ตอนที่ 21 เจรจา
โป๊ก! โป๊ก!......
อาคาบาเนะ ได้ยินเสียงสะท้อนของการตีเหล็กจากโรงงาน
ไม่นานก็มีชายคนหนึ่งรีบเข้ามาหา ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นผู้รับผิดชอบที่นี่ เขาสังเกตุเห็น ซึนาเดะ ก็ขมวดคิ้วและเอ่ยทักทายทันที
ดูจากลักษณะแล้ว ซึนาเดะ มีชื่อเสียงมากในที่แห่งนี้และมันอาจจะเป็นในทางลบ พูดง่ายๆก็คือตัวป่วนประจำที่นี่
อาคาบาเนะ ริเริ่มพูดคุย เขายื่นเหรียญให้ชายคนนั้นพร้อมกับพูดว่า “สวัสดีครับ ผมชื่อ คุรามะ อาคาบาเนะ ผมมีธุระบางอย่างอยากจะพูดคุยด้วย”
“คนจากตระกูลคุรามะ?”
ชายคนนั้นแปลกใจและคิดว่าเด็กน้อยจากตระกูลคุรามะมาทำอะไรที่นี่? จากนั้นเขาก็เอื้อมมือไปหยิบเหรียญตราสัญลักษณ์จาก อาคาบาเนะ และตรวจสอบอย่างละเอียด
สักพักเขาก็แนะนำตัวเองว่า “เอาล่ะเด็กน้อย ฉันชื่อ อิซึมิ ยามาโนะ ฉันเป็นผู้ดูแลที่นี่”
“คุณยามาโนะ ผมมาที่นี่เพื่อขอความช่วยเหลือจากคุณ ผมอยากให้ทางคุณช่วยพิมพ์หนังสือการ์ตูนเรื่องนี้ให้ได้จำนวนทีละมากๆให้หน่อย”
อาคาบาเนะ หยิบหนังสือการ์ตูนของเขาออกมาแล้วยื่นให้ ยามาโนะ
“หนังสือเล่มนี้เธอเป็นคนทำเหรอ?”
ยามาโนะ สงสัยมากขึ้นแล้วมองดูหนังสือการ์ตูน
หนังสือเล่มนี้จะแตกต่างจากเวอร์ชันก่อนหน้านี้ที่วาดด้วยมือคร่าวๆ แต่เวอร์ชันนี้ได้มีการแก้ไขให้มีความละเอียดมากขึ้น ซึ่งอาจกล่าวได้ว่าเป็นผลงานที่ดีที่สุดของ อาคาบาเนะ
เมื่อมองแวบแรก เขาก็รู้สึกทึ่งกับผลงานนี้อย่างน่าประหลาดใจ
“เธอเรียกมันว่าอะไรนะ? หนังสือการ์ตูน?”
เขาพบว่ามันเหลือเชื่อ มันแตกต่างจากหนังสือเล่มอื่นๆ มีการวาดตัวละครและมีการบรรยายเรื่องราวจากมุมมองของตัวละคร
“ใช่แล้ว ลุงยามาโนะ ลุงได้ยินไม่ผิด หนังสือนี่เรียกว่าหนังสือการ์ตูน”
ซึนาเดะ ได้พูดชี้แจง
“หนังสือการ์ตูน?”
ยามาโนะ เปิดหน้าแรกจากนั้นก็ดูหน้าถัดไป
เวลาผ่านไปไม่กี่นาที โดยไม่รู้ว่าเขาอ่านไปแล้วกี่หน้า
จากนั้นเขาก็ปิดหนังสือการ์ตูนด้วยความตื่นเต้นและเสียใจ
ยามาโนะ เป็นเพียงช่างตีเหล็กธรรมดาที่เชี่ยวชาญในการตีเหล็ก แต่หลังจากอ่านการ์ตูนของ อาคาบาเนะ แล้ว จู่ๆ เขาก็นึกถึงความฝันในวัยเด็กที่อยากจะเป็นโฮคาเงะขึ้นมาได้
“อ่า ฉันจำได้เมื่อตอนที่ฉันยังเป็นเด็กเหมือนพวกเธอ ฉันเคยคิดที่จะเป็นนินจา มาคิดๆดูแล้วมันช่างชวนให้คิดถึงความหลัง”
“แต่น่าเสียดายที่ฉันไม่มีคุณสมบัติพอที่จะเป็นนินจาได้”
ยามาโนะ อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ
อาคาบาเนะ ยิ้มเบา ๆ และแอบเปิดแผงระบบ
"ระบบ!"
[ แต้ม +1 ]
“เพิ่มขึ้นมา 1 แต้ม!”
“พูดอีกอย่างก็คือ แม้แต่คนธรรมดาก็ยังให้แต้มจากการอ่านการ์ตูนของฉัน”
อาคาบาเนะ คิดอย่างตื่นเต้น
ยามาโนะ ให้ 1 แต้ม แม้จะอ่านไปเพียง 2-3 หน้าแล้ว แต่ประเด็นก็คือเขาได้แต้ม! ลองนึกภาพว่าถ้าคนหลาย 100 หลาย 1,000 คน อ่านพร้อมกันแล้วมันจะเป็นยังไง!
