ตอนที่ 50 ภูเขาเมียวโบคุ
คาซามะ กลับมาหลังจากโปรโมทร้านการ์ตูนไปรอบๆ หมู่บ้าน และเห็นว่าการ์ตูนถูกขายไปครึ่งหนึ่งแล้ว เขาก็ยิ้มอย่างมีความสุขแล้วเดินไปหา อาคาบาเนะ ที่เกวียน
แม้ว่าเด็กๆ จะยังไม่ได้จ่ายค่าการ์ตูน เขาก็จะไม่กังวลเรื่องนั้น
ในเวลานี้ไม่มีใครกล้าออกจากหมู่บ้าน และรอบๆหมู่บ้านน้ำวน ค่อนข้างเปลี่ยว ดังนั้นผู้ปกครองของพวกเด็กๆจะมาจ่ายเงินให้ทีหลัง
แม้ว่า คาซามะ จะขึ้นค่าหนังสือจาก 100 เป็น 120 เรียวเพราะมันถูกส่งมาไกลจากโคโนฮะ มันก็ไม่แพงเกินไป ดังนั้นเขาจึงยังสามารถทำกำไรจากมันได้
“ด้วยการทำงานที่หนักทั้งการป่าวประกาศไปทั่วทั้งหมู่บ้านทั้งขนของอย่างน้อยเธอควรให้ค่าคอมมิชชั่นแก่ฉันสักเล็กน้อย...…”
เมื่อได้ยินดังนั้น อาคาบาเนะ ก็กระซิบว่า “หลังจากที่ผมวาดรูปเด็กเหล่านั้นมากมาย คุณรู้ไหมว่าผมเหนื่อยแค่ไหน”
“เอ่อ...เรื่องนี้ ฉันทราบดีอยู่แล้ว”
คาซามะ ยิ้มแต่บ่นในใจ
เหนื่อยกับการวาดรูป?
งานทั้งหมดทำโดยร่างแยกเงาของนายเองไม่ใช่เหรอ?
เขาแอบอิจฉาที่นินจามีวิธีที่สะดวกสบายแบบนี้ ถ้าเขารู้วิธีใช้คาถานินจาเช่นร่างแยกเงา เขาไม่จำเป็นต้องทำงานเอง
“ยังไงก็ตาม ท่านฮิรุเซ็น มีเรื่องจะพูดกับเธอ หากเธอมีเวลาก็ไปหาเขาหน่อย”
“ก็ได้ ผมจะไปหาเขา...”
อืม ฉันสงสัยว่าคราวนี้จะมีอะไรอีก?
ถ้าเป็นเรื่องเร่งด่วน ฉันคงต้องรีบไป แต่เนื่องจากมันดูเหมือนเรื่องเล็กน้อย ก็ไม่จำเป็นต้องรีบร้อน!
ร่างแยกเงาของ อาคาบาเนะ ยังคงวาดรูปอยู่
ยังมีเด็กอีก 6-10 กว่าคนขึ้นไปรอรับรูปเหมือนของพวกเขา ฉันเกรงว่าจะใช้เวลานานกว่าจะเสร็จสิ้น
“น่าเสียดาย นินจาแพทย์ยังมีไม่มากนัก”
อาคาบาเนะ ถอนหายใจลึก ๆ ในใจของเขา
เด็กเหล่านี้เป็นสมาชิกของตระกูลอุซึมากิ ไม่ว่าเลือดของใครเมื่อถูกนำมามันก็จะสามารถยืนยันการคาดเดาของเขาได้
อย่างไรก็ตาม…
หากไม่มีนินจาแพทย์ ถ้าเขากล้าที่จะลงมือต่อพวกเด็กๆเหล่านี้ ผู้อาวุโสของตระกูลจะออกมาในไม่กี่วินาที
“เราจะก้าวไปอย่างช้าๆ แล้วค่อย.…”
ตามสถานการณ์ ถ้าโคโนฮะเข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องของหมู่บ้านน้ำวน หมู่บ้านอื่นๆที่เหลือก็จะดำเนินการด้วย
ในเวลานี้ เลือดของตระกูลอุซึมากิ นั้นหาได้ไม่ยาก และในขณะเดียวกัน เขาก็แอบคิดหาวิธีให้พวกอุซึมากิสนใจเขาให้มากที่สุด
“ร่างแยกเงาและภาพลวงตาอาจอำพรางตัวตนในขณะดำเนินการได้”
อาคาบาเนะ คิดในใจ
การอยู่ในโคโนฮะนั้นสงบสุข แต่เขาก็จะถูกผูกมัดตามกฎของโคโนฮะด้วย เขาต้องการหลุดพ้นจากมัน
ร่างแยกเงา และ ภาพลวงตานั้นเป็นทางเลือกที่ดีที่จะแอบเอาเลือดของคนตระกูลอุซึมากิ แต่ก็ยังมีปัญหาอยู่
เขามีจักระไม่เพียงพอ…
นี่หมายความว่าเขาต้องได้รับ "ร่างกึ่งอมตะ" ก่อน
และด้วยเหตุนี้ เขาจึงพับเรื่อง เนตรวงแหวน เอาไว้ทีหลัง
อาคาบาเนะ กำลังนอนครุ่นคิดอยู่บนเกวียน รู้สึกง่วงเล็กน้อย และกำลังจะผล็อยหลับไป แต่ทันใดนั้น…
“พี่อาคาบาเนะ มีคน 3 คนกำลังมาที่นี่.. ไม่สิ 2 คน และอีกคนหนึ่งเป็นร่างแยกเงา”
สึกิฮะ ที่นั่งอ่านการ์ตูนอยู่ข้างๆเขาได้โน้มตัวเข้ามาใกล้ใบหน้าของ อาคาบาเนะ และกระซิบเบาๆ
มีคนมา?
