บทที่ 8 ข่าวร้ายมาเยือน
“ปู่ซุน ข้าเปิดจุดตันเถียนได้แล้ว”
เฉินเฉียงวิ่งกลับมาหาผู้อาวุโสซุนด้วยความตื่นเต้นพร้อมบอกผลสำเร็จให้ได้รับรู้
“โอ้...เอ็งแค่เปิดจุดตันเถียนได้จุดแรกหลังจากใช้เวลากว่าครึ่งเดือน จะดีใจไปเพื่อ?”
“ตาแก่คนนี้ล่ะสงสัยจริงๆว่าทำไมเอ็งถึงได้ใช้เวลามากมายขนาดนี้” “เหอะ ตอนข้านะ....... ช่างมันแล้วกัน กลับไปยืนข้างนอกได้แล้วทำการบ่มเพาะได้ ไม่ครบสองชั่วโมงไม่ต้องกลับเข้ามา ”
ถึงแม้ว่าเฉินเฉียงจะได้รับการตอบรับที่โหดร้ายจากผู้อาวุโสซุนแค่ไหนก็ตาม แต่เขานั้นก็ยังทำตามแต่โดยดี และเริ่มทำการเริ่มเปิดจุดชีพจรจะต่อไปที่อยู่ใกล้กับหัวใจในทันใด
หลังจากทำการเปิดจุดตันเถียนจุดแรกสำเร็จ ในระหว่างกระบวนการเปิดจุดชีพจรจุดถัดไปนั้น ในตอนนี้พลังภายในของสายเลือดในไหลบ่าเข้าไปในจุดตันเถียนที่เปิดแล้ว และนั่นเองทำให้ในตอนนี้ทำให้ตัวเขานั้นมีสถานะเป็นนักรบสายเลือดระดับเริ่มต้นในทันที
ความเข้มงวดของอาจารย์นั้นคือพระคุณยิ่งของลูกศิษย์ สิ่งนี้เฉินเฉียงรับรู้ได้เป็นอย่างดี
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทำให้เขานั้นยังรู้สึกตะขิดตะขวงใจอยู่บ้างก็คงเป็นความรู้สึกที่ว่าผู้อาวุโสซุนนั้นอยากจะให้ตัวเขาเปิดจุดชีพจรให้หมดได้ในวันเดียวนั่นเอง
สองชั่วโมงผ่านไป ผู้อาวุโสซุนได้เดินมาหาเฉินเฉียงพร้อมถุงกระดาษและไวน์อีกครึ่งขวด
“เอาล่ะ มากินข้าวได้แล้ว”
“ครับ”
ภายในห้อง ผู้อาวุโสซุนได้เปิดถุงกระดาษขึ้นมา และตอนนั้นเอง กลิ่นเนื้อได้หอมฟุ้งออกมา
“โอ้...ปู่ซุนดีที่สุดเลย วันนี้พวกเราได้กินเนื้อสัตว์ประหลาดกันอีกแล้วเหรอ”
เด็กๆได้มารุมล้อมผู้อาวุโสซุนราวกับหมาป่าที่หิวกระหาย พวกเขาต่างก็ดึงเสื้อของผู้อาวุโสซุนไปมาด้วยความดีใจ
“ไปไกลๆเลยพวกเอ็ง อย่างพวกแกเนี่ยนะ จะมีคุณสมบัติที่จะกินเนื้อนี่ มันเป็นสิทธิพิเศษเฉพาะเหล่านักรบสายเลือดเท่านั้นโว้ย มันมีไว้เพื่อเสริมสร้างร่างกายให้เหล่านักรบเท่านั้น”
“เมื่อไหร่ก็ตามที่พวกแกปลุกพลังสายเลือดแบบเฉิงเฉียงได้เมื่อไหร่ เมื่อนั้นตาแก่คนนี้จะนำเนื้อแบบนี้มาให้พวกแกกินให้หนำใจ”
ไอ้อ้วนและเด็กๆคนอื่นๆต่างก็จ้องมองไปยังเฉินเฉียงที่นั่งอยู่ที่โต๊ะด้วยความอิจฉา อิจฉาชนิดที่ว่าน้ำลายสอและย้อยออกมา
