ตอนที่ 33 แต่ละคน
“นายเอาชนะ โอโรจิมารุ ได้อย่างไร? ฉันรู้สึกทึ่งมาก”
กลับมาที่หมู่บ้าน มุราซากิ อดไม่ได้ที่จะถามคำถามนี้
“ใช่ ฉันเองก็อยากรู้เหมือนกัน”
ซาคุโมะ เองก็อยากรู้เรื่องราวเช่นกัน
ทุกคนอยู่ในชั้นเรียนด้วยกันตั้งแต่ยังเด็ก และพวกเขาตระหนักได้ถึงความสามารถของ โอโรจิมารุ ได้เป็นอย่างดี
เป็นเวลาหลายปีที่เขาอยู่ในอันดับต้น ๆ ของวิชาต่างๆ แม้ว่าผลการเรียนไม่จำเป็นต้องเท่ากับความสามารถในการต่อสู้ แต่ในฐานะผู้ที่ได้รับเลือกให้เป็นศิษย์สายตรงของ โฮคาเงะ รุ่นที่ 3 ความสามารถในการต่อสู้ของเขาต้องสูงกว่าค่าเฉลี่ย
“เพียงเพราะฉันเป็นคนเกียจคร้านและคิดแต่เรื่องการวาดการ์ตูนเท่านั้น อีกทั้งร่างกายยังอ่อนแอมันก็เลยทำให้พวกนายสงสัย?”
อาคาบาเนะ ยิ้มเล็กน้อยแล้วเอามือทั้ง 2 ข้างผสานกันที่หัวแล้วเร่งเดินไปข้างหน้า
“เฮ้ อย่าเปลี่ยนคำถาม!”
มูราซากิ เร่งเดินตามแต่เขาก็พบว่า อาคาบาเนะ กำลังเดินเร็วขึ้นและเร็วขึ้น และในที่สุดก็หายไปจากสายตาทิ้งให้พวกเขาทั้ง 2 คนยืนมองหน้ากันอย่างงงๆ
“นี่เขาโกรธพวกเรารึเปล่า?”
มุราซากิ เอียงศีรษะพร้อมกับคาดเดา
“อ่า เขาคงขี้เกียจอธิบายให้เราฟังละมั้ง”
ซาคุโมะ ถอนหายใจและอิงตามความเข้าใจของเขาเกี่ยวกับนิสัยใจคอของ อาคาบาเนะ
ถ้าอยากรู้คำตอบคงได้แต่ถาม โอโรจิมารุ เท่านั้น
……………………...
“กลับมาเร็วจัง ภารกิจเสร็จแล้วเหรอ?”
เมื่อเห็น อาคาบาเนะ กลับมาเร็ว พ่อของเขาก็ถามด้วยความแปลกใจ
อาคาบาเนะ บอกพ่อของเขาว่า “ใช่ครับพ่อ ภารกิจเรียบร้อยดี..”
“ตระกูลของเราภูมิใจในตัวลูก ลูกได้กลายเป็นศิษย์สายตรงของ ดันโซ ในอนาคตลูกจะต้องเป็นนินจาที่ยิ่งใหญ่ได้อย่างแน่นอน”
จิอากิ อดไม่ได้ที่จะชื่นชมลูกชายของเขาอย่างมีความสุข
ดันโซ เป็นคนก่อตั้งและเป็นหัวหน้าของหน่วยราก ชื่อเสียงของเขาใน โคโนฮะ เป็นที่รู้จักกันดี
“ครับพ่อ..”
อาคาบาเนะ พยักหน้าเล็กน้อย
เป็นความฝันของพ่อแม่ทุกคนที่จะมีลูกชายเหมือน อาคาบาเนะ จิอากิ และ ซากิ เป็นเพียงครอบครัวธรรมดา การมี อาคาบาเนะ ถือว่าเป็นของขวัญที่ยิ่งใหญ่ที่สุดจากพระเจ้า
“ให้ลูกได้พักผ่อนเถอะที่รัก ปล่อยให้เขามีเวลากับตัวเอง”
แม่ของ อาคาบาเนะ พูดขึ้น
อาคาบาเนะ รู้สึกโชคดีที่มีครอบครัวที่อบอุ่นซึ่งดูแลเขาเป็นอย่างดี
นี่แหละชีวิต…
อาคาบาเนะ ถอนหายใจครู่หนึ่งและรู้สึกว่าต่อจากนี้ไปชีวิตการเป็นนินจาของเขาจะยากขึ้น
ถ้าเขาทำได้ เขาอยากอยู่อย่างสงบ แต่เนื่องจากตอนนี้เขาเป็นส่วนหนึ่งของทีม 7 ที่นำโดย ดันโซ เขากลัวว่าวันหนึ่งเขาจะถูกดึงเข้าหน่วยราก ดังนั้นเขาจะต้องแข็งแกร่งเพียงพอที่จะต่อต้านใครก็ตามที่คิดจะควบคุมเขา
“เฮ้อ ในที่สุดฉันก็ได้พักผ่อนเสียที”
นอนอยู่บนเตียง แม้แต่นิ้วเขาก็ยังไม่อยากขยับ
“แยกเงาพันร่าง!”