เขาแปลกใจเล็กน้อย แม้ว่าเขาจะพัฒนาจักระและการรับรู้ของเขาอย่างต่อเนื่อง แต่เขาก็ไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย ในขณะที่ สึกิฮะ ไม่เพียงแต่ได้ยิน แต่ยังรู้ว่ามีกี่คนและแยกแยะร่างแยกเงาจากที่นั่นได้อีกด้วย!
การมีเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ที่มีการรับรู้ที่น่าทึ่งอย่างเธอ มันสุดยอดเกินไปหรือเปล่า?
เมื่อความสามารถนี้ถูกนำเข้าสู่สนามรบ ศัตรูจะปราศจากความลับโดยสิ้นเชิง และการต่อสู้ก็จะง่ายขึ้น!
อาคาบาเนะ พูดอย่างเคร่งขรึมด้วยเสียงต่ำว่า: “สึกิฮะ เธอต้องไม่บอกใครเกี่ยวกับความสามารถของเธอ…เธอเข้าใจไหม”
“เอ่อ ค่ะ.. ขอโทษค่ะ พี่อาคาบาเนะ…”
เธอพยักหน้าแต่ก็ยังงุนงง
ในเวลานี้ ในที่สุด อาคาบาเนะ ก็ได้ยินเสียงเดินของคน 3 คนที่กำลังเดินเข้ามาหาเขา
ไม่นานหลังจากนั้น โอโรจิมารุ ซึนาเดะ และร่างแยกเงาของ ฮิรุเซ็น ก็ปรากฏตัวขึ้น
“จิไรยะ หายไปไหน”
อาคาบาเนะ ถามด้วยความแปลกใจ
“เอ่อ จิไรยะ เขาหายไป…”
ซึนาเดะ มีสีหน้าเศร้าและโทษตัวเอง “ถ้าฉันสามารถช่วยเขาได้ในตอนนั้น…”
“ซึนาเดะ นี่ไม่ใช่ความผิดของเธอคนเดียว”
ร่างแยกเงาของ ฮิรุเซ็น ส่ายหน้าด้วยท่าทางที่ซับซ้อน
“แล้วมันเกิดอะไรขึ้น?”
อาคาบาเนะ พอจะคาดเดาได้อย่างคลุมเครือ แต่เขาก็ยังต้องการทราบรายละเอียด
“จิไรยะ ใช้คาถาอัญเชิญ และทันใดนั้นเขาก็หายตัวไป “
เสียงของ โอโรจิมารุ เบากว่าปกติ และดูค่อนข้างหงุดหงิด
“ปัญหาคือ ฉันไม่ได้สอนวิชาอัญเชิญให้เขา”
ร่างแยกเงาของ ฮิรุเซ็น เอ่ยขึ้นพร้อมกับถอนหายใจเบาๆ
พ่อแม่ของ จิไรยะ เสียชีวิตในสงครามโลกนินจาครั้งที่หนึ่ง ดังนั้นจึงไม่มีทางที่เขาจะสามารถเรียนรู้คาถาอัญนเชิญด้วยตัวเอง และคาถานินจาชนิดนี้ มีนินจาน้อยคนที่รู้
อาคาบาเนะ ตกใจเมื่อได้ยินเรื่องนี้
เรื่องราวในเนื้อเรื่องกำลังเปลี่ยนไป!
