนะ รู้สึกดีใจเล็กน้อยและกล่าวว่า “งั้น หาที่นั่งกันเถอะ…...”
“ไม่! นายนี่มันจอมขี้เกียจจริงๆ นายต้องหัดเดินซะบ้างมันจะช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อที่อ่อนแอของนาย”
ซึนาเดะ ปฏิเสธอย่างไร้ความปราณี
“อา… ฉันทำอะไรไม่ได้เลยใช่ไหม?”
อาคาบาเนะ ได้แต่ยอมรับชะตากรรมของเขาเนื่องจากเป็นความซวยของเขาที่ได้มาเจอ ซึนาเดะ ที่นี่
ทั้ง 2 เดินไปรอบ ๆ ครึ่งชั่วโมง
“ท่านซึนาเดะ ท่านมิโตะ พร้อมต้อนรับแขกผู้มาเยือนแล้ว” สมาชิกนินจาของตระกูลได้กล่าวขึ้น
………………..
ในลานบ้าน
เมื่อมาถึงที่นี่ อาคาบาเนะ ก็เห็นหญิงสูงศักดิ์ผู้สง่างามนั่งอยู่บนเก้าอี้ เธอกำลังอ่านหนังสือเล่มเล็กๆ อย่างช้าๆ
อุซึมากิ มิโตะ เป็นที่รู้จักว่ามีจักระที่เป็นเอกลักษณ์ สิ่งนี้ทำให้เธอมีพลังในการผนึกจิ้งจอกเก้าหางในตัวเธอ และทำให้เธอได้รับชื่อ “จินชูริกิ” ซึ่งแปลว่า “พลังแห่งการเสียสละของมนุษย์” ในเวลานี้ เธอดูเหมือนหญิงสาวสวยในวัย 30
"อา! เธอคือ อาคาบาเนะ เพื่อนของ ซึนาเดะ สินะ เชิญนั่ง."
มิโตะ จัดเก้าอี้ 2 ตัวเอาไว้ก่อนหน้านี้ เก้าอี้ตัวหนึ่งอยู่ใกล้เธอและอีกตัววางห่างออกไปเล็กน้อย
อาคาบาเนะ นั่งบนเก้าอี้ห่างจากเธอด้วยความเคารพ ซึนาเดะ กำลังจะเดินไปนั่งบนเก้าอี้อีกตัวหนึ่ง แต่ มิโตะ ก็เงยหน้าขึ้นแล้วพูดว่า “หนูเอ๋ย ไปนั่งทำไมตรงนั้น? มานั่งข้างๆฉันสิ”
“เอ่อ....ครับ”
อาคาบาเนะ รู้สึกแย่เล็กน้อย
มิโตะ ยิ้มให้เขาอย่างอ่อนโยนแล้วพูดกับ ซึนาเดะ ว่า"ย่าอยากรู้จัก อาคาบาเนะ ให้มากกว่านี้ ซึนาเดะ หลานช่วยเปลี่ยนที่นั่งกับเขาหน่อย"
ซึนาเดะ อึ้งไปครู่หนึ่ง และสีหน้าของเธอก็อารมณ์เสียขึ้นมาเล็กน้อย
“ดูเหมือนว่า ซึนาเดะ กำลังหงุดหงิด”
อาคาบาเนะ แอบยิ้มเยาะอยู่ภายในใจ
มิโตะ เป็นร่างสถิตสัตว์หางคนแรกและเป็นทายาทของตระกูลอุซึมากิ การนั่งข้างคนที่ไม่ธรรมดาอย่างเธอทำให้ อาคาบาเนะ รู้สึกประหม่า
“หนูเอ๋ย หนังสือที่เธอเขียนเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับอนาคตหรือเปล่า?”
มิโตะ ถามขณะอ่าน
“ไม่ครับ มันเป็นแค่เรื่องในจินตนาการของผม”
อาคาบาเนะ พูดในทำนองเดียวกันมาหลายครั้งแล้ว เพราะถึงแม้ว่าเขาจะพูดความจริงไปก็คงไม่มีใครเชื่อ
“นานมากแล้วที่ฉันไม่เคยได้เห็นเรื่องราวที่น่าดึงดูดใจขนาดนี้ เมื่อคืนฉันคิดอยู่นาน หลายๆสิ่งหลายๆอย่างจากเรื่องราวของเธอทำให้ฉันรู้สึกคุ้นเคย”
“นั่นเป็นเหตุผลที่ฉันบอกให้ ซึนาเดะ เชิญเธอมาที่นี่และต้องการพูดคุยกับเธอบางเรื่อง….”
