ตอนที่ 22 ภาพวาดของ จิไรยะ
ซึนาเดะ เงียบและดูเหมือนว่าเธอจะอารมณ์เสียเล็กน้อย
อาคาบาเนะ สังเกตุเห็นความผิดปกติเขาจึงหันกลับไปมองเธอแล้วถามขึ้นว่า
“มีอะไร ประหลาดใจกับความสามารถในการจัดการด้านธุรกิจของฉันเหรอ?”
“เหอะ!”
ซึนาเดะ แค่นเสียงแล้วถอนหายใจเบาๆ
วิธีที่ อาคาบาเนะ จัดการสิ่งต่างๆ ก่อนหน้านี้มันเหมือนกับที่คุณปู่และพ่อของเธอทำ
เธอถูกรบกวนด้วยความคิดบางอย่างและจู่ๆ ก็ถามขึ้นว่า “อาคาบาเนะ นายเคยฝันที่จะเป็นโฮคาเงะบ้างไหม?”
“โฮคาเงะ? ฉันไม่เคยคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ฉันรู้ว่าการเป็นโฮคาเงะเป็นงานที่เหนื่อยมาก โดยเฉพาะคนที่อ่อนแออย่างฉัน ทั้งหมดที่ฉันต้องการคือชีวิตที่สงบสุขไม่มีสงครามพร้อมกับขายการ์ตูนแล้วนับเงินไปวันๆ”
อาคาบาเนะ ไม่รู้ว่าจะอธิบายอย่างไร ความฝันของเขาไม่เหมือนความฝันของเด็กๆ
“ฮ่าฮ่าฮ่า สมกับเป็นนาย ฉันละชอบสิ่งที่นายพูดจริงๆเลย”
เสียงหัวเราะที่อ่อนโยนและร่าเริงดังก้องไปทั่วทั้งป่า
อาคาบาเนะ รู้สึกหน้าชาเล็กน้อย
ในเวลานี้ น้องชายของ ซึนาเดะ ยังไม่เกิด และเธอไม่รู้ถึงโศกนาฏกรรมที่เธอต้องเผชิญ แต่ อาคาบาเนะ รู้ดี เขาทำได้แค่สนุกกับเสียงหัวเราะของเธอในตอนนี้เท่านั้น
“เราจะไปที่ไหนต่อกันดี”
ซึนาเดะ กลับมาอารมณ์ดีแล้วเอ่ยถามขึ้น
“วันนี้พอแค่นี้ก่อน 2 วันที่ผ่านมานี้ฉันไม่ได้พักผ่อนเลย และยังต้องวาดโปสเตอร์แทนอันเก่าที่เธอเพิ่งเอาไปจากฉันอีก...”
อาคาบาเนะ ปฏิเสธด้วยท่าทางหงุดหงิด
เมื่อพวกเขาจากไป โรงงานก็เริ่มพิมพ์หนังสือการ์ตูนของเขา
อาคาบาเนะ คิดว่าเมื่อเขากลับไปถึงบ้าน เขาก็จะร่างแบบตกแต่งภายในร้านและเริ่มเตรียมการเปิดร้าน
“นี่นายเป็นใครกันแน่? รีบคาย อาคาบาเนะ เจ้าคนขี้เกียจคนนั้นออกมาเดี๋ยวนี้'
เธอพูดด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน
“เห้อ ชีวิต……….”
อาคาบาเนะ ถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้
ร้านการ์ตูนของเขาจะไม่ขายแค่หนังสือการ์ตูนเท่านั้น แต่ยังต้องขายโปสเตอร์และโฆษณาต่างๆ ด้วย ดังนั้นเขาจึงต้องทำงานให้หนักขึ้นกว่าเดิม
เขาโชคดีที่ได้เกิดใหม่อีกครั้งในโลกนารูโตะ โอกาสครั้งเดียวนี้จะต้องไม่สูญเปล่า
“ก็ได้ ในเมื่อนายเหนื่อยแล้ว ถ้างั้นเราก็กลับบ้านของนายกันและให้ร่างแยกเงาของนายช่วยนายวาดการ์ตูน”
“อืม.. เธอเป็นคนฉลาด — เดี๋ยวก่อน! เราเหรอ?”
ซึนาเดะ พยายามยิ้มให้น่ารักที่สุดในขณะที่มองดูท่าทางหงุดหงิดของ อาคาบาเนะ
อาคาบาเนะ สูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วพูดว่า “ก็ได้ ก็ได้ แต่อย่ารบกวนฉัน”
อาคาบาเนะ มีภูมิคุ้มกันต่อเสน่ห์ของ ซึนาเดะ มากขึ้น อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้ตั้งใจที่จะพักผ่อนอยู่แล้วเพราะมีหลายสิ่งที่ต้องทำ
ทั้ง 2 พากันเดินอย่างช้าๆ ไปที่บ้านของ อาคาบาเนะ
………………….
