px

เรื่อง : ระบบการ์ตูนในโลกนารูโตะ
ตอนที่ 32 บทเรียนที่จะเรียนรู้


ตอนที่ 32 บทเรียนที่จะเรียนรู้



“ความเข้าใจของ อาคาบาเนะ เกี่ยวกับภาพลวงตานั้นเกินจินตนาการของฉัน”

 

ในห้องทำงานของโฮคาเงะ ฮิรุเซ็น ดูการทดสอบผ่านลูกแก้วเวทย์มนต์ของเขา ขณะที่ถือไปป์อยู่ในมือ

 

ในตอนแรกเขามีความมั่นใจเพียงพอกับทักษะของทีมเขา แม้ว่าเขาจะรู้ว่า จิไรยะ ถูกจับได้ แต่ โอโรจิมารุ และ ซึนาเดะ ต้องมีวิธีโต้กลับ

 

แต่ด้วยสถานการณ์ ณ ปัจจุบันนี้ ดูเหมือนจะเป็นไปไม่ได้สำหรับพวกเขาที่จะพลิกกลับสถานการณ์

 

“ภาพลวงตาก็คือการหลอกลวง เขาใช้ภาพลวงตาร่วมกับร่างแยกเงาทำการหลอกล่อคู่ต่อสู้ และใช้ขีดจำกัดทางสายเลือดในเวลาเดียวกัน อืม....ทำได้ไม่เลว…...”

 

ดันโซ แสดงความชื่นชมเล็กน้อยบนใบหน้าของเขา จากนั้นเขาก็ถอนหายใจเบา ๆ “แต่น่าเสียดาย...”

 

“บางทีหลังจากได้รับประสบการณ์เพิ่มขึ้นเขาอาจจะเปลี่ยนไป”

 

ฮิรุเซ็น พูดเบาๆ

 

ในมุมมองของพวกเขา ความเกียจคร้านของ อาคาบาเนะ เป็นศัตรูตัวฉกาจที่สุดของเขา

 

ในเวลานี้ สถานการณ์การต่อสู้ที่พวกเขาเห็นในลูกแก้วเวทย์มนต์ได้เปลี่ยนไปอีกครั้ง และในที่สุด โอโรจิมารุ ที่หลบซ่อนตัวอยู่ก็เริ่มเคลื่อนไหว แต่เขาได้เผชิญหน้ากับศัตรูคนใหม่

 

…………………

 

มุราซากิ!

 

“ร่างจริง ร่างแยกเงาหรือภาพลวงตา”

 

โอโรจิมารุ ครุ่นคิดอยู่ภายในใจแต่เขาไม่มีเวลาคิดมากและต้องตอบสนองด้วยสัญชาตญาณของเขา

 

มุราซากิ พุ่งเข้าหาเขาอย่างรวดเร็ว

 

ตามสัญชาตญาณของเขา เขาขว้างดาวกระจายออกไป แต่เมื่อดาวกระจายถูกร่างของ มุราซากิ มันก็ระเบิดเป็นควันทันที

 

“ร่างแยกเงา!”

 

โอโรจิมารุ ลุกขึ้นและต้องการหลบหนีไปยังจุดที่ดีกว่า แต่ มุราซากิ อีกคนก็ปรากฏตัวขึ้นเพื่อหยุดการเคลื่อนไหวของเขา

 

ร่างแยกเงาอีกแล้วเหรอ?

 

เขาพยายามสังเกตุอันไหนเป็นของจริงและอันไหนไม่ใช่ โดยไม่มีที่ว่างให้พักเลยแม้แต่น้อย

 

“คาถาลม: กระแสวายุ!”

 

ลมแรงพุ่งออกจากปากของเขา

 

อย่างไรก็ตาม มุราซากิ ที่เขาคิดว่าเป็นร่างแยกเงาก็กระโดดขึ้นไปบนกิ่งไม้และเตรียมผสานอิน

 

“บัดซบ.. ร่างจริง?”

 

โอโรจิมารุ ตื่นตระหนก ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างอยู่ใต้เท้าของเขา

 

“คาถาดิน: สละชีพบั่นศีรษะ!”

 

อยู่ใต้ดิน!?

 

“ไม่น่าแปลกใจที่ อาคาบาเนะ สามารถติดตามฉันอย่างใกล้ชิดกลายเป็นว่าเขาอยู่ใต้พื้นดิน”

 

“คาถาสลับร่าง…..”