มิโตะ ยิ้มอย่างอ่อนโยนให้ อาคาบาเนะ “ตัวอย่างเช่น ในตอนแรก คำอธิบายของเธอเกี่ยวกับปีศาจจิ้งจอก 9 หาง..…”
และทันใดนั้นจู่ๆ อาคาบาเนะ ก็รู้สึกถึงคลื่นจักระที่ผันผวนจากตัว มิโตะ
อาคาบาเนะ ไม่เพียงแต่สัมผัสได้ถึงแรงกดดันเท่านั้นแต่เขายังได้ยินเสียงคำรามบางอย่าง
แต่ไม่นาน มิโตะ ก็ลูบท้อง และความผันผวนนั้นก็หายไป
“นั่นคงเป็น 9 หาง..” อาคาบาเนะ แอบคิดในใจ
อาคาบาเนะ มั่นใจว่าความรู้สึกนั้นมาจาก คุรามะ หรือปีศาจจิ้งจอก 9 หาง
“ต้นแบบของปีศาจจิ้งจอก 9 หางนั้นผมได้ศึกษามาจากอดีตของโคโนฮะทำให้ผมได้รู้ว่า จินจูริกิ คือร่างสถิตของสัตว์หางและผมได้นำเรื่องราวเหล่านั้นมาผสมผสานกับจินตนาการของผมเอง”
อาคาบาเนะ เริ่มที่จะพูดก่อนที่ มิโตะ จะทันได้ถามอะไร
“ฮิฮิฮิ ฉันจะบอกว่า…สิ่งที่เธอคิดนั้นถูกต้องแล้ว แต่ 9 หางตัวจริงนั้นอ่อนโยนกว่านี้”
มิโตะ กล่าว
หลังจากนั้น เธอชี้ไปยังภูเขาที่มีรูปปั้นโฮคาเงะที่มองเห็นได้ไกลๆ และถามขึ้นว่า “โฮคาเงะ รุ่นที่ 4 ก็เป็นคนที่เธอจินตนาการขึ้นมาหรือเปล่า?”
“ใช่ครับ แต่ผมใช้รูปลักษณ์จากใครบางคนในชั้นเรียนเป็นข้อมูลอ้างอิง”
“อืม ฉันเข้าใจแล้ว แล้ว ชินโนะสุเกะ ล่ะเขามีลูกชายชื่อ โคโนฮะมารุ?”
“…”
ในตอนแรก อาคาบาเนะ รู้สึกประหม่าเล็กน้อยเขาคิดว่า มิโตะ กำลังทดสอบความถูกต้องของตัวละครในการ์ตูนของเขา แต่หลังจากถามคำถาม 2-3 คำถามเกี่ยวกับเนื้อเรื่องในการ์ตูน เขาก็ผ่อนคลายลง
“นี่มันแฟนคลับที่กำลังถามถึงเนื้อเรื่องในการ์ตูนล่วงหน้าไม่ใช่เหรอ?”
ตอนแรก ซึนาเดะ ค่อนข้างไม่พอใจ แต่ต่อมา เธอตั้งใจฟังการสปอยล์ของ อาคาบาเนะ อย่างตั้งใจและดูตื่นเต้น
“สุดท้ายแล้ว นารูโตะ จะได้เป็น โฮคาเงะ ไหม? หรือว่า..…"
มิโตะ ไม่ได้พูดต่อในครึ่งหลัง แต่ก็ไม่ยากที่จะเดาความหมาย
หลังจากคิดดูแล้ว อาคาบาเนะ ก็พูดอย่างตรงไปตรงมา เขากระแอมเบาๆ แล้วพูดว่า: “คุณย่ามิโตะ เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับโครงเรื่องต่อไป ผมไม่สามารถตอบได้”
"ไม่เป็นไร; บอกฉันคนเดียวก็ได้”
มิโตะ ยังคงไม่ยอมแพ้เธอพูดในขณะที่เหลือบมอง ซึนาเดะ
ซึนาเดะ เริ่มกังวลทันทีเมื่อได้ยินอย่างนั้นและพูดด้วยน้ำเสียงที่ออดอ้อนว่า “คุณย่า หนูก็อยากรู้เหมือนกัน!”
“คุณย่ามิโตะ ถ้าผมเล่าเรื่องนี้ให้ฟังตอนนี้ การ์ตูนเรื่องนี้ก็คงจะน่าสนใจน้อยลง”