“ปู่ซุน ตอนข้าเข้างานก็ได้กินเนื้อพวกนี้อยู่แล้ว ถ้ายังไงก็ให้พวกนี้กินเนื้อไปก็ได้นะ”
หลังจากได้กินเนื้อสัตว์ประหลาดไปพอสมควร ทำให้เร่างกายของเขาในตอนนี้เกิดความอิ่มตัวและเนื้อของกระต่ายสายฟ้านี้ไม่ได้ส่งผลในการเสริมแกร่งให้ร่างกายของเขาอีก นี่จึงเป็นการดีกว่าถ้าจะให้เพื่อนๆของเขาได้เสริมสร้างร่างกายขึ้นมาบ้าง
“ไม่มีทาง อาณานิคมของพวกเราตอนนี้ยังอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก เนื้อที่ข้าได้มานี่ก็ช่างน้อยนิด และนี่ก็เพื่อการเสริมสร้างความแข็งแกร่งของเจ้าในระหว่างที่ต้องบ่มเพาะอยู่เท่านั้น”
เมื่อเห็นผู้อาวุโสซุนนั้นจริงจังกับเรื่องนี้ เฉินเฉียงก็รู้สึกถึงความอบอุ่นจากความตั้งใจจริงของชายชราผู้นี้
และนี่ทำให้เขาไม่มีทางเลือกและทำได้แค่เพียงกินเนื้อพวกนี้ไปคนเดียวเท่านั้น
“เอ้า ดื่มนี่ด้วย”
ผู้อาวุโสซุนได้ส่งไวน์ครึ่งชามให้กับเฉินเฉียง ด้วยน้ำเสียงแหบพร่าและฝืนทนไม่ให้อยากกิน
ในคืนวันนั้น ที่พักของเขาเต็มไปด้วยเสียงกรนลั่น
ถึงแม้ว่าเฉินเฉียงในตอนนี้จะหลับตาลง แต่เขานั้นยังคงใช้งานทักษะตรวจสอบด้วยเสียงนี้เอาไว้โดยตลอด และนั่นเองทำให้เขาได้รับรู้ว่าผู้อาวุโสซุนนั้นได้แอบเดินออกไปจากห้องเงียบๆ
และด้วยความสามารถในการได้ยินของเขาเพิ่มขึ้นมานั้นทำให้เขาได้ยินแม้แต่เสียงพูดบ่นเบาๆของผู้อาวุโสเกี่ยวกับตัวเขา
เฉินเฉียงนั้นได้ทำการเอาผ้าห่มมาคลุมโปง ก่อนที่จะหันหลังและหลับต่อไป
ยังไงซะวันพรุ่งนี้เขาก็ต้องเผชิญหน้ากับการสั่งสอนของผู้อาวุโสซุนในโหมดโหดเหี้ยมอยู่ดี
ในช่วงหนึ่งเดือนมานี้ ภายใต้การชี้แนะจากผู้อาวุโสซุน ทำให้เฉินเฉียงสามารถเปิดจุดชีพจรที่สองได้ในที่สุด
“เฉินเฉียง นี่ เงินเดือนของเจ้า”
กัปตันจางส่งแก่นคริสตัลห้าชิ้นให้เฉินเฉียง
“กัปตัน ข้าอยากจะซื้อไวน์ดีๆสักหน่อยน่ะ บอกข้าหน่อยสิว่าจะซื้อได้จากที่ไหน”
“ไวน์เหรอ .... เฉินเฉียง สำหรับอาณานิคมเราแล้ว ไวน์นี่ค่อนข้างจะเป็นของหรูหราเลยนะ แค่ไวน์ขวดเดียวก็เท่ากับแก่นคริสตัลชิ้นนึงแล้ว เจ้าต้องการจะซื้อจริงๆเหรอ”
เฉินเฉียงพยักหน้ารับ “ข้าสัญญากับปู่ซุนไว้ว่าจะซื้อไวน์ดีๆให้สักขวดน่ะ”
“อ้อ ตอนแรกข้าก็นึกว่าเจ้าจะซื้อดื่มเองซะอีก ถ้าเจ้าอยากได้ไวน์ละก็ไปหาผู้การหลิงซะ ไวน์ทั้งหมดในอาณานิคมเรานั้นเป็นผู้การหลิงดูแลการขายน่ะ”