“น่าเสียดาย… เอ่อ ขอโทษ อาคาบาเนะคุง นี่คือหนังสือการ์ตูนที่เธออยากจะให้เราพิมพ์เพิ่มใช่ไหม?”
ยามาโนะ ถาม อาคาบาเนะ อีกครั้ง
“ใช่ครับ แต่ไม่ใช่เพียงแค่เล่มนี้ ในอนาคตจะมีตามมาอีกเรื่อยๆ ดังนั้นผมอยากจะทำข้อตกลงความร่วมมือกับ คุณยามาโนะ”
อาคาบาเนะ พูดอย่างจริงจัง
เขารู้ว่ามันอาจจะแปลกไปสักหน่อยที่คำขอดังกล่าวมาจากเด็ก และเป็นความจริงที่เขาไม่มีอะไรให้เป็นหลักประกัน เขาทำได้แค่พยายามโน้มน้าว ยามาโนะ ด้วยผลงานของเขาเท่านั้น
ถ้า ยามาโนะ ไม่เคยอ่านการ์ตูนเรื่องนี้มาก่อน บางทีเขาอาจจะเยาะเย้ย แต่ตอนนี้เขาต้องคิดให้ลึกถึงถึงข้อตกลงความร่วมมือที่ อาคาบาเนะ พูดถึง
หนังสือการ์ตูนนี้จะนำผลประโยชน์อะไรมาให้เขา!
ยามาโนะ รู้ดีว่าตลาดขายหนังสือนั้นแคบ และข้อดีก็มีน้อย แต่หลังจากอ่านการ์ตูนเรื่องนี้แล้ว เขารู้สึกว่าเขาเพิ่งอ่านผลงานชิ้นเอกและจินตนาการได้ว่าทุกคนจะต้องแย่งกันซื้อไปอ่านอย่างแน่นอน
หนังสือการ์ตูนเรื่องนี้อาจจะมอบผลประโยชน์ที่ไม่คาดคิดมาให้เขา!
เขาตัดสินใจทันทีโดยไม่คิดอะไรเพิ่มอีก “ฉันสนใจ! แล้วข้อตกลงเป็นยังไง”
“ผมรู้ว่า คุณยามาโนะ ไม่ได้เป็นเจ้าของโรงงานเพียงคนเดียว ดังนั้นผมจึงอยากเสนอ 2 ทางเลือก อย่างแรกคือ ผมจะจ่ายตามจำนวนเล่มที่พิมพ์ หรืออย่างที่ 2 ผมจะจ่าย 10% ของรายได้การ์ตูนให้คุณทุกเดือน
อาคาบาเนะ ให้เวลา ยามาโนะ ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง
“อืม น่าสนใจ… แต่ฉันต้องคุยกับคนอื่นๆ”
ยามาโนะ ลังเล การเจรจาแบบนี้อยู่นอกเหนือความรู้ของเขา และควรปรึกษาหารือกับคนอื่นๆก่อน
“ผมเข้าใจเป็นอย่างดี และจะให้เวลา คุณยามาโนะ ได้ตัดสินใจ ถ้าคุณต้องการ ผมสามารถให้ยืมหนังสือเล่มนี้ไปให้คนอื่นๆได้อ่าน แต่โปรดดูแลมันให้ดี”
อาคาบาเนะ ยิ้มอย่างใจดี
ยามาโนะ พยักหน้าและหยิบหนังสือการ์ตูน
เรื่องนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับการพิมพ์หนังสือ ดังนั้นเขาน่าจะถามความเห็นจากคนอื่นๆที่รับผิดชอบด้านการพิมพ์ก่อน
ซึนาเดะ ฟังอย่างเงียบๆตั้งแต่เริ่มและไม่พูดอะไรเลย
เธอรู้สึกทึ่งเล็กน้อยที่ อาคาบาเนะ สามารถพูดคุยจัดการเรื่องธุรกิจกับคนที่มีอายุมากกว่าได้อย่างราบรื่น
หลังจากที่ ยามาโนะ จากไป เธอถามว่า “ทำไมนายไม่ตัดสินใจพูดเรื่องค่าตอบแทนไปแบบตรงๆ ล่ะ”
“แน่นอน ถ้าฉันบอกค่าตอบแทนที่แน่นอนแบบตายตัวจะทำให้ฉันได้ประโยชน์จากมัน แต่ฉันไม่รู้ว่าหนังสือการ์ตูนของฉันจะขายดีแค่ไหน? ถึงอย่างนั้นฉันก็เป็นแค่เด็กคนหนึ่งที่ต้องการเปิดร้านการ์ตูน...”
อาคาบาเนะ อธิบายอย่างถ่อมตน
เขายังพูดไม่จบ แต่เขาเชื่อว่า ซึนาเดะ เข้าใจความหมายของมันได้
ซึนาเดะ ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วรีบพูดขึ้นว่า “ฉันเข้าใจแล้ว แต่ฉันไม่เคยรู้เลยว่านายจะเจรจาธุรกิจได้เก่งมากขนาดนี้ ทั้งๆที่มันไม่ใช่สไตล์ของนายเลย”
สไตล์ของ อาคาบาเนะ คืออะไร..