 

ก่อนที่ โอโรจิมารุ จะทันได้ใช้คาถาสลับร่าง เขาถูกลากลงไปใต้พื้นดิน เหลือเพียงศีรษะของเขาโผล่ไว้บนดิน

 

ปุ้ง!

 

“มันเป็นร่างแยกเงามาโดยตลอด!? อา… ฉันแพ้แล้ว..”

 

ร่างเดียวที่เขาคิดว่าเป็น มุราซากิ นั้นแท้จริงแล้วเป็นเพียงร่างแยกเงาที่แปลงร่างเป็น มุราซากิ และการที่หลบหลีกคาถานินจาของเขาก็เพื่อทำให้เขาเชื่อว่านั่นคือร่างจริง แต่แท้จริงแล้วคู่ต่อสู้ของเขามีเพียงคนเดียวเสมอมานั่นคือ อาคาบาเนะ ที่ซุ่มซ่อนอยู่ใต้ดิน

 

“ขอโทษนะที่ทำรุนแรงเกินไป..”

 

อาคาบาเนะ โผล่ออกมาจากดินและมองไปทาง โอโรจิมารุ

 

โอโรจิมารุ ไม่เคยเรียนรู้คาถาดินเลย ดังนั้นเขาทำได้แค่เพียงติดแหงกอยู่ใต้ดินนี้

 

เขาเงยหน้าขึ้นราวกับว่าเขากำลังครุ่นคิดอยู่ลึกๆ แล้วถอนหายใจจากนั้นก็พูดว่า “การที่ฉันเลือกนายเป็นคู่ต่อสู้นั้นเป็นความผิดพลาด ถ้าฉันให้ความสำคัญกับการช่วย จิไรยะ ก่อน บางทีการทดสอบนี้เราจะไม่แพ้เสมอไป”

 

“นายดูถูกทีม 7 ของเราต่ำเกินไป แต่จักระของฉันเกือบจะหมดแล้ว ถ้านายสามารถอดทนต่ออีกสักหน่อย บางทีมันอาจจะเป็นฉันเองที่พ่ายแพ้”

 

อาคาบาเนะ ยิ้มอย่างแผ่วเบา

 

โอโรจิมารุ หลับตาลง มีอะไรให้เรียนรู้มากมายจากการต่อสู้ครั้งนี้

 

ในช่วงเวลาสั้นๆ นั้น อาคาบาเนะ ได้ใช้ร่างแยกเงา 2 ครั้ง ภาพลวงตา 2 ครั้ง ขีดจำกัดทางสายเลือด 2 ครั้ง คาถาดิน 1 ครั้ง คาถาหลอนจิต หลายครั้ง และจบด้วยคาถาดินอีก 1 ครั้ง จำนวนจักระที่ใช้นั้นเกินขอบเขตของเกะนินธรรมดาไปมาก

 

แน่นอนการที่เขาบอกว่าจักระเกือบหมดนั้นมันเป็นแค่เรื่องโกหก!

 

สำหรับ ซึนาเดะ เธอยอมแพ้ แม้ว่าโอกาสในการช่วยเหลือ จิไรยะ จะมี แต่ความแข็งแกร่งของเธอเพียงคนเดียวไม่สามารถผ่าน มุราซากิ และ ซาคุโมะ ได้อย่างง่ายดายท้ายที่สุดเธอก็จะหมดเรี่ยวแรง

 

“การพ่ายแพ้เป็นเรื่องปกติธรรมดาอย่าไปคิดมาก ก่อนที่ทุกคนจะมาถึงที่นี่ นายควรอยู่นิ่งๆ อย่าพยายามหลบหนีจะดีกว่า”

 

อาคาบาเนะ เหลือบมอง โอโรจิมารุ และเตือนเขา

 

แม้ว่าตอนนี้ โอโรจิมารุ จะยังเด็กมาก แต่ถ้าเขาประมาทมีโอกาสสูงที่ โอโรจิมารุ จะหนีไป

 

“อาคาบาเนะคุง นายเป็นคู่ต่อสู้ที่รับมือได้ยาก แต่ก็โชคดีที่เรามาจากหมู่บ้านเดียวกัน

 

โอโรจิมารุ ถอนหายใจเบาๆ

 

“นายเองก็เช่นกัน....”