เขาเรียกคนงานที่ซื่อสัตย์ของเขาออกมา จากนั้นร่างแยกเงาก็เริ่มวาดการ์ตูนในขณะที่ อาคาบาเนะ นอนอยู่บนเตียงอย่างเกียจคร้าน
ฉันจะไปฟ้องสิทธิมนุษยชนที่ไหนได้บ้าง!
ร่างแยกเงาถอนหายใจจากก้นบึ้งของหัวใจขณะเหลือบมอง อาคาบาเนะ
“อย่ามองแบบนั้น ฉันเพิ่งมีเวลาพักผ่อนหลังจากผ่านไป 2 วันเต็มๆ โอเค!”
อาคาบาเนะ ลุกขึ้นนั่งไขว่ห้างอย่างไม่เต็มใจและเริ่มสร้างจักระของเขาใหม่
เพียงไม่นาน อาคาบาเนะ ได้ฟื้นฟูสระจักระได้ครึ่งหนึ่งเขาก็ล้มตัวลงนอนบนเตียงอีกครั้ง
ทันใดนั้นก็มีเสียงเคาะหน้าต่างดังขึ้น
ตุ๊ก ตุ๊ก ตุ๊ก!
“ใคร..?”
“เฮ้ ฉันเอง..”
จิไรยะ!?
อาคาบาเนะ ได้ยินเสียงและแยกแยะตัวตนของบุคคลนั้นได้ เขาจึงลุกขึ้นไปเปิดหน้าต่าง
“โอเค โอเค รอสักครู่...”
เมื่อเปิดหน้าต่าง ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงแปลก ๆ ตามมา…..
“เอ๊ะ เดี๋ยวก่อน ว๊ากกก!”
ตุ๊บ!
ด้วยเสียง อาคาบาเนะ โผล่หน้าออกไปนอกหน้าต่างและมองลงไปก็เห็น จิไรยะ นอนอยู่บนพื้นโดยไม่ขยับเขยื้อนไปไหน
ผ่านไปหลายวินาที จิไรยะ ก็ตัวสั่นด้วยความเจ็บปวด และในที่สุดก็ปีนขึ้นมาอีกครั้ง
“ทำไมไม่เข้ามาทางประตูหน้าบ้าน ทำไมต้องมาทางหน้าต่าง?”
อาคาบาเนะ ทำอะไรไม่ถูก
“อูย..นี่คือวิถีของนินจา..”
จิไรยะ พูดขึ้นขณะนวดหลัง
“ว่าแต่..นายมาที่นี่ทำไม?”
อาคาบาเนะ สามารถเดาความตั้งใจของ จิไรยะ ได้ จริงๆแล้วเขาแค่อยากให้ อาคาบาเนะ สอนเขาให้ใช้คาถานินจาให้ดียิ่งขึ้น
จิไรยะ ไม่ค่อยมีเพื่อนเขาจึงมาขอร้อง อาคาบาเนะ แบบนี้
เขาเหลือบมองร่างแยกเงาของ อาคาบาเนะ ซึ่งกำลังยุ่งอยู่กับการวาดภาพแล้วถามว่า “นายมีความเข้าใจเกี่ยวกับร่างแยกเงาเป็นอย่างดี อาคาบาเนะ นายช่วยสอนเทคนิคบางอย่างให้ฉันได้ไหม?”
“ถ้า ครูฮิรุเซ็น คิดว่านายสามารถเรียนรู้ได้ เขาก็จะสอนนายอย่างแน่นอน”
อาคาบาเนะ ปฏิเสธอย่างสุภาพ
“หืม ฉันมีค่าพอที่ ครูฮิรุเซ็น จะสั่งสอนอยู่เหรอ?”
จิไรยะ กำลังนั่งไขว่ห้างอยู่บนพื้นด้วยท่าทีหดหู่ใจ
ผลการทดสอบในวันนี้ทำให้เขารู้สึกแย่จนทำให้คนที่มองโลกในแง่ดีและไร้กังวลอย่าง จิไรยะ รู้สึกหดหู่
อาคาบาเนะ เลือกคำพูดไม่เก่ง แต่เมื่อเห็นสีหน้าของ จิไรยะ เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากพูดกระตุ้นเพื่อนของเขา
แต่พูดตามความจริง….เขาไม่รู้จะพูดกระตุ้นยังไง
ในอนาคต จิไรยะ จะไปที่ภูเขาเมียวโบคุและค้นพบพรสวรรค์ของเขาในการเป็นเซียน แต่ไม่ว่าจะมองอย่างไรในตอนนี้ เขาเป็นเพียงแค่เด็กซนที่ชอบแอบดูสาวๆอาบน้ำในโรงอาบน้ำและไม่คู่ควรที่จะเป็นศิษย์สายตรงของ โฮคาเงะ รุ่นที่ 3 ด้วยซ้ำ
ถ้าวันนี้ อาคาบาเนะ พ่ายแพ้ให้กับ 3 เซียนในตำนานในอนาคตเขาจะไม่หงุดหงิดมากนัก แต่ จิไรยะ ซึนาเดะ โอโรจิมารุ ทั้ง 3 คนกลับพ่ายแพ้ต่อทีมของเขาซึ่งค่อนข้างรุนแรงมากต่ออารมณ์ความรู้สึก
หลังจากคิดดูแล้ว อาคาบาเนะ ก็พูดว่า: “จิไรยะ โอโรจิมารุ เป็นอัจฉริยะ แต่นายเป็นคนที่ได้รับความสนใจจาก ครูฮิรุเซ็น แน่นอนว่านายจะต้องมีข้อดีของตัวเอง”
“โอ้ จริงเหรอ อาคาบาเนะ!?”