ทันทีที่พวกเขากลับมาถึงบ้าน อาคาบาเนะ ก็หยิบอุปกรณ์วาดภาพของเขาและรีบออกมาข้างนอกอีกครั้ง
อาคาบาเนะ วางแผนที่จะวาดการ์ตูนในป่าใกล้บ้านของเขา ถ้าไม่ใช่เพราะ ซึนาเดะ เขาจะไม่เข้าป่าเลย เหตุผลก็คือ ซึนาเดะยังคงรู้สึกอับอายจากการมาเยี่ยมของเขาเมื่อครั้งก่อน
หลังจากที่พวกเขาเข้าไปในป่าใกล้บ้าน อาคาบาเนะ ก็ผสานอินเรียกร่างแยกเงาออกมา จากนั้นทั้งคู่ก็เริ่มวาดการ์ตูนทันที
เขาวาดโปสเตอร์ขนาดใหญ่ แต่ไม่ใช่ตัวละครจากการ์ตูนเรื่องนารูโตะทั้งหมด เขาวาดการ์ตูนเรื่องอื่นๆ เช่น วันพีช, บลีช และเรื่องอื่นๆ ที่เขาจำได้
ซึนาเดะ มองดูเขาวาดรูปในตอนแรก แต่เมื่อเห็นว่าเขาวาดรูปอย่างอย่างจริงจัง เธอจึงตัดสินใจฝึกอยู่บนทุ่งหญ้าให้ห่างจากเขาเล็กน้อย
อาคาบาเนะ ใช้เวลาทั้งเช้าในการวาด
อย่างไรก็ตาม โปสเตอร์ขนาดใหญ่ของเขาใช้เวลานานกว่าจะเสร็จ เมื่อถึงเวลารับประทานอาหารกลางวัน แม่ของเขาก็จะส่งอาคารมาให้ ตั้งแต่เช้าจนถึงตอนเที่ยง อาคาบาเนะ วาดโปสเตอร์ได้เพียง 2 แผ่นเท่านั้น
ส่วน ซึนาเดะ จนถึงเที่ยงก็ยังไม่กลับมา
ในช่วงบ่าย ทั้ง 2 ยังคงยุ่งกับกิจกรรมของตนเอง
จนกระทั่งค่ำ เขาสังเกตุเห็นร่างที่คุ้นเคย
บนเก้าอี้ริมถนน มี จิไรยะ ที่กำลังนั่งครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่ลึกๆ มันจะต้องเป็นเรื่องสำคัญแน่ๆ เพราะเขาดูค่อนข้างหดหู่
“เฮ้! จิไรยะ! นายมาทำอะไรที่นี่คนเดียว”
อาคาบาเนะ ตะโกนถามด้วยความสงสัย
ได้ยินเสียงที่เป็นมิตรของเขา จิไรยะ ก็ลุกขึ้นทันทีและพูดว่า “อาคาบาเนะ! นายอยู่ที่นี่เองเหรอ!”
จากนั้นเขาก็วิ่งไปหา อาคาบาเนะ อย่างตื่นเต้น
“นายกำลังตามหาฉันอยู่เหรอ?”
อาคาบาเนะ วางพู่กันแล้วหยุดวาด จากนั้นก็มอง จิไรยะ อย่างสงสัย
ต่อมาพบว่า จิไรยะ กำลังถือกระดาษยู่ยี่ 2 แผ่นอยู่ในมือ
“ฉัน… ฉันพยายามวาดการ์ตูน แต่ทำได้แค่ 2 รูปเท่านั้น รบกวนดูให้หน่อยได้มั้ย”
จิไรยะ แสดงภาพวาดของเขาให้ อาคาบาเนะ ดูด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความอับอาย
“นี่คือรูปวาดของนาย?”
อาคาบาเนะ พูดขึ้นว่า
“ดูเหมือนว่านายกำลังจะเดินตามเส้นทางของฉันเพื่อเป็นนักวาดการ์ตูน?”
จิไรยะ จะเป็นนักเขียนที่ยอดเยี่ยมในอนาคต แต่การสร้างสรรค์การ์ตูนที่ดีนั้นจำเป็นจะต้องมีเรื่องราวที่ดี
อาคาบาเนะ มองดูแล้วก็รู้สึกตกใจขึ้นมาทันที
เขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วค่อยๆ ดูต่อไป
“นายคิดยังไงกับมัน?”
จิไรยะ ถามอย่างสงสัย
“จิไรยะ นายให้ ซึนาเดะ ดูแล้วใช่ไหม?”
อาคาบาเนะ ถามอีกครั้ง
จิไรยะ ตอบอย่างมั่นใจ
“ใช่..”
เมื่อพูดถึง ซึนาเดะ จิไรยะ อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ
“เธอทุบตีนายใช่ไหม?”