 

การได้รับการยกย่องจากคนที่จะเป็น 3 นินจาในตำนานทำให้ อาคาบาเนะ รู้สึกพึงพอใจ แต่มันก็เท่านั้น

 

คำชมเชยไม่สมส่วนกับการทำงานหนักที่พวกเขาทำในวันนี้

 

“ให้ฉันออกไป ฉันจะไม่หลบหนี”

 

โอโรจิมารุ ขยับหัวและเอ่ยขึ้น “อยู่ในนี้ไม่สะดวก ฉันอ่านหนังสือไม่ได้”

 

“อืม… รอสักครู่”

 

อาคาบาเนะ ลุกขึ้นมองดูท้องฟ้าแล้วโบกมือจากนั้นก็พูดว่า “ครูฮิรุเซ็น คุณมองเราอยู่สินะ? ผมทำให้ โอโรจิมารุ ยอมรับความพ่ายแพ้ แล้วผมจะพาเขาออกจากพื้นดิน ตกลงไหม?”

 

หลังจากพูดจบ เขาก็พา โอโรจิมารุ ขึ้นมาจากใต้ดิน

 

โอโรจิมารุ มองเขาด้วยความประหลาดใจ แล้วถามว่า “ครูฮิรุเซ็น อยู่ที่นี่อย่างงั้นเหรอ?”

 

“ไม่ได้อยู่ที่นี่ แต่เขามองเห็นเรา”

 

อาคาบาเนะ นั่งลงและอธิบาย

 

“ผ่านลูกแก้วเวทย์มนต์? ฉันคิดว่ามันเป็นเพียงเรื่องราวที่นายแต่งขึ้นในการ์ตูน?”

 

โอโรจิมารุ เพิ่งเห็นลูกแก้วเวทย์มนต์จากการ์ตูนของ อาคาบาเนะ เท่านั้น เขาจึงคิดว่ามันไม่ใช่เรื่องจริง

 

จากนั้น โอโรจิมารุ ก็นั่งลงและเริ่มอ่านหนังสืออย่างจริงจัง

 

“ทำไมนายถึงอ่านหนังสือทุกวัน?”

 

อาคาบาเนะ รู้สึกสงสัยเล็กน้อย เขาเหลือบมองหนังสือของ โอโรจิมารุ แต่ โอโรจิมาริ ก็ปิดมันทันที ทำตาโตราวกับว่าเขาไม่ต้องการให้ อาคาบาเนะ เห็นชื่อและเนื้อหาภายในหนังสือ

 

“มันเป็นแค่ความรู้บางอย่างเกี่ยวกับคาถานินจาเท่านั้น”

 

ดวงตาของ โอโรจิมารุ สั่นเล็กน้อย แต่เสียงของเขายังคงสงบ

 

“ก็ได้..ก็ได้”

 

อาคาบาเนะ ไม่จำเป็นต้องขุดลึกลงไปอีก ท้ายที่สุดเขาก็แค่อยากรู้อยากเห็น

 

คนหนึ่งอ่านหนังสือ อีกคนหนึ่งกำลังพักผ่อน พวกเขารออย่างเงียบ ๆ 

 

ไม่รู้ว่าต้องใช้เวลานานแค่ไหน…

 

“โอโรจิมารุ อาคาบาเนะ มานี่สิ”

 

เสียงของ ฮิรุเซ็น กระจายไปทั่วทั้งป่า และการต่อสู้ครั้งสุดท้ายดูเหมือนจะจบลง

 

“ไปอีกแล้ว การเป็นนินจานี่เป็นอาชีพที่ลำบากจริงๆ”

 

หลังจากมีเวลาพักผ่อนเล็กน้อยในที่สุดเขาก็ถูกเรียกตัวอีกครั้ง

 

“ไปกันเถอะ....”

 

โอโรจิมารุ เก็บหนังสือและเดินไปยังจุดที่พวกเขานัดรวมตัวกันในครั้งแรก

 

อาคาบาเนะ เดินตามอยู่ด้านหลัง โอโรจิมารุ อย่างเงียบๆ

 

"ส่งมาให้ฉัน. ฉันยังไม่ได้กินข้าวเช้า… อ่า ยัยซึนาเดะ ยัยหน้าอกแบน!”