แก่นคริสตัลสี่ชิ้นนี้ถูกเก็บเอาไว้และแปลเปลี่ยนเป็นค่าพลังงานให้เขาไปในทันที ในตอนนี้เขามีค่าพลังงานของระบบอยู่ที่ 140 หน่วยแล้ว
ในที่พักของผู้การหลิง เฉินเฉียงได้อธิบายความต้องการของเขาที่มาที่นี่
“ถ้างั้นเจ้าก็ต้องการจะซื้อไวน์ให้ผู้อาวุโสซุนสินะ เก็บเงินแก่นคริสตัลของเจ้าไปได้เลย เอ้านี้ ไวน์ของผู้อาวุโสซุน”
ผู้การหลิงส่งไวน์ให้เฉินเฉียงหนึ่งขวดในทันที
“หืม จะให้พบรับไปเฉยๆได้ยังกันครับ” เฉินเฉียงยังคงวางแก่นคริสตัลไว้หนึ่งชิ้นด้วยรอยยิ้มก่อนที่จะรับไวน์ขวดนี้มา
ในตอนนี้เอง เสียงขลุ่ยผิวก็ได้ดังขึ้น
“ศัตรูบุก”
ผู้การหลิงเปลี่ยนท่าทีในทันที เขารีบดึงเฉินเฉียงให้วิ่งไปด้วยกัน ทั้งสองได้วิ่งไปทางต้นเสียงในทันที
“ทางนั้น”
ผู้การหลิงได้ชี้ไปทางทิศตะวันตก ก่อนที่จะวิ่งไปอย่างสุดแรง
ขณะเดียวกัน นักรบสายเลือดประมาณสิบกว่าคนก็ได้มาสมทบ
“ฉิบ เสียงขลุ่ยหยุดไปแล้ว” เฉินเฉียงหน้าเปลี่ยนสีไปเล็กน้อย นั่นก็เพราะว่าทิศทางที่พวกเขาไปนั้นเป็นทิศทางที่เขาคุ้นเคยได้เป็นอย่างดี
มันเป็นสถานที่ทำงานของเขาในทีมเก็บกู้ซากศพก่อนหน้านี้
ยิ่งไปกว่านั้นคือ เขาจำได้ถึงสิ่งที่ผู้อาวุโสซุนได้พูดออกมาเมื่อคืนนี้ในขณะที่เขาเดินออกมาจากที่พักเมื่อคืน
เพียงไม่นาน ผู้การหลิงได้นำเฉินเฉียงไปยังที่ฝังศพเป็นคนแรก
“ปู่ซุนนนนนนน”
เฉินเฉียงได้รีบวิ่งไปยังที่ฝังศพ ในตอนนี้ร่างกายของผู้อาวุโสซุนนั้นเต็มไปด้วยเลือดทั่วร่างกาย ร่างกายของเขาได้นั่งผิงหลังกับป้ายหลุมศพ คอของเขามีบาดแผลถูกเฉือนที่โหดร้าย หัวของเขา...แทบจะขาดออกจากร่าง
ขาข้างหนึ่งได้หายไป
ผู้อาวุโสซุนยังคาบขลุ่ยผิวเอาไว้ที่ปาก ที่ปากของเขามีรอยเลือดที่พ่นออกมา ดวงตาของเขาเบิกโพลงจนแถบจะถลนออกมาจากร่าง นี่แสดงให้เห็นว่าเขานั้นตกในสภาพหวาดกลัวขนาดไหนก่อนที่จะตกตายไป
ไม่นาน เหล่านักรบสายเลือดมาล้อมรอบเกือบๆสามสิบคน
“นี่มันผู้อาวุโสซุนไม่ใช่เหรอ เขามาทำไมที่นี่กัน
“เจ้าไม่รู้เหรอว่าเขานั้นชอบมาที่นี่คนเดียวบ่อยๆ ด้วยการที่เขานั้นชรามากแล้วและได้พบเห็นคนที่ตกตายเพราะสัตว์ประหลาดพวกนี้บ่อยครั้งนักจึงได้มาลำลึกถึงพวกเขา....ไม่คิดว่า....คราวนี้จะกลายเป็นตัวผู้อาวุโสเอง...”