สั้นๆ พูดได้คำเดียวว่า ขี้เกียจ
เขาขี้เกียจเกินไปที่จะจัดการกับปัญหาของคนเหล่านี้ในอนาคต ดังนั้นเขาจึงวางแผนไว้ 2 ทางเลือกในตอนเริ่มต้น ให้คนเหล่านี้เข้าใจคุณค่าของการ์ตูนอย่างถ่องแท้ก่อนตัดสินใจ ไม่เช่นนั้นการ์ตูนของเขาจะถูกประเมินให้ต่ำไป
…………...
ผ่านไปซักพัก ยามาโนะ ก็กลับมา เขาพาคนมาด้วย ซึ่งดูเหมือนจะเป็นผู้รับผิดชอบและคนงานจากแผนกพิมพ์
“คุณยามาโนะ มีปัญหาอะไรหรือเปล่า?”
อาคาบาเนะ ตกใจเล็กน้อย เขาไม่คิดเลยว่า ยามาโนะ จะพาคนมาหาเขามากขนาดนี้หลังจากยื่นข้อเสนอไป เขาไม่สามารถแบ่งผลประโยชน์ให้กับคนจำนวนมากเหล่านี้ได้
ยามาโนะ มองไปข้างหลังแล้วกล่าวแนะนำว่า "ชายคนนี้คือ โนดะ อิชิโระ เขาเป็นหัวหน้าแผนกการพิมพ์ และคนเหล่านี้เป็นคนงานของเขา"
“สวัสดี อาคาบาเนะคุง ฉันรู้สึกขอบคุณมากที่ให้โอกาสเรา แต่น่าเสียดายที่ข้อเสนอที่ให้มายังไม่ถูกใจเราและยังมีความเสี่ยง เราสามารถเจรจาอีกครั้งได้หรือไม่”
อิชิโระ ค่อนข้างระมัดระวังเกี่ยวกับกำไรและขาดทุนของเขา
เขาได้อ่านการ์ตูนและมองเห็นกำไรที่จะได้จากมัน ไม่อย่างนั้นเขาคงจะไม่ถ่อมาถึงที่นี่อย่างตื่นเต้นขนาดนั้น และคนงานที่อยู่ด้านหลังของเขาก็รู้ถึงคุณค่าของหนังสือเล่มนี้เช่นกัน
“เราคงต้องเปิดการเจรจาใหม่ เผื่อว่าในอนาคตจะได้มีปัญหาน้อยลง”
อาคาบาเนะ ครุ่นคิดอยู่ภายในใจ
………………………
หลังจากเจรจากันได้สักพัก ทั้ง 2 ฝ่ายก็บรรลุข้อตกลงของการร่วมมือ
อิชิโระ ต้องการเงินเดือนที่มั่นคงและผลกำไรจากการขายการ์ตูน
“ถ้างั้นก็ตกลงตามนี้ ผมจะจ่ายเงินเดือนให้กับพวกคุณและแบ่งปันผลกำไร ตัวเลขเฉพาะเจาะจงค่อยพูดคุยรายละเอียดกันในภายหลัง” อาคาบาเนะ พูดสรุปข้อตกลง
“ดีมาก ขอบคุณสำหรับความเอื้ออาทร”
อิชิโระ ยังคงโค้งคำนับ เขาดูตื่นเต้นมาก
ในเวลาเดียวกัน คนงานก็ส่งเสียเฮลั่น!
“เยี่ยม นี่จะเป็นธุรกิจที่มีพวกเราเป็นหุ้นส่วน!”
“หลังจากนี้เราจะสามารถหาซื้อเสื้อผ้าใหม่ๆให้ลูกของเราได้”
“ฉันไม่รู้จะพูดยังไง ขอบคุณมาก อาคาบาเนะคุง ! ขอบคุณมากจริงๆ!"
แม้ว่า อาคาบาเนะ ยังเด็ก แต่เขาได้รับความเคารพจากคนงานและ อิชิโระ แล้วในตอนนี้
อาคาบาเนะ รู้สึกดีขึ้นมากเมื่อรู้ว่าข้อตกลงนี้ของเขาจะสามารถช่วยเหลือคนอื่น ซึ่งเขาไม่เคยคิดมาก่อน อาคาบาเนะ พอใจ แต่ก็แปลกใจเล็กน้อย
จากปฏิกิริยาของพวกเขา ดูเหมือนว่าฝ่ายการพิมพ์นั้นกำลังยากลำบากและกำลังหมดหวังกับงานที่ทำในขณะนี้ ข้อตกลงนี้สามารถช่วยพวกเขาได้มากกว่าที่ อาคาบาเนะ คิด มันเป็นวิธีแก้ปัญหาแบบ วิน-วิน ทั้ง 2 ฝ่าย
และหลังจากนี้ก็จะมีอีกหลายสิ่งที่ต้องทำ!