 

ก่อนที่พวกเขาจะมาถึง อาคาบาเนะ ก็ได้ยินเสียงของ จิไรยะ ดังมาจากระยะไกล

 

โอโรจิมารุ ออกจากป่าไปและเห็นว่า จิไรยะ ถูกมัดไว้กับเสาไม้ ขณะที่ ซึนาเดะ กำลังรับประทานอาหารกลางวันพร้อมกับแกล้ง จิไรยะ ไปด้วย

 

“โอโรจิมารุ นั่นของนาย”

 

ซึนาเดะ ชี้นิ้วไปที่กล่องอาหารกลางวันที่วางอยู่บนพื้น และข้างๆเธอ มี ฮิรุเซ็น และ ดันโซ กำลังรอพวกเขาอยู่

 

ฮิรุเซ็น ไม่พูดอะไร แต่ ดันโซ ยิ้มอย่างเย็นชาและพูดว่า “เธอคิดว่าเธอมีคุณสมบัติพอที่จะกินไหม”

 

“ผม...ผมไม่มีคุณสมบัติพอที่จะกิน...เอาให้ จิไรยะ เถอะครับ”

 

โอโรจิมารุ พูดด้วยความอับอาย

 

“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า โอโรจิมารุ ผู้แข็งแกร่ง ในที่สุดนายก็รู้ว่าท่านผู้นี้ดีกว่านาย”

 

จิไรยะ หัวเราะอย่างสะใจและดิ้นรนพยายามทำให้เชือกหลุด “เอาข้าวกล่องมาให้ฉันด้วย ฉันหิวมาก..”

 

“โอ้ ทำไมล่ะ ทำไมเธอถึงมอบกล่องข้าวให้กับ จิไรยะ?”

 

ฮิรุเซ็น ถามด้วยความสงสัย

 

โอโรจิมารุ คาดไม่ถึงว่า ฮิรุเซ็น จะตั้งคำถาม เพราะตามกฎแล้ว คนที่ถูกผูกติดอยู่กับเสาไม้จะถูกส่งกลับไปเรียนใหม่ที่โรงเรียน

 

กล่องอาหารกลางวันไม่เพียงแต่หมายถึงอาหารเท่านั้น แต่ยังเป็นโควต้าของการทดสอบด้วย ถ้าเขาล้มเหลวในการเป็นศิษย์ของโฮคาเงะ รุ่นที่ 3 ในปีนี้ เขาอาจจะไม่ใช่ศิษย์ของ โฮคาเงะรุ่นที่ 3 ในอนาคต

 

“อืม…”

 

โอโรจิมารุ เหลือบมอง จิไรยะ อย่างลังเลอีกครั้ง

 

“ผมขอพูดแทนเขา พูดง่ายๆ คือ เขาคิดว่า จิไรยะ โง่มากจนพอจะเข้าใจได้ แต่ตัวเขาที่แข็งแกร่งกว่าและฉลาดกว่า จิไรยะ แต่ก็ยังพ่ายแพ้ผมอย่างไม่ระมัดระวังจนไม่สามารถยกโทษให้ได้”

 

อาคาบาเนะ ขับไล่ความง่วงอธิบายแทน โอโรจิมารุ

 

"อะไร??"

 

จิไรยะ สับสนครู่หนึ่งและเหลือบมองไปที่ โอโรจิมารุ ใบหน้าของเขาเห็นด้วยกับคำพูดของ อาคาบาเนะ อย่างไม่ต้องสงสัย

 

“ถ้าอย่างนั้นฉันเองก็ไม่มีคุณสมบัติพอที่จะกินเหมือนกัน ยังไงฉันก็พ่ายแพ้และไม่สามารถกอบกู้สถานการณ์”

 

ซึนาเดะ ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง

 

“ภารกิจจบลงแล้ว ทีม 7 สามารถกลับไปฝึกฝนต่อได้”

 

ดันโซ หันหลังและจากไปอย่างเย็นชา

 

“นี่…ถ้างั้นพวกเราก็กลับกันเถอะ”

 

มุราซากิ เข้าใจว่านี่เป็นความสัมพันธ์ภายในของทีม 6 และไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับพวกเขา

 

อาคาบาเนะ มีความสุขมาก ในที่สุดก็เสร็จสิ้นภารกิจ และเขาจะได้กลับไปพักผ่อนเสียที

รีวิวผู้อ่าน