“โหดร้ายเกินไปแล้ว”
เฉินเฉียงในตอนนี้จิตใจว่างเปล่า เขาค่อยๆเดินไปยังร่างของผู้อาวุโสซุนและหยุดที่ข้างๆร่างของเขา
เฉินเฉียงมองไปยังร่างของผู้อาวุโสซุนที่ตายโดยที่ตายังปิดไม่สนิท เขานั่งลงและค่อยๆใช้มือปิดตาของผู้อาวุโสลงอย่างช้าๆ
และด้วยการที่เป็นมือขวาที่สัมผัสใบหน้าของผู้อาวุโสซุน เสียงของระบบย่อยสลายซากศพได้ดังขึ้นมา
ติ้ง
ระบบตรวจพบเป้าหมายที่สามารถใช้ประโยชน์ได้
ระบบดูดซับค่าการใช้ประโยชน์ยังไม่สามารถใช้งานได้ ค่าดังกล่าวจะถูกเปลี่ยนเป็นค่าพลังงานและแปลเปลี่ยนเป็นค่าการใช้ประโยชน์
ดูดซับค่าใช้ประโยชน์จากนักรบสายเลือดระดับนายพลวิญญาณเสร็จสมบูรณ์
ชื่อ เฉินเฉียง
ระดับ: นักรบสายเลือดทหารระดับกลาง
ค่าพลังงาน:50
ค่าการใช้ประโยชน์:1
ค่าความอดทน:22
ค่าความแข็งแกร่ง:42
ค่าความเร็ว:29
ค่าพลังจิต:24
วิธีการบ่มเพาะ: หลอมเลือดทำลายล้างระดับต้น
ทักษะ: ไร้ตัวตน
ทักษะ: การตรวจสอบด้วยเสียง
ทักษะ: บอลสายฟ้า
ทักษะ: เพลิงดาบทำลายวิญญาณระดับสุดยอด
ทักษะ: ย่างก้าวสวรรค์
ทักษะ: เรียนรู้สรรพสิ่ง
สายเลือด ค้างคาวพิษเพลิงระดับต้น
กระต่ายสายฟ้าระดับกลาง
เจ้าแห่งสายลมระดับต้น
ดิ้ง
ตรวจพบความเป็นไปได้ในการหลอมรวมทักษะ ค่าใช้จ่ายพลังงาน 30 หน่วย ระบบจะทำการดำเนินการให้อัตโนมัติ
ชื่อ เฉินเฉียง
ระดับ: นักรบสายเลือดทหารระดับกลาง
ค่าพลังงาน:20
ค่าการใช้ประโยชน์:1
ค่าความอดทน:22
ค่าความแข็งแกร่ง:42
ค่าความเร็ว:29
ค่าพลังจิต:24
วิธีการบ่มเพาะ: หลอมเลือดทำลายล้างระดับต้น
ทักษะ: ไร้ตัวตน
ทักษะ: การตรวจสอบด้วยเสียง
ทักษะ: บอลสายฟ้า
ทักษะ: เพลิงดาบสายฟ้าทำลายวิญญาณระดับต้น
ทักษะ: ก้าวย่างสวรรค์ระดับเริ่มเรียนรู้
สายเลือด ค้างคาวพิษเพลิงระดับต้น
กระต่ายสายฟ้าระดับกลาง
เจ้าแห่งสายลมระดับต้น
หมายเหตุ: การหลอมรวมทักษะระดับกลางต้องใช้ค่าพลังงาน 1,000 หน่วย ขอให้ท่านเพิ่มค่าพลังงานให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
ในตอนนี้เฉินเฉียงทำได้เพียงนิ่งอึ้งไปเท่านั้น
การหลอมรวมทักษะระดับกลางงั้นเหรอ
อีกทั้ง ก่อนหน้านี้เขานึกมาตลอดว่าผู้อาวุโสซุนผู้นี้เป็นเพียงแค่คนธรรมดาไม่ได้มีการบ่มเพาะร่างกายแต่อย่างใด แล้วทำไมเขานั้นถึงได้กลายเป็นนักรบสายเลือดระดับนายพลวิญญาณไปได้กัน
ไหนจะทักษะของเขาที่ในตอนนี้ทักษะบอลสายฟ้าได้รวมเข้ากับเพลงดาบทำลายวิญญาณจนกลายเป็นเพลงดาบสายฟ้าทำลายวิญญาณนี่อีก แถมยังเป็นระดับต้น
ที่เขาตกใจที่สุดในตอนนี้คงเป็นหลังจากหลอมรวมทักษะแล้วทำให้ตัวเขานั้นกลายเป็นนักรบสายเลือดระดับกลางไปแล้ว