"อัจฉริยะมี 2 ประเภท คนหนึ่งเกิดมาพร้อมกับความเป็นอัจฉริยะ และ อีกคนหนึ่งได้มาจากการฝึกฝนที่หนักหน่วงโดยไม่ย่อท้อ"
อาคาบาเนะ พูดอธิบาย
จิไรยะ พยักหน้าเชื่อคำพูดของ อาคาบาเนะ อย่างง่ายดายจากนั้นก็พูดว่า “นายหมายถึง ฉันจะกลายเป็นอัจฉริยะถ้าฉันฝึกฝนให้หนักขึ้นในวันพรุ่งนี้”
“เอ่อ.…”
อาคาบาเนะ ไม่รู้จะตอบอย่างไรดี และตอนนี้ จิไรยะ ก็ตื่นเต้นเป็นอย่างมาก
ร่างแยกเงาของ อาคาบาเนะ ได้ช่วยพูดว่า"อย่าได้เข้าใจความหมายผิด จิไรยะ นายจะต้องฝึกฝนให้หนักขึ้นกว่าทุกๆคนทุกๆวันเพื่อเป็นนินจาที่แข็งแกร่ง"
“อ่า เข้าใจแล้ว… นายกำลังพูดถึงเรื่องความขยันขันแข็งเป็นสิ่งสำคัญ ใช่ไหม!?”
“อืม ใช่.. อะไรทำนองนั้น.. ถ้านายทำอย่างนั้นสักวันนายจะไปถึงระดับของ โอโรจิมารุ และ ซึนาเดะ ได้”
เมื่อเห็นว่าความมั่นใจของ จิไรยะ กลับคืนมาอีกครั้ง อาคาบาเนะ และร่างแยกเงาก็ยิ้มที่มุมปากและพยักหน้าให้กัน
“ขอบคุณนะ อาคาบาเนะ!”
“อืม… ไม่เป็นไร.. ฉันจะวาดการ์ตูนต่อ นายกลับไปได้แล้ว”
จิไรยะ ออกไปนอกหน้าต่างอย่างตื่นเต้นแต่ทันใดนั้น...
“ว๊ากกกก!”
ตุบ!
“โอ๊ยย เจ็บๆๆ”
จิไรยะ ตกลงไปที่พื้นด้านล่างอีกครั้ง
เห้อ..…
อาคาบาเนะ ถอนหายใจเบา ๆ
ไม่นานหลังจากที่เขาคิดว่าเขาสามารถพักผ่อนได้ก็มีเสียงกรอบแกรบจากหน้าต่างดังขึ้นอีกครั้ง
“ใครอีกล่ะ....”
คราวนี้มือขาวกับผมยาวสีดำปรากฏขึ้น
วินาทีถัดมา โอโรจิมารุ ก็กระโดดเข้ามาในห้องอย่างสบายๆ เขาเก่งกว่า จิไรยะ อย่างไม่ต้องสงสัย
“ฉันควรจะตอกตะปูลงไปที่หน้าต่างปิดตายไปเลยดีไหม…..”
อาคาบาเนะ ทำอะไรไม่ถูกและหงุดหงิดเล็กน้อย
ประตูทางเข้าจะมีประโยชน์อะไรหากนินจาคิดว่าพวกเขาสามารถเข้าทางหน้าต่างของบ้านใครก็ได้!
เมื่อได้ยินดังนั้น โอโรจิมารุ ก็พูดไม่ออกหลังจากเงียบไปนานเขาก็พูดขึ้นว่า “จิไรยะ บอกว่านายจะคุยกับเขาเฉพาะเมื่อเขาเข้าทางหน้าต่างเท่านั้น?”
“ทำไมนายถึงเชื่อคำพูดที่มาจาก จิไรยะ?”
“นายคือ โอโรจิมารุ จริงๆใช่ไหมเนี่ย?”
อาคาบาเนะ ตกใจกับความจริงที่ว่า โอโรจิมารุ เชื่อคำพูดของ จิไรยะ
คราวนี้ โอโรจิมารุ ไม่ลังเลที่จะพูดตรงๆ ว่า “ฉันได้วิเคราะห์จากนิสัยใจคอของนาย และอาจเป็นความจริงที่นายจะเพิกเฉยต่อฉัน ถ้าฉันเข้าทางหน้าประตู”
"อนิจจา!"
“ฮ่าๆๆๆ...”
ร่างแยกเงาของ อาคาบาเนะ อดไม่ได้ที่จะหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง และห้องก็เต็มไปด้วยอารมณ์ร่าเริง