“เอ่อ....ใช่”
“จิไรยะ เรื่องที่นายเล่าในนี้ดีจริงๆ มันทำให้อยากรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนี้ แต่ภาพวาดของนายนี่มัน…”
อาคาบาเนะ เลือกคำพูดอย่างระมัดระวังเพราะเขาไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไรดี
จิไรยะ ได้สร้างเรื่องราวสั้นๆในกระดาษ 2 หน้าปัญหาคือเขาวาดอะไรของเขา? มีเส้นยุ่งเหยิงอยู่ทุกที่และยากที่จะมองว่าเป็นการ์ตูน
ทักษะการวาดภาพของเขาเป็นเรื่องปกติในวัยของเขา
“นั่นไง! ฉันบอกแล้วว่าฝีมือการวาดภาพของฉันนั้นดีมาก เผลอๆอาจเทียบได้กับนาย แต่ ยัยซึนาเดะ ไม่ยอมรับงานศิลปะของฉันและไม่สามารถเข้าถึงงานศิลปะระดับสูงที่ฉันเนรมิตขึ้นมาได้”
จิไรยะ เก็บรูปวาดทั้ง 2 แผ่นกลับคืนจากนั้นก็หัวเราะอย่างบ้าคลั่งด้วยใบหน้าที่ภูมิใจ
เขาไม่ได้ฟังสิ่งที่ อาคาบาเนะ พูดเลยแม้แต่น้อย
“ฉันกำลังจะบอกว่า....”
อาคาบาเนะ กำลังจะอธิบายถึงข้อบกพร่องในรูปวาดของเขา แต่เมื่อเขาเงยหน้าขึ้น ก็พบว่า จิไรยะ วิ่งออกไปอย่างมีชัยไปหลาย 10 ก้าวแล้ว
อา.. ยังไงซะ เขาก็เป็นคนเขียน ‘หนังสืออะจึ๋ยสวรรค์รำไร’ ในตำนาน
อาคาบาเนะ พักอยู่ครู่หนึ่งแล้วถอนหายใจจากนั้นก็นั่งลงที่ทุ่งหญ้า
จิไรยะ ค่อนข้างเป็นนักเขียนที่มีพรสวรรค์ แต่มีหลายอย่างที่ต้องขัดเกลา
โชคดีที่วิชานินจาของเขาอย่างน้อยก็ค่อนข้างปกติ…
“ไม่สิ.. ตอนนี้วิชานินจาของ จิไรยะ ไม่ปกติอีกต่อไปแล้ว.....”
ไม่กี่วินาทีต่อมา อาคาบาเนะ อดไม่ได้ที่จะกุมขมับ
หนังสือการ์ตูนนารูโตะทำให้ จิไรยะ ได้สัมผัสกับ “คาถามหารัญจวน” ล่วงหน้าและเขาสามารถนำมันไปทำอะไรแผงๆได้
“โธ่เว้ย ฉันทำอะไรลงไป!”
“ขออภัยจริงๆ โฮคาเงะ รุ่นที่ 3 ภาระงานของคุณเพิ่มขึ้นอีกแล้ว”
อาคาบาเนะ ถอนหายใจพร้อมกับขอโทษ โฮคาเงะ รุ่นที่ 3 อยู่ในใจจากนั้นก็วาดรูปของเขาต่อ
ถ้าทักษะการวาดภาพของ จิไรยะ ไม่สามารถปรับปรุงได้ ก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าเขาต้องการศึกษาทักษะการวาดภาพและบรรลุถึงระดับในต้นฉบับจริงๆ โฮคาเงะ รุ่นที่ 3 จะต้องใส่ใจเขาให้มากกว่านี้ เพราะในเนื้อเรื่องต้นฉบับ จิไรยะ จะปล่อยหนังสือของเขาออกมาก่อนที่เขาจะกลายเป็น 3 เซียนในตำนาน
แต่ถ้า จิไรยะ มัวแต่หมกมุ่นอยู่กับหนังสือการ์ตูนของเขามากจนเกินไปและขี้เกียจตั้งแต่อายุยังน้อยโอกาสที่จะเป็น 1 ใน 3 เซียนในตำนานก็เท่ากับศูนย์
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เขารู้สึกว่าโอกาสที่จะเปลี่ยน จิไรยะ โดย โฮคาเงะ รุ่นที่ 3 นั้นคงเป็นเรื่องยาก ดังนั้นในตอนนี้เขาคงทำได้เพียงภาวนาให้ จิไรยะ เข้าไปในภูเขาเมียวโบคุตามหนังสือต้นฉบับ
บางทีการได้อยู่กับเซียนกบในช่วงระยะเวลาหนึ่งอาจเปลี่ยนต้นไม้พรสวรรค์โดยกำเนิดของเขาได้
เพราะถ้าหากไม่เป็นไปตามนี้"ลูกศิษย์แห่งคำทำนาย"ที่เซียนกบใหญ่ได้ทำนายเอาไว้ในหนังสือต้นฉบับคงจะมีการเปลี่ยนแปลง!