เมื่อผู้การหลิงได้เห็นว่าเฉินเฉียงนั้นตกอยู่ในสภาพนิ่งเงียบ ทำให้เขานั้นต้องถอนลมหายใจออกมาและพูดปลอบในทันที “เฉินเฉียง อย่าเศร้าไปเลย ข้าคิดว่าผู้อาวุโสซุนนั้นคงไม่อยากเห็นเจ้าตกอยู่ในสภาพแบบนี้”
“....ผู้การ บอกพบเกี่ยวกับเรื่องของผู้อาวุโสซุนได้รึเปล่า เขาคงไม่ใช่คนธรรมดาสินะ”
เมื่อเฉินเฉียงได้ทำการบ่มเพาะและฝึกวิชาจากตำราทั้งสองที่ผู้อาวุโสเคยให้เขามานั้น ในตอนนั้นเองเขาก็คิดอยู่แล้วว่าผู้อาวุโสซุนนั้นต้องไม่ใช่คนธรรมดาอย่างแน่นอน
อีกทั้ง ด้วยตำแหน่งของผู้อาวุโสซุนในตอนนี้ ไม่มีทางเลยที่ตัวเขานั้นจะหาเนื้อสัตว์ประหลาดและไวน์มาได้อยู่บ่อยครั้ง
แต่ในทุกครั้งที่เขาถามตัวอาวุโสกลับบ่ายเบี่ยงไม่บอกเขาสักที
ผู้การหลิงเองได้ยืดตัวตรงราวกับทำความเคารพในทันที เขาทอดสายตามองไปไกล ก่อนที่จะพูดออกมา “มันเป็นเรื่องเมื่อสิบกว่าปีได้แล้ว”
“ผู้อาวุโสซุนนั้นมีชื่อเต็มๆว่าซุนต้าฮู่”
“เขาได้นำเจ้ามาที่อาณานิคมเขาหมาง ตอนนั้นเจ้าน่าจะมีอายุสักหนึ่งขวบได้ล่ะมั้ง”
“ในตอนนั้นข้ารู้เพียงว่าอาวุโสซุนนั้นมีสายเลือดระดับนายพลวิญญาณอยู่เท่านั้นเอง และอาวุธที่เขาใช้ในระหว่างที่พาเจ้ามาที่นี่ก็คือกระบี่ดั้นเมฆที่เจ้ากำลังใช้อยู่”
“แต่หลังจากที่เขามาถึงที่นี่แล้ว ระดับการบ่มเพราะของเขานั้นกลับลดต่ำลงมาอย่างหาสาเหตุไม่ได้ และในที่สุดระดับการบ่มเพาะของเขาก็ได้หายไปจนหมดสิ้น”
“ในตอนนั้นเองข้านึกได้เพียงว่าผู้อาวุโสซุนนั้นได้รับบาดเจ็บสาหัสจนทำให้จุดตันเถียนเสียหาย นี่ทำให้ชีวิตที่เหลือของเขานั้นต้องตกอยู่ในความอยากลำบาก”
“ส่วนที่มาที่ไปของเขานั้นข้าเคยลองตรวจสอบดูแล้วกลับไม่พบอะไรเลย”
เฉินเฉียงนั้น ในระหว่างที่รับฟังคำบอกเล่าของผู้การหลิง เขาก็ได้ทำการใช้ดาบดั้นเมฆขุดหลุมเพื่อเตรียมจะฝังศพผู้อาวุโสซุนไปด้วย
“ท่านผู้การ คุณพาทุกคนกลับไปก่อนแล้วกัน ข้าขอใช้เวลาอยู่กับผู้อาวุโสสักครู่หนึ่ง”
เมื่อผู้การหลิงได้ยินดังนั้น เขาจ้องมองไปบนท้องฟ้าก็พบว่าในตอนนี้เป็นเวลาพลบค่ำแล้ว เขาจึงได้เอ่ยปากพูดคำแนะนำออกมา “ก็ได้ เฉินเฉียง เจ้าเองก็ควรจะรีบกลับไปให้เร็วนะ จากบาดแผลของผู้อาวุโสซุนนี้ข้าคิดว่าเขาน่าจะได้รับบาดเจ็บจากหมาไม้สายฟ้า มันน่าจะยังอยู่ไม่ไกลจากที่นี่ เจ้าต้องระวังตัวด้วย”
หลังจากพูดจบ ผู้การหลิงได้ทำการยกมือส่งสัญญาณและพาเหล่านักรบสายเลือดกลับไป
“ปู่ซุน ปู่เองก็ได้ทำการจัดการศพผู้คนมามากมายกว่าสิบกว่าปี ไม่คิดว่าในวันนี้จะต้องถึงคราวปู่แล้ว งั้นข้าเองก็ขอเป็นคนจัดการให้ก็แล้วกัน”