ตามต้นฉบับ จิไรยะ ได้เรียนรู้คาถาอัญเชิญจาก ฮิรุเซ็น แต่ตอนนี้เนื่องจากการมีอยู่ของ อาคาบาเนะ โฮคาเงะ รุ่นที่ 3 จึงมุ่งความสนใจไปที่หมู่บ้านน้ำวนมากกว่า และด้วยเหตุนี้ จิไรยะ จึงต้องเรียนรู้จากวิธีอื่น
แล้วเขาไปเรียนมาจากไหน? ไม่มีใครสอนเขา ด้วยการคาดเดาของ อาคาบาเนะ มันมีความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียวเท่านั้น
เซียนกบใหญ่จากภูเขาเมียวโบคุ!
ไม่มีใครรู้ถึงความแข็งแกร่งและอายุของเซียนกบใหญ่ มันเป็นสิ่งมีชีวิตที่ลึกลับที่สุดจากภูเขาเมียวโบคุ; เขาสามารถทำนายส่วนหนึ่งของอนาคตได้
“ศิษย์แห่งคำทำนาย” ก็เป็นหนึ่งในคำทำนายของเขา
ถ้าเรากำลังพูดถึงเขา มันก็มีความเป็นไปได้ที่ จิไรยะ จะเรียนรู้คาถาอัญเชิญจากเขา
“อาคาบาเนะ นายกำลังคิดอะไรอยู่”
ซึนาเดะ มองไปที่ อาคาบาเนะ และเห็นเขาครุ่นคิดเธอจึงถามอย่างกังวล
“ไม่น่าจะเป็นไปได้อย่างยิ่งที่ จิไรยะ จะเรียนรู้คาถาอัญเชิญโดยไม่มีครู หรือถ้าจะอธิบายให้สมเหตุสมผลที่สุดคือ จิไรยะ ถูกสิ่งมีชีวิตบางอย่างที่คิดว่าเขาเหมาะสมที่จะเรียนรู้คาถาอัญเชิญพาตัวไป”
อาคาบาเนะ อธิบายทฤษฎีของเขา
หลังจากได้ยินคำพูดนี้ โอโรจิมารุ ก็รีบถาม “ครูฮิรุเซ็น เรื่องแบบนี้เป็นไปได้ไหม?”
ฮิรุเซ็น หยิบไปป์ของเขาออกมา และหลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็พูดว่า “สิ่งที่ อาคาบาเนะ พูดก็มีความเป็นไปได้แต่เราก็ไม่ตัดประเด็นอื่น”
คำพูดเหล่านี้ทำให้ศิษย์อีก 2 คนของเขาสับสนมากขึ้น
อาคาบาเนะ เหลือบมอง ฮิรุเซ็น และพึมพำในใจ
เขาคงรู้เกี่ยวกับความเป็นไปได้นี้มานานแล้ว
และดูเหมือนว่า ฮิรุเซ็น จะไม่กังวลเรื่อง จิไรยะ เลยแม้แต่น้อย เพราะ ถ้าอย่างนั้นเขาคงไม่มาหาฉันแทนที่จะไปตามหา จิไรยะ
“งั้นก็แสดงว่าตอนนี้ จิไรยะ น่าจะปลอดภัยใช่ไหม?”
ซึนาเดะ ถอนหายใจด้วยความโล่งอกและในที่สุดก็สามารถผ่อนคลายได้เล็กน้อย
“ก็นะ แต่โลกนี้มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์มากเกินไป มันยากเกินไปที่จะรู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน ดังนั้นพวกเราก็ทำได้แค่รอให้เขากลับมา”
ฮิรุเซ็น ถอนหายใจและคิดอะไรบางอย่างอย่างลับๆ
……………………
ภูเขาเมียวโบคุ
ล้อมรอบด้วยรูปปั้นกบสุดลูกหูลูกตา และในขณะนี้มีกบขนาดใหญ่กำลังสู้กับงูยักษ์อยู่ไม่ไกล
จิไรยะ ถึงกับอึ้ง "นี่ฉันอยู่ที่ไหน?"
“เจ้าเด็กมนุษย์ ในที่สุดเจ้าก็ปรากฏตัวขึ้น”
เสียงโบราณดังมาจากข้างบน
จิไรยะ เงยหน้าขึ้นและเห็นว่ามีจุดสีเขียวเล็กๆ เหนือน้ำตก และหลังจากที่เขามองเข้าไปใกล้ๆ…
กะ..กบพูดได้!?