เฉินเฉียงได้นำขลุ่ยผิวออกมาจากปากของผู้อาวุโสซุน หลังจากนั้นเขาได้เช็ดคราบเลือดที่เปรอะเปื้อนไปทั่วใบหน้า หลังจากจัดเสื้อผ้าใหม่แล้ว เขานำศพของผู้อาวุโสลงไปวางไว้ในหลุมอย่างเคารพรัก หลังจากนั้นก็ได้นำไวน์ที่ซื้อมาก่อนหน้านี้เปิดฝาออก หลังจากนั้นเขาก็ได้กระดกไปหนึ่งอึกใหญ่ แล้วเทส่วนหนึ่งลงไปในหลุม
“ดาบดั้นเมฆ”
เฉินเฉียงได้หยิบดาบออกมา ก่อนที่จะวางดาบลงที่ด้านหน้าของหลุมศพและพูดออกมาอย่างหนักแน่น “ปู่ซุน อย่าได้เป็นกังวลต่อสิ่งใดเลย ข้านั้นจะต้องกลายเป็นสุดยอดผู้ใช้ดาบเล่มนี้ให้จงได้”
“และถ้าข้าเดาไม่ผิด ปู่เองก็มีสายสัมพันธ์อันเหนียวแน่นกับพ่อของข้าสินะ”
“ไม่อย่างนั้นปู่คงไม่เสี่ยงชีวิตพาข้ามาอยู่ที่อาณานิคมเขาหมางแห่งนี้เป็นแน่”
หลังจากพูดจบ เฉินเฉียงในตอนนี้ได้ถือว่าตัวเขานั้นคือตัวตนของเจ้าของร่างนี้เรียบร้อยแล้ว
ทุกๆอย่างที่เขาได้รับมาจากผู้อาวุโสซุนนั้นมากมายเกินกว่าที่เขานั้นจะปฏิเสธตัวตนของร่างนี้ไปได้อีกต่อไป ถึงแม้ว่าจะเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากและโหดร้ายก็ตาม
“ปู่ซุน ข้าขอขอบคุณที่มอบวิธีการบ่มเพาะหลอมเลือดทลายสวรรค์และเพลงดาบทำลายวิญญาณให้ จนในตอนนี้ข้าเองก็ได้ชื่อว่าเป็นผู้ฝึกยุทธคนหนึ่งแล้ว”
“แล้วก็ไม่ต้องกังวลนะครับ ข้าจะไปนำตราแห่งเจ้าพลเทียนเว่ยแห่งทัพเมืองเหมันต์จันทรามาให้ได้อย่างแน่นอน”
“นี่คือคำสาบานที่ข้าจะมีให้ปู่ และเฉินเฉียงผู้นี้จะไม่ทำให้ท่านต้องผิดหวัง”
“แต่ก่อนหน้านี้ข้าเอง ดูเหมือนจะต้องมีสิ่งหนึ่งที่ต้องกระทำก่อน”
เฉินเฉียงยืนขึ้นมาก่อนที่จะดื่มไวน์ลงไปอีกอึกหนึ่งและเทส่วนที่เหลือลงไปที่หลุมศพ เขาค่อยๆใช้ดาบดั้นเมฆตักดินลงไปจนเต็มหลุม และเกิดเป็นเนินดินหลุมศพขึ้นมา
เขาเงยหน้าขึ้นมาจ้องมองไปยังต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ข้างๆหลุมศพ ก่อนที่จะใช้ดาบดั้นเมฆตัดมันจนกลายเป็นท่อนไม้ขนาดเท่าแขน หลังจากนั้นก็ใช้มีดที่ได้มาจากกัปตันฉีสลักตัวอักษรแถวตั้งหนึ่งแถว
“ผู้พันซุนต้าฮู่ ผู้ใต้บังคับบัญชาของผู้พันเทียนเว่ย”
ตัวอักษรง่ายๆแต่แฝงไว้ซึ่งความทรงจำมากมายแก่ผู้ที่พบเห็นและรู้จัก เขาทำการปักไม้ท่อนนี้ก่อนที่จะคุกเข่าคำนับแบบหัวจรดดินสามครั้งอย่างหนักแน่น
“หมาไม้สายฟ้า”
เฉินเฉียงที่ในตอนนี้ได้เก็บกระบี่ดั้นเมฆเอาไว้ที่หลังและมองท้องฟ้ากว้างยามค่ำคืนด้วยสายตาเยือกเย็น ก่อนที่จะกล่าวชื่อนั้นออกมาในขณะกัดฟันแน่น