“นี่…ที่นี่มันบ้าอะไรกันเนี่ย!?”
จิไรยะ ยังคงตกใจ เขาไม่ได้เรียนรู้คาถาอัญเชิญอย่างถูกต้อง ดังนั้นเขาจึงไม่รู้ว่าสัตว์อัญเชิญคืออะไรและมันทรงพลังแค่ไหน
“ท่านเซียนผู้เฒ่าของเราได้ทำนายเอาไว้ว่าจะมีเด็กมนุษย์หลงทางมาที่ภูเขาเมียวโบคุ”
ฟุคาซากุ พูดเบาๆ
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่เขาจะพูดจบ จิไรยะ ก็ขัดจังหวะอย่างรวดเร็ว “เห็นได้ชัดว่ามีคนบอกคาถาอัญเชิญบ้าบออะไรนั่นในความฝันของฉัน และบอกว่าฉันสามารถใช้คาถานี้เมื่อตกอยู่ในสถานการณ์ที่อันตราย แต่กลับพาฉันมายังสถานที่แปลก ๆ แบบนี้แทน นี่มันเป็นการลักพาตัวชัดๆ พาฉันออกไปเล๊ยยย!!!”
จิไรยะ ยังดูโกรธและรู้สึกว่าเขาโดนหลอก
“เอ่อ เรื่องนั้น...”
ฟุคาซากุ ชะงักเล็กน้อยเกือบครึ่งนาที…
สิ่งนี้แตกต่างจากที่ทำนายไว้!
“ไม่เป็นไร สิ่งที่สำคัญที่สุดคือเจ้ามาที่นี่เพื่อเติมเต็มโชคชะตาของเจ้า และด้วยเหตุนี้ชื่อของเจ้าจะถูกจารึกไว้บนม้วนคัมภีร์ของภูเขาเมียวโบคุ”
มีกบอีกตัวกระโดดออกมาจากด้านข้าง ซึ่งก็คือ ชิมะ 1 ใน 2 เซียนกบผู้ยิ่งใหญ่ที่เหลืออยู่
“โชคชะตา?”
“ใช่ ท่านผู้เฒ่าโอจิอิ ได้ทำนายไว้ว่าเจ้าจะมาที่ภูเขาเมียวโบคุเพื่อเรียนวิชานินจาของพวกเรา”
ชิมะ กล่าว
ยิ่ง จิไรยะ ครุ่นคิดก็ยิ่งฟังดูแปลกๆ และหลังจากนั้นไม่นานเขาก็พูดว่า “ไม่! อย่างแรก พวกคุณหลอกฉันมา อย่างที่ 2 พวกคุณพาฉันมาที่สถานที่แปลก ๆ นี้ แล้วยังมาบอกให้ฉันเรียนวิชานินจาของพวกคุณเพื่อทำตามคำทำนาย!?”
“.....…”
ชิมะ พูดไม่ออก นี่ใช่คนที่เราเฝ้ารอจริงๆหรอ? ไม่เหมือนที่ ท่านโอจิอิ พูดเลย!
“ฮึ่ม ถ้าไม่ใช่เพราะว่าฉันฉลาด สามารถวิเคราะห์ได้เป็นข้อๆ ฉันจะต้องถูกพวกคุณหรอกแน่!”
จิไรยะ คิดว่าหลังจากที่เขาได้อ่านหนังสือการ์ตูนนารูโตะของ อาคาบาเนะ ซึ่งเต็มไปด้วยการหลอกลวงชิงไหวชิงพริบ มันทำให้เขามองเห็นความหมายที่ซ่อนอยู่และปฏิเสธข้อเสนออย่างภาคภูมิใจ
“หยุดพูดไร้สาระ เมื่ออยู่ที่นี่เจ้าสามารถแข็งแกร่งขึ้นและทำสิ่งต่าง ๆ ที่เจ้าไม่สามารถทำได้มาก่อนและการอยู่ที่นี่เป็นข้อพิสูจน์ว่าเจ้าเป็นศิษย์แห่งคำทำนาย!”
ฟุคาซากุ ดูหงุดหงิด อะไรที่ทำให้เจ้าเด็กนี่มั่นใจในความฉลาดของตนเองทั้งๆที่ดูซื่อบื้อและไม่มีหัวคิดขนาดนี้?
ในเมื่อโน้มน้าวใจไม่ได้ ก็คงต้องใช้กำลังเท่านั้น!!
ติดตาม เพจนิยาย : CSNW ระบบการ์ตูนในโลกนารูโตะ